ตราด - “ดร.บุญส่ง” ร่วมทีมดึงอดีตครู ผู้บริหารสาธารณสุข ส.จ.เขาสมิง ทนายความ ชาวตราด กทม.ตั้งกลุ่มรักษ์เมืองตราด ลงแข่ง “กลุ่มลูกเมืองตราด” ประกาศพัฒนาการศึกษา เกษตรกรรมก่อน
วันนี้ (14 ม.ค.) ที่ห้องอาหารกรุงไทยคิชเช่น ดร.บุญส่ง ไข่เกษ อดีต ส.ส.ตราด และ ส.ว.ตราด ในฐานะ หน.กลุ่มรักษ์เมืองตราด และผู้สมัครรับเลือกตั้ง นายก อบจ.ตราด ประกอบด้วย นายวรวิทย์ ประมาณพล อดีต หน.สำนักงานการประถมศึกษา อ.เขาสมิง นายพนัส นันทปกรณ์ ผู้บริหารงาน สาธารณสุข 8 ที่จะสมัครรองนายก อบจ.ตราด ทีมที่ปรึกษา
ประกอบด้วย พ.อ.(พิเศษ) นริศ รมยานนท์ นายกสมาคม ชาวตราด นายปรีชา อิ่มโภชน์ อดีต กกต.ตราด นายสว่าง ชื่นอารมย์ อดีต ส.จ.ตราด และประธานกลุ่มเกษตรกร จ.ตราด และทันตแพทย์หญิงพีรนุช อ่อนอิ่นทร์ ผู้ประกอบธุรกิจสปาเกาะช้าง และ นายฐิติกร โลหะคุปต์ เลขาธิการ สมาคมประมงแห่งประเทศไทย ร่วมแถลงข่าวเปิดตัวลงสมัครับเลือกตั้ง “นายก อบจ.ตราด”
ดร.บุญส่ง กล่าวว่า ได้จัดตั้งกลุ่มรักษ์เมืองตราด มาเป็นเวลา 3 เดือน โดยได้คัดเลือกบุคคลากรที่มีความรู้ ความสามารถในสาขาต่างๆ ทั้งในระดับผู้บริหารการศึกษา ผู้บริหารงานสาธารณสุข นักกฎหมาย เกษตรกร แพทย์ที่จะมาทำงานด้านสงเคราะห์ผู้ชรา เพื่อเตรียมตัวขึ้นมาบริหารใน อบจ.ตราด โดยทั้งหมดได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกัน ทำงานร่วมกัน และคิดร่วมกันมาเป็นเวลานานเพื่อคิดนโยบาย คัดเลือกบุคลากร ในการลงรับสมัครเลือกตั้ง เพื่อให้ได้นโยบายและบุคคลากรที่ดีที่สุด เพื่อเข้ามาทำงานรับใช้พี่น้องประชาชนชาวตราด
“กลุ่มรักษ์เมืองตราด ได้กำหนดนโยบายหลักไว้ในเรื่องการพัฒนาการศึกษาของเยาวชนตราดเป็นหลักเพื่อให้การศึกษาให้มากขึ้น รวมทั้งการให้ความรู้ในเรื่องประชาธิปไตย เพื่อให้ประชาชนรับรู้ในเรื่องสิทธิ เสรีภาพของประชาชนและองค์กรชุมชนมากขึ้นและจะเกิดผลดีต่อการทำงานของ อบจ.ตราด รวมทั้งการแก้ปัญหาในเรื่องผล ผลิตผลไม้ของชาวสวนผลไม้และชาวไร่ การพัฒนาเศรษฐกิจในภาพ รวมทั้งชายแดนและการท่องเที่ยวที่สำคัญที่สุด คือ การใช้งบประมาณอย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้โดย 4 ปี อบจ.ตราด มีงบประมาณ ประมาณ 240 ล้าน ที่เหลือกลุ่มรักษ์เมืองตราด จะใช้อย่างคุ้มค่า และไม่สร้างปัญหาให้กับผู้บริหารชุดใหม่ ที่จะเข้ามารับหน้าที่ใหม่”
ดร.บุญส่ง กล่าวว่า หากได้รับเลือกตั้งเป็นนายก อบจ.ตราด จะเข้าไปมีส่วนร่วมในสมาคม อบจ.แห่งประเทศไทย เพื่อเข้าไปผลักดันงบประมาณของท้องถิ่น ในสภาผู้แทนราษฎรให้ท้องถิ่นได้งบ 35% จะทำให้ อบจ.มีงบประมาณในการโอนสถานศึกษาและสาธารณสุขเข้ามาอยู่ในอบจ.ได้ ซึ่งตนเองมีประสบการณ์ในการทำงาน ในรัฐสภาจะสามารถทำงานด้านนี้ได้
