ศูนย์ข่าวขอนแก่น - ชาวชุมชนบ้านหัวหนอง ในอำเภอชุมแพ สุดทนได้รับความเดือดร้อนจากผับเปิดเสียงดังในเวลาค่ำคืน เหตุตั้งอยู่ใกล้ชุมชนและวัดไม่ถึง 50 เมตร เปิดเสียงดังจนนอนไม่หลับติดต่อกันมานานกว่า 2 ปี ร้องหน่วยงานรัฐทั้งนายกเทศมนตรี นายอำเภอ ให้ช่วยเหลือแต่ไม่เป็นผล ตั้งข้อสังเกต จนท.รัฐมีผลประโยชน์กับสถานบันเทิงหรือไม่ สุดทนขึ้นป้ายคัดค้านทั่วชุมชน ทั้งแจ้งความ สภ.ชุมแพ เป็นหลักฐานยื่นต่อนายอำเภอคนใหม่ให้ช่วยแก้ไข
นางจวบพร สมบุญธวงษ์ ชาวชุมชนบ้านหัวหนอง ในเขตเทศบาลเมืองชุมแพ อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น เปิดเผยว่า ชาวชุมชนบ้านหัวหนอง ซึ่งเป็นชุมชนใหญ่มีครัวเรือนอาศัยมากกว่า 100 หลังคาเรือน ได้รับความเดือดร้อนจากสถานบันเทิง เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว เข้ามาเปิดบริการบริเวณหน้าโรงหนังชุมแพซีนีเพล็กซ์ ในลักษณะเปิดโล่ง ไม่มีกำแพงกั้น เสียงดนตรีจึงกระจายออกสู่ภายนอกถึงครัวเรือนในชุมชนหัวหนองซึ่งอยู่ติดกัน
สถานบันเทิงดังกล่าวเปิดเครื่องเสียงและเล่นดนตรีสดดังมาก โดยเปิดเสียงตั้งแต่เวลา 21.00 น.ไปจนถึง 24.00 น.หรือบางวันก็เปิดไปถึง 02.00 น.ของวันใหม่เป็นประจำทุกคืน ซึ่งระดับเสียงที่เปิดดังมาก สามารถรู้สึกได้ทุกครัวเรือน สังเกตได้จากกระจกภายในบ้านเรือนใกล้สถานบันเทิงจะสั่นตามเสียงดนตรี แล้วชาวบ้านจะนอนหลับได้อย่างไร เป็นปัญหามาตั้งแต่สถานบันเทิงเปิดบริการเมื่อปี 2549 แล้ว
“ชาวบ้านหัวหนอง ไม่มีความขัดแย้งส่วนตัวกับเจ้าของสถานบันเทิงเหล่านี้ แต่การให้บริการยามค่ำคืน ก็ควรเคารพสิทธิของชุมชนด้วย เพราะสถานบันเทิงเข้ามาตั้งติดชุมชนบ้านหัวหนองและใกล้กับวัดบุญบาลประดิษฐ์ไม่ถึง 50 เมตร ซึ่งผิด พ.ร.บ.สถานบันเทิง พ.ศ.2509 แล้วแต่กลับเปิดเสียงดังมาก และไม่คำนึงเลยว่าเสียงดนตรีจะสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านขนาดไหน” นางจวบพร กล่าวและว่า
ที่ผ่านมา ชาวบ้านหัวหนอง ได้รวมตัวกันเข้าร้องเรียนกับหน่วยงานรัฐใน อ.ชุมแพ หลายครั้ง โดยเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.2549 ได้ร้องเรียนกับนายสมเกียรติ ดีบุญมี ณ ชุมแพ นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองชุมแพ ซึ่งได้เรียกเจ้าของสถานบันเทิง มาทำบันทึกข้อตกลง 3 ฝ่ายระหว่าง ชาวบ้าน เจ้าของสถานบันเทิง และเทศบาลเมืองชุมแพ กำหนดมาตรการแก้ไขปัญหาร่วมกันโดยวางมาตการ 3 ข้อ คือ
