พะเยา - สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพะเยา เตือนเกษตรกร เตรียมตัวรับมือภัยแล้งก่อนได้รับผลกระทบ พร้อมแนะวิธีการรับมือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่เกษตรกร
นางธวัลรัตน์ ไชยอินปัน หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพะเยา ได้แจ้งเตือนเกษตรกรเตรียมตัวรับมือภัยแล้ง เนื่องจากหลายปีที่ผ่านมาประเทศไทยประสบภัยแล้งเป็นประจำทุกปี ซึ่งทุกครั้งที่เกิดภาวะความแห้งแล้ง เกษตรกรเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด เพราะการทำเกษตรต้องใช้น้ำเป็นหลัก
เกษตรกรจึงต้องเตรียมรับมือ เพื่อบรรเทาความเดือนร้อน โดยวางแผนการปลูกพืชให้เหมาะสมกับสถานการณ์และปริมาณน้ำต้นทุน, เลือกปลูกพืชอายุสั้นที่ใช้น้ำน้อย เช่นพืชตระกูลถั่ว ข้าวโพด ถั่วลิสง มันสำปะหลัง, งดเว้นการปลูกข้าวนาปรัง เพื่อหลีกเลี่ยงการขาดแคลนน้ำในช่วงต้นข้าวเจริญเติบโต
ทั้งนี้ หากยังมีน้ำในแหล่งน้ำให้ดำเนินการซ่อมแซมคูน้ำ โดยนำกระสอบทรายมาเสริม คันกั้นน้ำ และทำคันกั้นน้ำ และทำคันคูส่งน้ำให้กว้างสูงและมั่นคงมากขึ้น เพื่อป้องกันการพังทลาย, ตรวจสอบรูรั่ว รอยแตก รูที่อยู่อาศัยของสัตว์ หากพบให้รีบปิดรูหรือช่องโหว่ เพื่อมิให้น้ำไหลรั่วซึมลงใต้ดินอย่างรวดเร็ว, ไม่นำสัตว์ไปเลี้ยงบริเวณคลองหรือคูส่งน้ำ เพราะจะทำให้สูญเสียน้ำโดยเปล่าประโยชน์, หากพื้นที่ทำการเกษตรตั้งอยู่ในพื้นที่ประสบภัยแล้งซ้ำซากให้หมั่นติดตามรับฟังข่าวสารจากราชการเพื่อวางแผนทำการเกษตรได้สอดคล้องกับสถานการณ์ , งดการเผาฟาง ให้ใช้วิธีไถกลบตอซังและฟางข้าวแทน เพื่อป้องกันไฟลุกลาม และทำให้ดินสูญเสียความชุ่มชื้น
หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพะเยา กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้เราไม่อาจหลีกเลี่ยงความแห้งแล้งได้ แต่เราสามารถลดตัวกระตุ้นได้ โดยร่วมกันรักษาพื้นที่ป่าและปลูกป่าทดแทนให้มากยิ่งขึ้น เพราะอย่างน้อยเมื่อถึงฤดูแล้ง พื้นที่ป่าไม้จะทำหน้าที่ซับน้ำและเก็บความชุ่มชื้นไว้ใต้ดินทำให้ความแห้งแล้งลดลงได้ เกษตรกรที่ได้รับเดือดร้อนติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายอำนวยการและบริหารงานทั่วไป โทร. 0-5444-9644, 46-49
นางธวัลรัตน์ ไชยอินปัน หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพะเยา ได้แจ้งเตือนเกษตรกรเตรียมตัวรับมือภัยแล้ง เนื่องจากหลายปีที่ผ่านมาประเทศไทยประสบภัยแล้งเป็นประจำทุกปี ซึ่งทุกครั้งที่เกิดภาวะความแห้งแล้ง เกษตรกรเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด เพราะการทำเกษตรต้องใช้น้ำเป็นหลัก
เกษตรกรจึงต้องเตรียมรับมือ เพื่อบรรเทาความเดือนร้อน โดยวางแผนการปลูกพืชให้เหมาะสมกับสถานการณ์และปริมาณน้ำต้นทุน, เลือกปลูกพืชอายุสั้นที่ใช้น้ำน้อย เช่นพืชตระกูลถั่ว ข้าวโพด ถั่วลิสง มันสำปะหลัง, งดเว้นการปลูกข้าวนาปรัง เพื่อหลีกเลี่ยงการขาดแคลนน้ำในช่วงต้นข้าวเจริญเติบโต
ทั้งนี้ หากยังมีน้ำในแหล่งน้ำให้ดำเนินการซ่อมแซมคูน้ำ โดยนำกระสอบทรายมาเสริม คันกั้นน้ำ และทำคันกั้นน้ำ และทำคันคูส่งน้ำให้กว้างสูงและมั่นคงมากขึ้น เพื่อป้องกันการพังทลาย, ตรวจสอบรูรั่ว รอยแตก รูที่อยู่อาศัยของสัตว์ หากพบให้รีบปิดรูหรือช่องโหว่ เพื่อมิให้น้ำไหลรั่วซึมลงใต้ดินอย่างรวดเร็ว, ไม่นำสัตว์ไปเลี้ยงบริเวณคลองหรือคูส่งน้ำ เพราะจะทำให้สูญเสียน้ำโดยเปล่าประโยชน์, หากพื้นที่ทำการเกษตรตั้งอยู่ในพื้นที่ประสบภัยแล้งซ้ำซากให้หมั่นติดตามรับฟังข่าวสารจากราชการเพื่อวางแผนทำการเกษตรได้สอดคล้องกับสถานการณ์ , งดการเผาฟาง ให้ใช้วิธีไถกลบตอซังและฟางข้าวแทน เพื่อป้องกันไฟลุกลาม และทำให้ดินสูญเสียความชุ่มชื้น
หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพะเยา กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้เราไม่อาจหลีกเลี่ยงความแห้งแล้งได้ แต่เราสามารถลดตัวกระตุ้นได้ โดยร่วมกันรักษาพื้นที่ป่าและปลูกป่าทดแทนให้มากยิ่งขึ้น เพราะอย่างน้อยเมื่อถึงฤดูแล้ง พื้นที่ป่าไม้จะทำหน้าที่ซับน้ำและเก็บความชุ่มชื้นไว้ใต้ดินทำให้ความแห้งแล้งลดลงได้ เกษตรกรที่ได้รับเดือดร้อนติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายอำนวยการและบริหารงานทั่วไป โทร. 0-5444-9644, 46-49