วันนี้ (14 ม.ค.) ที่ห้องอาหารกรุงไทยคิชเช่น ดร.บุญส่ง ไข่เกษ อดีต ส.ส.ตราด และ ส.ว.ตราด ในฐานะ หน.กลุ่มรักษ์เมืองตราด และผู้สมัครรับเลือกตั้ง นายก อบจ.ตราด ประกอบด้วย นายวรวิทย์ ประมาณพล อดีต หน.สำนักงานการประถมศึกษา อ.เขาสมิง นายพนัส นันทปกรณ์ ผู้บริหารงาน สาธารณสุข 8 ที่จะสมัครรองนายก อบจ.ตราด ทีมที่ปรึกษา
ประกอบด้วย พ.อ.(พิเศษ) นริศ รมยานนท์ นายกสมาคม ชาวตราด นายปรีชา อิ่มโภชน์ อดีต กกต.ตราด นายสว่าง ชื่นอารมย์ อดีต ส.จ.ตราด และประธานกลุ่มเกษตรกร จ.ตราด และทันตแพทย์หญิงพีรนุช อ่อนอิ่นทร์ ผู้ประกอบธุรกิจสปาเกาะช้าง และ นายฐิติกร โลหะคุปต์ เลขาธิการ สมาคมประมงแห่งประเทศไทย ร่วมแถลงข่าวเปิดตัวลงสมัครับเลือกตั้ง “นายก อบจ.ตราด”
ดร.บุญส่ง กล่าวว่า ได้จัดตั้งกลุ่มรักษ์เมืองตราด มาเป็นเวลา 3 เดือน โดยได้คัดเลือกบุคคลากรที่มีความรู้ ความสามารถในสาขาต่างๆ ทั้งในระดับผู้บริหารการศึกษา ผู้บริหารงานสาธารณสุข นักกฎหมาย เกษตรกร แพทย์ที่จะมาทำงานด้านสงเคราะห์ผู้ชรา เพื่อเตรียมตัวขึ้นมาบริหารใน อบจ.ตราด โดยทั้งหมดได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกัน ทำงานร่วมกัน และคิดร่วมกันมาเป็นเวลานานเพื่อคิดนโยบาย คัดเลือกบุคลากร ในการลงรับสมัครเลือกตั้ง เพื่อให้ได้นโยบายและบุคคลากรที่ดีที่สุด เพื่อเข้ามาทำงานรับใช้พี่น้องประชาชนชาวตราด
“กลุ่มรักษ์เมืองตราด ได้กำหนดนโยบายหลักไว้ในเรื่องการพัฒนาการศึกษาของเยาวชนตราดเป็นหลักเพื่อให้การศึกษาให้มากขึ้น รวมทั้งการให้ความรู้ในเรื่องประชาธิปไตย เพื่อให้ประชาชนรับรู้ในเรื่องสิทธิ เสรีภาพของประชาชนและองค์กรชุมชนมากขึ้นและจะเกิดผลดีต่อการทำงานของ อบจ.ตราด รวมทั้งการแก้ปัญหาในเรื่องผล ผลิตผลไม้ของชาวสวนผลไม้และชาวไร่ การพัฒนาเศรษฐกิจในภาพ รวมทั้งชายแดนและการท่องเที่ยวที่สำคัญที่สุด คือ การใช้งบประมาณอย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้โดย 4 ปี อบจ.ตราด มีงบประมาณ ประมาณ 240 ล้าน ที่เหลือกลุ่มรักษ์เมืองตราด จะใช้อย่างคุ้มค่า และไม่สร้างปัญหาให้กับผู้บริหารชุดใหม่ ที่จะเข้ามารับหน้าที่ใหม่”
ดร.บุญส่ง กล่าวว่า หากได้รับเลือกตั้งเป็นนายก อบจ.ตราด จะเข้าไปมีส่วนร่วมในสมาคม อบจ.แห่งประเทศไทย เพื่อเข้าไปผลักดันงบประมาณของท้องถิ่น ในสภาผู้แทนราษฎรให้ท้องถิ่นได้งบ 35% จะทำให้ อบจ.มีงบประมาณในการโอนสถานศึกษาและสาธารณสุขเข้ามาอยู่ในอบจ.ได้ ซึ่งตนเองมีประสบการณ์ในการทำงาน ในรัฐสภาจะสามารถทำงานด้านนี้ได้