ให้สถานบันเทิงใช้เสียงช่วงเวลา 22.00-01.00 น.ในระดับเสียงที่อยู่ในความพอใจของชุมชน โดยคณะกรรมการชุมชนและประชาชนตรวจสอบได้ อีกทั้งหลังจากเวลา 01.00 น.ให้สถานบันเทิงงดการใช้เสียงทุกชนิดในกิจการทุกประเภท และสุดท้ายห้ามมิให้ผู้ใช้บริการหรือลูกค้า ไปเปิดและควบคุมเสียงเอง ซึ่งเจ้าของสถานบันเทิงได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฉบับนี้แล้ว
แต่หลังจากนั้น สถานบันเทิงทั้ง 2 แห่ง ก็ยังเปิดเสียงดังตามเคย ไม่ยอมปฏิบัติตามบันทึกข้อตกลง ทั้งยังเปิดเสียงดังขึ้นไปอีก แข่งขันกันระหว่างสถานบันเทิง 2 แห่งที่อยู่ใกล้กัน บางคืนก็เปิดให้บริการไปจนถึง 02.00-03.00 น.ชาวบ้านหัวหนองจึงนำปัญหาความเดือดร้อนไปร้องต่อนายวีระพล สุพรรณไชยมาตย์ นายอำเภอชุมแพขณะนั้น ให้ช่วยแก้ไข และให้นายอำเภอชุมแพช่วยประสานเจ้าของสถานบันเทิงให้ย้ายออกไปตั้งในจุดที่ห่างจากชุมชน
นางจวบพร กล่าวต่อว่า นายอำเภอชุมแพ พยายามเจรจาให้ชาวบ้านยอมรับและเข้าใจเจ้าของสถานบันเทิงว่า เป็นการทำมาหากินขอให้อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข ทั้งไม่มีมาตรการแก้ไขใดๆออกมา เจ้าของสถานบันเทิงแห่งนี้ก็ยังคงเปิดเสียงดังตามเคย กลายเป็นปัญหายืดเยื้อยาวนาน และไม่เข้าใจว่า ทำไมหน่วยงานรัฐที่มีหน้าที่แก้ปัญหาและพัฒนาสังคมในพื้นที่ อ.ชุมแพ ไม่ยอมทำอะไรให้สังคมมีความเป็นสงบสุข หรือว่าเจ้าหน้าที่รัฐจะมีผลประโยชน์ร่วมกับเจ้าของสถานบันเทิง
นอกจากนี้ ยังเคยทำหนังสือร้องเรียน เพื่อจะนำไปยื่นกับ พล.ต.ต.ศักดา เตชะเกรียงไกร ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2550 ในโอกาสที่เดินทางมาที่อ.ชุมแพ แต่ก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ชุมแพ ทักท้วงเรื่องไว้ และรับปากว่าจะช่วยแก้ไขปัญหาให้ แต่ท้ายที่สุดก็ไม่มีการแก้ไขใดเกิดขึ้น ปัญหายังคงเป็นเหมือนเดิม
ล่าสุด ชาวชุมชนบ้านหัวหนอง ได้ทำป้ายคัดค้านสถานบันเทิงติดไว้ตามถนนสายหลัก อีกทั้งได้ร่วมกันลงชื่อผู้เดือดร้อนจากเสียงดังของสถานบันเทิงกว่า 80 ราย และส่งตัวแทนเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ชุมแพ เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2551 เพื่อบันทึกเป็นหลักฐาน และจะนำหลักฐานการแจ้งความนี้ไปยื่นร้องเรียนกับนายสมชาย มีสิงห์ นายอำเภอชุมแพที่เพิ่งย้ายเข้าทำหน้าที่ ให้ช่วยดำเนินการช่วยเหลือต่อไป