นี่คืออีกหนึ่ง “ทางลัด” เพื่ออนาคตทางราชการ!! อดีตข้าราชการช่วยวิเคราะห์ เส้นทางเติบโตอย่างก้าวกระโดดของ “ตำรวจสาวคนดัง” โดยเฉพาะ “การโอนย้ายสังกัด” ที่อดีตตำรวจคอนเฟิร์มไว้ว่า ต้องมี “ระดับบิ๊ก” เซ็นอนุมัติเท่านั้น
** “ไม่ได้ขอ” แต่โดนย้ายไปเป็น “ปลัด” **
กลายเป็นกระแสให้สปอตไลต์หันมาส่องอีกครั้ง สำหรับตำรวจสาวคนเก่ง อย่าง “ผู้กองแคท” ร.ต.อ.หญิง อาทิติยา เบ็ญจะปักเมื่อล่าสุด เธอได้รับการแต่งตั้ง “โยกย้าย” ให้ไปเป็น “ปลัดอำเภอ เมืองศรีสะเกษ”หลังจากเจ้าตัว “จบหลักสูตรปลัดอำเภอ” รุ่นที่ 272
แต่ไม่รู้เพราะอะไร “วันมูหะมัดนอร์ มะทา”ประธานสภาผู้แทนราษฎร ถึงได้ทำ “หนังสือด่วนที่สุด” ขอ “ยืมตัว”เธอ มาช่วยราชการที่ “สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร” ในส่วนงานของประธานรัฐสภา เป็น “กรณีพิเศษ”
แต่ทาง “รณรงค์ ทิพย์ศิริ” รองอธิบดี ปฏิบัติราชการแทน อธิบดีกรมการปกครอง ก็ทำหนังสือตอบไปทันทีว่า “ไม่ได้” เพราะเธอต้องอยู่ปฏิบัติงานในพื้นที่ เพื่อสั่งสมประสบการณ์
{“ผู้กองแคท” (ร.ต.อ.หญิง อาทิติยา เบ็ญจะปัก)}
ล่าสุด เจ้าตัวได้ออกมาโพสต์ข้อความ ออกแนว “โวย” ผ่าน Instagram ประมาณว่า “ไม่ได้สมัครใจ” ที่จะย้ายไปทำงาน และ “ไม่ได้ร้องขอ" ที่จะไปเป็น “ปลัดอำเภอ”
“มีคำสั่งย้ายไปเป็นปลัด แต่เจ้าตัวไม่เคยเขียนคำร้องขอ และไม่ได้สมัครใจขอย้ายไปที่ไหน คนออกคำสั่งนี้...จะว่ายังไง?”
ถ้าใครยังงงว่า จาก “ตำรวจ”ไปเป็น “ปลัด”ได้ยังไง? ก็ต้องอธิบายก่อนว่า “ผู้กองแคท” ได้ “โอนย้าย”จาก “รองสารวัตร” กลุ่มงานวิชาการและงานสารบรรณ ประจำ “สำนักงานตำรวจแห่งชาติ” ไปเป็น “นักประชาสัมพันธ์”กลุ่มงานประชาสัมพันธ์ “กรมการปกครอง” ตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว (2567) แล้ว
และหลังจากกรมการปกครอง “ปฏิเสธการขอยืมตัว”ให้ไปช่วยงานสภาฯ ล่าสุด เจ้าตัวก็ไปยื่น “หนังสือลาออก”พร้อมให้เหตุผลว่า “ประสงค์ที่จะไปประกอบอาชีพอื่น”เรียบร้อยแล้ว
{“ผู้กองแคท” ยื่นซองขาว ขอปิดจบ “ชีวิตข้าราชการ”}
** โอนย้ายทางลัด? รับรองจาก “ระดับบิ๊ก” **
ที่น่าสนใจคือ แท้จริงแล้ว ตำแหน่ง“ปลัดอำเภอ”ระบุคุณสมบัติเอาไว้ชัดเจนว่า วุฒิที่ต้องการคือ “รัฐศาสตร์” ,“นิติศาสตร์” หรือ “รัฐประศาสนศาสตร์”
แต่ “ผู้กองแคท” ที่ได้รับตำแหน่งคนล่าสุด กลับเรียนจบปริญญาตรีและโท “นิเทศศาสตร์การตลาด” มา ทำให้สังคมตั้งคำถามว่า แล้วมาเป็นปลัดได้ยังไง?
