ศูนย์ข่าวศรีราชา - “วิทยา คุณปลื้ม” ประกาศตัวลงสมัคร นายก อบจ.พร้อมเรียกประชุมสมาชิก วางแนวทางการเลือกตั้ง ส.อบจ.จังหวัดชลบุรี ที่จะมีการเลือกตั้งใหม่เดือนเมษายนนี้
วันนี้ (22 ม.ค.) ที่สำนักงานเรารักชลบุรี นายสนธยา คุณปลื้ม พร้อมด้วย นายวิทยา คุณปลื้ม หัวหน้ากลุ่มเรารักชลบุรี ได้เรียกประชุมสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรีและผู้บริหาร เพื่อวางแนวทางในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในช่วงเดือนเมษายน หลัง นายวิทยา คุณปลื้ม ประกาศ จะลงสมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรีในสมัยนี้ หลังจากที่นายภิญโญ ตั๊นวิเศษ จะหมดวาระในเดือนมีนาคม
การประชุมครั้งนี้ เพื่อเป็นการวางแนวทางที่ชัดเจนของกลุ่มเรารักชลบุรี ซึ่งจะใช้ผู้สมัครชุดเดิมที่ทำงานในขณะนี้ แต่ก็จะมีการเปลี่ยนแปลงในบางพื้นที่ เช่น ในเขตพื้นที่อำเภอสัตหีบ เนื่องจากผู้สมัครเดิมมีอายุมาก จึงขอเลิกเล่นการเมืองในครั้งนี้ โดยขณะนี้กลุ่มกำลังสรรหาบุคคลที่มีความเหมาะสมอยู่
นายวิทยา กล่าวถึงสาเหตุที่มาลงเล่นการเมืองท้องถิ่น เนื่องจากทางกลุ่มเรารักชลบุรี ได้มีการวางแนวการทำงานอย่างต่อเนื่อง และเห็นว่า ตนมีความเหมาะสมที่จะเข้ามาเล่นการเมืองในจุดนี้ จึงลงมาสมัครรับเลือกตั้ง และพร้อมจะนำประสบการณ์ ที่เคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และเลขานุการรัฐมนตรีมาหลายกระทรวง มาบริหารการทำงานในครั้งนี้
สำหรับงบประมาณในส่วนขององค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี ปีละประมาณกว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าจะเข้ามาดูแลในส่วนนี้ เพื่อผลประโยชน์บางประการ โดยในเรื่องงบประมาณดังกล่าว หากคำนวณแล้วมีไม่เพียงพอต่อการพัฒนาพื้นที่ของจังหวัดชลบุรี ซึ่งจะต้องประสานของบสนับสนุนจากส่วนกลางมาช่วยเหลือ เพื่อให้พื้นที่จังหวัดชลบุรีเติมโตยิ่งขึ้นไป
นายวิทยา กล่าวต่อไปว่า สำหรับแนวทางในการพัฒนาจังหวัดชลบุรี จะต้องพัฒนาให้ครอบคลุมทุกๆด้าน ไม่ว่าทางด้านสาธารณูปโภค-สาธารณูปการ, ด้านการศึกษา, ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านการเกษตร และด้านการท่องเที่ยว โดยจะต้องพัฒนาควบคู่กันไป โดยจะให้สมาชิกในแต่ละพื้นที่เป็นผู้เสนอและนำปัญหามาช่วยกันแก้ไข ซึ่งจะให้ทุกๆ ฝ่ายมีส่วนรวม รวมถึงประชาชนในแต่ละพื้นที่ด้วย
ด้านคู่แข่งที่จะมาลงแข่งขันในครั้งนี้ ตนไม่ได้เป็นห่วงว่า จะมีคู่แข่งหรือไม่มีคู่แข่ง โดยคิดเพียงต้องการจะเข้ามาพัฒนาจังหวัดชลบุรีให้เจริญขึ้นเท่านั้น
ส่วนที่กลุ่มสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่เคยอยู่ในสังกัดไม่ได้รับการเลือกตั้งในครั้งนี้มองว่าจะส่งผลกระทบต่อการพัฒนาจังหวัด ซึ่งเรื่องนี้เป็นคนละรูปแบบในการบริหารงาน จึงไม่น่าส่งผลกระทบอะไร แต่จะอยู่กันคนละพรรคก็สามารถประสาน และนำงบประมาณมาช่วยกันพัฒนาจังหวัดได้โดยไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน