ศูนย์ข่าวศรีราชา -ตำรวจพัทยานำหมายศาลควบคุมตัวนักเที่ยวยุ่นฆ่าโหดเพื่อนตัวเอง หลังหลักฐานและพยานมัดตัวว่าเป็นผู้ลงมือสังหาร นักข่าวญี่ปุ่นรอแถลงข่าวแน่นโรงพักพัทยา
เวลา 14.00 น.วันนี้ (17 ม.ค.) พ.ต.อ.นภดล วงษ์น้อม ผกก.สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ได้รวบรวมพยานหลักฐาน และขออำนาจศาลจังหวัดพัทยาออกหมายจับที่ จ.55/2551 ลงวันที่ 17 ม.ค.2551 เพื่อควบคุมตัว นายซาซากิ โตชิอิโกะ อายุ 53 ปี ที่เรือนจำพิเศษหนองปลาไหล อ.บางละมุง และนำตัวมาสอบสวนแจ้งข้อหาเพิ่มเติม คือ “ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เพื่อความสะดวกในการกระทำผิดอย่างอื่น”
พร้อมกับคุมตัวนำมาแถลงข่าวที่ สภ.เมืองพัทยา โดยมี พล.ต.ต.บัณฑิต คุณจักร์ ผบก.ภ.จว.ชลบุรี เดินทางมาแถลงข่าวด้วยตัวเอง และได้รับความสนใจจากผู้สื่อข่าวจากประเทศญี่ปุ่นและผู้สื่อข่าวไทยจำนวนหลายสิบชีวิต ที่มาปักหลักรอทำข่าวตั้งแต่ช่วงเช้า
นายซาซากิ ถูกควบคุมตัวมาด้วยชุดเสื้อยืดสีเทา กางเกงขาสั้นสีเหลือง แสดงสีหน้าหวั่นวิตกเป็นอย่างมาก และให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา พร้อมกับเปิดเผยเพียงสั้นๆ ว่า ตนเองเป็นเพื่อนกับผู้ตาย และไม่มีเหตุจูงใจอันใดที่ตนจะไปฆ่านายฮิโตชิ
ภายหลังการแถลงข่าว พล.ต.ต.บัณฑิต คุณจักร์ ผบก.ภ.จว.ชลบุรี เปิดเผยว่า แนวทางการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทราบว่า เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.ที่ผ่านมา นายซาซากิ ได้เช่ารถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า วีออส สีเทา ทะเบียน กบ 6109 ชลบุรี จาก นายสุเทพ หรือ ตี๋ ปิยบุปผชาติ อายุ 51 ปี อาชีพปล่อยรถเช่าบริเวณตรงข้ามห้างท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต แล้วจ้างให้ นายสุเทพ นำรถยนต์คันดังกล่าวไปติดฟิล์มกรองแสงจนดำทึบ
จากนั้นได้ขับไปรับ นายฮิโรชิ ผู้ตาย ที่สนามบินสุวรรณภูมิ โดย นายซาซากิ ได้อ้างกับ น.ส.อิสลี หรือ นก วันทานี ภรรยา ว่า จะเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น แต่ต่อมาวันที่ 15 ธ.ค.เวลาประมาณ 16.00 น.นายซาซากิ ได้ขับรถยนต์คันดังกล่าวกลับไปที่บ้านพัก ภายในซอยวัดบุณกัญจนาราม พร้อมกับนำทรัพย์สินของนายฮิโรชิ กลับมาที่บ้านพักด้วย
พล.ต.ต.บัณฑิต กล่าวต่อว่า จากการสืบสวนสอบสวนทั้งพยานบุคคล และพยานแวดล้อมแล้วเชื่อว่า นายซาซากิ โตชิฮะโกะ มีความเชื่อมโยงกับสาเหตุการตายของนายฮิโรชิ เนื่องจากเป็นผู้ไปรับที่สนามบิน ประกอบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจยึดทรัพย์สินของผู้ตายได้จากบ้านพักนายซาซากิ จึงเชื่อว่า มีส่วนในการฆาตกรรมนายฮิโรชิ จึงได้ขออำนาจศาลออกหมายจับดังกล่าว
ส่วนวิธีที่ นายซาซากิ ใช้ในการฆาตกรรม ตำรวจสันนิษฐานว่า นายซาซากิ น่าจะวางยาสลบผู้ตาย และนำถุงมาครอบหัวให้ขาดอากาศหายใจ จากนั้นจึงนำศพไปทิ้งไว้ในป่าพื้นที่ สภ.พลูตาหลวง
“ส่วนสาเหตุของการฆาตกรรมโหดครั้งนี้ เนื่องจากคนร้ายต้องการทรัพย์สินของผู้ตาย คดีนี้ถึงแม้ผู้ต้องหาจะให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา แต่ตำรวจมีพยานหลักฐานค่อนข้างแน่นหนา อีกทั้งรอผลพิสูจน์ดีเอ็นเอก้นบุหรี่ที่ตกอยู่จุดที่พบศพ คาดว่า น่าจะสามารถดำเนินคดีกับผู้ต้องหาได้อย่างแน่นอน” พล.ต.ต.บัณฑิต กล่าวทิ้งท้าย