เกี่ยวกับเรื่องนี้ “โต้ง” รศ.พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงค์ พูตระกูล ประธานกรรมการคณะอาชญาวิทยาและการบริหารงานยุติธรรม ม.รังสิต ช่วยอธิบายเรื่องนี้เอาไว้ให้
โดยเริ่มจากจุดที่ว่า คนที่จะเป็น “ปลัดอำเภอ” ต้องตรวจสอบคุณสมบัติก่อนว่า มี “วุฒิ” ตรงตามที่ต้องการหรือเปล่า
จากนั้นถึงมีสิทธิ์เข้าสอบ โดยต้องผ่านการสอบ “ภาค ก.” สอบวัดความรู้ทั่วไป ที่จัดสอบทุกปีโดย “สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.)”
ขั้นตอนต่อไปคือ “รอ” ไปสอบ “ภาค ข.” ของ “กรมการปกครอง” ซึ่งก็ไม่ได้เปิดสอบทุกปี เพราะจะเปิดก็ต่อเมื่อมี “ตำแหน่งว่าง” เท่านั้นและเมื่อสอบผ่าน ก็จะเอาสู่การสอบ “ภาค ค.” คือ “สอบสัมภาษณ์”
จากนั้น ถึงจะได้บรรจุเป็น “ปลัดอำเภอ” และเข้าอบรม “หลักสูตรปลัดอำเภอ” ก่อนได้ลงพื้นที่ทำงานจริง ทั้งหมดนี้คือ เส้นทางการเข้ามาเป็นปลัดของ “คนธรรมดา”
แต่กรณีของ “ผู้กองแคท” นั้น ดร.โต้ง บอกไว้ว่าต่างออกไป เพราะเธอได้ “โอนย้ายสังกัด” จาก “ข้าราชการตำรวจ” ที่อยู่ใต้ “สำนักงานตำรวจแห่งชาติ” มาอยู่เป็น “ข้าราชการกรมการปกครอง” ใต้สังกัด “กระทรวงมหาดไทย” แทน
“น่าจะยุ่งยากน้อยกว่า การที่ประชาชนคนทั่วไป จะสอบบรรจุเข้าอะครับ”
วิถีทางนี้ จึงเป็นเหมือน “ทางลัด” สู่ตำแหน่งนี้ เพราะเมื่อเป็นข้าราชการ “โอนย้าย” มาแบบ “ไม่ต้องสอบ” จึงไม่ต้องดูว่า วุฒิตรงไหม เพราะถือว่าเป็นข้าราชการอยู่แล้ว ข้ามไปขั้นตอนการ “อบรมหลักสูตรปลัดอำเภอ” ไปได้เลย
อดีตตำรวจรายเดิมบอกว่า “การโอนย้ายสังกัด” เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้ ถ้าต้นสังกัดยอมปล่อยตัว และปลายทางมี “ตำแหน่งว่าง”ให้ลง ซึ่ง “คนเซ็นอนุมัติ” ก็ต้องเป็น “ระดับบิ๊กๆ”ของทั้ง 2 หน่วยงาน
“พูดง่ายๆ ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องคุยทั้ง 2 หน่วย ซึ่งทั้ง 2 หน่วยอนุมัติ ต้องระดับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เสนอเรื่องไปอย่างนี้ เซ็นปล่อยตัว กรมการปกครองก็ต้องระดับอธิบดีใช่ไหมครับ”
คำถามที่ ดร.โต้ง ชวนให้คิดก็คือ ถ้าเป็นข้าราชการ หรือตำรวจตามโรงพักทั่วไป อยากย้ายไปอยู่หน่วยงานอื่นแบบนี้ พวกเขาจะได้รับการอนุมัติ พิจารณาให้โยกย้ายง่ายๆ แบบนี้หรือเปล่า?
