ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - “คุณลุงพิการ” วัย 67 ปีบ้านก็วล และครูโรงเรียนบ้านราม เมืองสุรินทร์ น้อมรำลึกในมหากรุณาธิคุณและอาลัยต่อการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ เผยมีโอกาสเข้าเฝ้ารับแสด็จเมื่อครั้งทรงเยี่ยมราษฏรถิ่นทุรกันดารที่โรงเรียนบ้านราม เมื่อ 23 มี.ค. 2543 ทรงวางพระองค์อย่างเป็นกันเอง และได้รับการรักษาจากแพทย์ “พอ.สว.”
นายบุญส่ง นาคเกี้ยว อายุ 67 ปี พิการเดินไม่ได้ ชาวบ้านก็วล ต.ราม อ.เมือง จ.สุรินทร์ กล่าวถึงพระมหากรุณาธิคุณ ของ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทั้งน้ำตาแห่งความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และอาลัยต่อการสิ้นพระชนม์ของพระองค์ท่านว่า สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เสด็จเยี่ยมประชาชนในถิ่นทุรกันดาร พร้อมนำคณะแพทย์ พอ.สว. มารักษาราษฎรที่โรงเรียนบ้านราม ต.ราม อ. เมือง จ.สุรินทร์ เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2543 นั้น เป็นวันที่ตนไม่เคยลืมเพราะปลาบปลื้มใจและเป็นสิริมงคลกับชีวิตตนมาก
ทั้งนี้ แม้ว่าตนร่างกายจะพิการแต่มีโอกาสได้เฝ้ารับเสด็จพระองค์ท่านและพระองค์ท่านได้ตรัสถามถึงอาการป่วย ซึ่งตนยังจำได้จนถึงทุกวันนี้พร้อมกันนี้ยังได้รับการตรวจรักษาจากคณะแพทย์ พอ.สว. ที่ตามเสด็จพระองค์ด้วย ในวันนั้นจำได้ไม่ลืมพระองค์ทรงถามอาการป่วย ซึ่งตนก็ตอบว่า ป่วยมาตั้งแต่ปี 2539 แล้ว
“ช่วงที่พระองค์ท่านทรงประชวรได้ติดตามข่าวสารอย่างต่อเนื่องและตั้งจิตภาวนาให้พระองค์ทรงหายเป็นปกติโดยเร็ว แต่มาทราบว่าพระองค์ทรงสิ้นพระชนม์รู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก ขอให้พระองค์ไปอยู่ในที่สูงสุด” นายบุญส่ง กล่าว
ทางด้านนางนันทา นิยมทอง ครูโรงเรียนบ้านราม ซึ่งเป็นผู้ถวายของที่ระลึก แด่ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เมื่อครั้งพระองค์เสด็จ นำคณะแพทย์ พอ.สว.มาที่โรงเรียนบ้านราม เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2543 กล่าวว่า ยังจำได้ไม่ลืมและถือเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตตนและครอบครัวเป็นอย่างมาก
ในวันนั้น พระองค์เสด็จมาประทับยังใต้ต้นมะม่วง 2 ต้น บริเวณสนามกีฬาโรงเรียน โดยมีประชาชนมาเฝ้ารับเสด็จเป็นจำนวนมาก และตนได้เป็นตัวแทน ถวายของที่ระลึกแด่พระองค์ท่าน เป็นผ้าไหม และตะกร้าหวายใส่ผลไม้ ซึ่งพระองค์ท่านยังตรัสถามว่า “ให้ฉันหมดนี่เลยหรือ” ตนก็ตอบพระองค์ท่านว่า “ค่ะ” พระองค์ท่านเป็นกันเองไม่ถือพระองค์เลย
"ช่วงที่พระองค์ท่านประชวรได้ติดตามข่าวทางสื่อต่างๆ อย่างใกล้ชิดพร้อมตั้งจิตอธิฐานให้พระองค์ท่านทรงหายโดยเร็ว แต่พอรู้ว่าพระองค์สิ้นพระชนม์รู้สึกเสียใจและอาลัยเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งตนและประชาชนชาวตำบลรามจะสืบสานปณิธานและทำความดี เพื่อถวายแด่พระองค์ท่านตลอดไป" นางนันทา กล่าวในตอนท้าย