{“ดร.โต้ง” ประธานกรรมการคณะอาชญาวิทยาฯ}
** ยศขึ้นยาก ถ้า “ไม่มีซี-ไม่มีซี้” **
ประเด็นต่อมาของ “ผู้กองแคท” ที่น่าสนใจก็คือ เธอทำราวกับว่าไม่ได้อยากเป็นปลัดอำเภอไม่ต้องการย้ายไปทำงานที่อื่น แต่ดันจบหลักสูตรปลัดอำเภอ ซึ่งเป็นการอบรมของคนที่ “บรรจุ” เป็น “ปลัดอำเภอ” แล้ว
โดยปกติ เมื่ออบรมเสร็จ จะต้องไปทำงานตามพื้นที่ต่างๆ ตามตำแหน่งว่างที่มีอยู่ โดย “ไม่มีสิทธิ์เลือกเอง” ว่าต้องไปประจำในพื้นที่ไหน
จึงเกิดกลายเป็นคำถามที่ว่า ถ้าเจ้าตัว “ไม่อยากได้-ไม่อยากเป็น” ตำแหน่งนี้ตั้งแต่แรก แล้วเข้ามาอบรมหลักสูตรเฉพาะทางตรงนี้ทำไม? อดีตตำรวจรายเดิมวิเคราะห์ไว้ว่า นี่อาจเป็นการวางแผนเพื่ออนาคตทางราชการก็ได้
“บางทีก็อาจจะเรียนเพื่อให้ได้คุณสมบัติ เพื่อให้ครบตามเกณฑ์ เพราะการจะเติบโตขึ้นไป เช่น จะเป็นนายอำเภอ ก็ต้องผ่านโรงเรียนปลัดอำเภอ ถูกไหมครับ ไม่งั้นจะขยับขึ้นเป็นนายอำเภอไม่ได้
นั่นก็หมายความว่า ไปอบรม เพื่อให้ได้คุณสมบัติครบ เพื่อที่จะเติบโตในราชการต่อไป”
และจากเหตุการณ์นี่เอง หลายคนที่กำลังให้ความสนใจในประเด็นนี้ จึงออกปากแซวว่า เจ้าตัวไม่น่าด่วนตัดสินใจ “ลาออก” เลย เพราะถ้าเลือกอยู่ต่ออีกสักหน่อย ก็คงได้เป็น “ข้าราชการระดับสูง” แน่ๆ
เพราะขนาดแค่เวลา “4 ปี” เธอยังสามารถ “ไต่เต้า” เลื่อนขั้นได้ถึง “7 ชั้นยศ” ชนิดที่แทบจะเรียกได้ว่า เติบโตแบบก้าวกระโดดจนน่าตกใจ
คือจาก “ตำรวจชั้นประทวน” ยศ “สิบตำรวจตรี” ไปเป็น “ตำรวจชั้นสัญญาบัตร(นายตำรวจ)” ยศ “ร้อยตำรวจเอก” ที่วิจารณ์กันหนักว่า ใช้ชีวิตราชการไม่ได้กี่ปี แต่กลับโตไวแบบอัปสปีด 5G
เพราะถ้าเทียบการ “เลื่อนยศ” ของตำรวจนายอื่นๆ ตามเส้นทางปกติแล้ว ต้องจบจาก “โรงเรียนนายร้อย” ในฐานะ “นายตำรวจ” และติดยศ “ร้อยตำรวจตรี”
จากนั้นอย่างเร็วสุด ก็ต้องใช้เวลา 8 เดือน ในการไปสู่ “ร้อยตำรวจโท” และกว่าจะได้ขึ้นยศเป็น “ร้อยตำรวจเอก” ก็กินเวลาไปอีก ไม่ต่ำกว่า “2 ปี 8 เดือน”
แต่ถ้าจะไต่จาก “ตำรวจชั้นประทวน”ที่เริ่มตั้งแต่ “สิบตำรวจตรี” หรือ “ดาบตำรวจ”ไปเป็น “ร้อยตำรวจตรี” ที่เป็นยศ “ตำรวจชั้นสัญญาบัตร”รวมเวลาแล้ว นับถึงหลัก “10 ปี” ขึ้นไปได้เลย
“โห..เกิน(10 ปี)นะ ถ้าเป็นแบบไม่รู้จักใครเลย สอบแบบปกติเนี่ย เพราะบางคน ตั้งแต่เป็นตำรวจมา สอบบรรจุ ทำงาน ไปจนอายุ 53 ปี ยังไม่ได้เป็นนายตำรวจสักทีนึง”
และจากหลายๆ เคสที่เคยได้เห็นมา อดีตตำรวจรายนี้ก็ได้ยินเสียงจาก “คนวงในสีกากี” ตั้งคำถามในประเด็นเรื่อง “2 มาตรฐาน”ดังขึ้นเรื่อยๆ จนสะท้อนภาพลักษณ์สีเทาของระบบ
“เท่าที่ฟังมานะครับ ส่วนใหญ่เขาก็รู้สึกเหมือนกับมีความแตกต่างกัน ในเรื่องของความก้าวหน้า ในการรับราชการนะครับ
คนที่ทำงาน 3 จังหวัด ชั้นประทวน เดินลาดตระเวนคุ้มครองครู นักเรียน พระ จะสอบนายตำรวจก็ยาก สอบทีก็ไม่เคยได้”
{บางนายทำงานจนเกษียณ ก็ไม่เคยได้ติดยศ “สัญญาบัตร”}
ล่าสุด เกมพลิกอีกครั้ง หลังเธอยื่น "หนังสือลาออกจากราชการ" แต่สุดท้ายเจ้าตัวกลับโผล่ไปรายงานตัว กับ "อนุพงศ์ สุขสมนิตย์" ผู้ว่าราชการ จ.ศรีสะเกษ เพื่อเข้าปฏิบัติราชการในตำแหน่ง "ปลัดอำเภอ" ตามคำสั่งย้ายก่อนหน้านี้เรียบร้อยแล้ว
...นี่คืออีกหนึ่งทางลัด เพื่ออนาคตทางราชการ...
.#ผู้กองแคท #ปลัดแคท #ตำรวจไทย
.
อดีตตำรวจวิเคราะห์ เส้นทางเติบโตก้าวกระโดด ของตำรวจสาวคนดัง โดยเฉพาะ "การโอนย้ายสังกัด" ที่คอนเฟิร์มไว้ว่า ต้องมี "ระดับบิ๊ก" เซ็นอนุมัติเท่านั้น
.
อ่านเต็มๆ>> https://t.co/Rric2MS4ZC pic.twitter.com/0wPwIreIth— LIVE Style (@livestyletweet) October 4, 2025
@livestyle.official ...นี่คืออีกหนึ่งทางลัด เพื่ออนาคตทางราชการ @dr.tong3551... . อดีตตำรวจวิเคราะห์ เส้นทางเติบโตก้าวกระโดด ของตำรวจสาวคนดัง โดยเฉพาะ "การโอนย้ายสังกัด" ที่คอนเฟิร์มไว้ว่า ต้องมี "ระดับบิ๊ก" เซ็นอนุมัติเท่านั้น . #LIVEstyle #LIVEstyleofficial #ข่าวTikTok #TikTokCommunityTH #ผู้กองแคท #ปลัดแคท #ตํารวจ #ตํารวจไทย #สอบตํารวจ #สํานักงานตํารวจแห่งชาติ ♬ เสียงต้นฉบับ - LIVE Style
สกู๊ป : ทีมข่าว MGR Live
ขอบคุณภาพ : Facebook “สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว”, “ตำรวจจราจร สน.บางซื่อ”, “สำนักงานตำรวจแห่งชาติ”, IG @cat_atitiya, lamphundopa.go.th
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **