ร้อนๆ หนาวๆ กลัวจะไม่ผ่าน ตม.เกาหลี แค่ได้ชื่อว่าเป็น “คนไทย” สถิติพบ 75% คนไทยในแดนโสมคือ “ผีน้อย” แถมก่อคดีติดอันดับ 3 ในประเทศ!!
เข้มงวดกับ “คนไทย” มากไปหรือเปล่า?
เป็นกระแสกันมาสักพักหนึ่งกับการที่ “คนไทย”ไปเที่ยว “เกาหลี”แต่ดันติดที่ “สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(ตม.)”เกาหลี บ้างก็โดนส่งกลับไทย จนเป็นดรามา“แบนเที่ยวเกาหลี” และตรงนี้ทำให้เกิดสงครามบนโลกออนไลน์ ระหว่าง ไทย กับ เกาหลี ที่โพสต์แขวะกันไปมา
ชวนคุยกับ ดร.ไพบูลย์ ปีตะเสน ประธาน ศูนย์เกาหลีศึกษา สถาบันเอเชียตะวันออกศึกษา ม.ธรรมศาสตร์ ว่าตม.เกาหลีใต้ช่วงหลังๆ เข้มงวดกับคนไทยมากขึ้นหรือเปล่า? หรือเรื่องนี้เกิดมานานแล้ว?
“มันเป็นปัญหา มีปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นมานานแล้ว ใช่ครับ เพียงแต่ว่าเกาหลีเขาเปลี่ยนระบบกลไกนิดหน่อย เลยอาจทำให้เกิดความไม่พอใจที่จะไปเที่ยวตามปกติมีมากขึ้นหน่อยหนึ่ง”
อาจารย์อธิบายระบบตรวจคนเข้าเมืองของเกาหลีว่า ปกติก่อนโควิดไทยและเกาหลีทำสนธิสัญญาแบบ “ฟรีวีซ่า” คือไทยเข้าเกาหลีได้ 90 วัน และเกาหลีก็มาไทยได้ 90 วัน โดยไม่ต้องขออะไรเลย
“คือตีตั๋วไปก็ไปแจ้งเข้า ไปกรอกใบที่ ตม.เกาหลีเลย ก็แล้วแต่เขาจะใช้ดุลพินิจว่า ผ่าน-ไม่ผ่าน”
{ดร.ไพบูลย์ ปีตะเสน}
แต่หลังจากโควิด เกาหลี “ยกเลิกฟรีวีซ่านักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด” แล้วมาใช้ระบบ “Register Online” ที่เรียกว่า “K-ETA” เป็นการกรอกเอกสาร ขออนุมัติ และจ่ายเงินล่วงหน้า “ทำให้คนต้องยุ่งยากมากขึ้น”
“แล้วพอที่จะเที่ยวจริง ไปหน้างานแล้วปรากฏว่าถูกreject ก็อาจจะทำให้เกิดความเครียดขึ้น ทำให้มีกระแสแบนเที่ยวเกาหลีตอนนี้นะครับ”
เกี่ยวกับเรื่องนี้ทางสำนักข่าวของเกาหลีก็ได้นำเสนอประเด็นนี้เหมือนกัน ซึ่งทำให้ชาวเกาหลีออกมาคอมเมนต์กันไปหลากหลายทิศทาง
“บอกให้รัฐบาลไทยจัดการคนในประเทศตัวเองก่อน ทั้งลักลอบขนยาเสพติด เรื่องผีน้อย” บ้างก็ขอบคุณที่ ตม.ของประเทศทำงานดีแล้ว และแขวะมาถึงนักท่องเที่ยวไทยว่า “คนประเทศตัวเองที่ทำให้คนในประเทศเดือดร้อน”
“ผีน้อยไทย” ทำให้ต้องเข้มงวด
จากข้อมูลของ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กระทรวงยุติธรรม ประเทศเกาหลีใต้วันที่ 31 ม.ค. 66 พบว่า มีคนไทยในเกาหลีทั้งหมด 195,569 คน อยู่แบบถูกกฎหมาย 48,129 คนและแบบผิดกฎหมายถึง 147,440 คนคิดเป็น 75%ของคนไทยในเกาหลี
ถาม “ดร.ไพบูลย์” ว่า “แรงงานผิดกฎหมาย”หรือ “ผีน้อย” ทำให้เกาหลีเข้มงวด กับนักท่องเที่ยวไทย มากเป็นพิเศษหรือเปล่า? อาจารย์ตอบว่า “จริงๆเขาก็เข้มงวดกับทุกประเทศนะครับ”
โดยหลัก ตม.เกาหลี จะเข้มงวดกับประเทศแถบ “Southeast Asia” ทั้งหมดเลย ไม่ใช้แค่ประเทศไทยอย่างเดียว ทั้ง จีน ฟิลิปปินส์ และเวียดนามก็โดนเหมือนกัน
“แต่ไทยดันบังเอิญมาอันดับ 1 เหตุผลหลักเป็นเพราะว่า ไทยเนี่ยมีจำนวนผีน้อยเยอะมาก ขยายเยอะมากในรอบ 10 ปี และมันขยายตัวอย่างรวดเร็ว อัตราการขายตัวเนี่ย มันรุนแรงมากกว่าประเทศอื่น ก็เลยเป็นที่จับตา”
ด็อกเตอร์ยังให้ข้อมูลที่น่าตกใจว่า สถิติจากกระทรวงยุติธรรมของเกาหลี “อัตราการก่ออาชญากรรมของต่างชาติในเกาหลี” คนไทยติดอยู่ที่อันดับ 3 ลองจากจีนและเวียดนาม แถมเป็นคดีอาญาใหญ่ๆ อย่าง ทำร้ายร่างกายและยาเสพติด
“ส่วนใหญ่จะเกิดจากผีน้อยทั้งสิ้นที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจสีเทาในเกาหลี ฉะนั้น คิดว่าน่าจะเป็น 2 สาเหตุนี้ก็คือ การลักเข้าผิดกฎหมายด้วย ทำงานผิดกฎ และก็ก่ออาชญากรรมด้วย อันนี้น่าจะเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ คนที่ไปเที่ยวจริง พลอยติดร่างแหไปด้วย”
แนวโน้มความเข้มงวดของ ตม. เกาหลีจะเพิ่มขึ้นหรือเปล่า? ดร.ไพบูลย์วิเคราะห์ว่า จากคำสัมภาษณ์ของ ปลัดกระทรวงต่างประเทศเกาหลี เขาจะพยายามเพิ่มความแม่นยำในการคัดกรองให้มากขึ้น
“คือหาทางจับคนให้ถูกอะครับ จับผีให้ถูก อย่าไปจับคนธรรมดา”
ตอนนี้แรงงานผิดกฎหมายที่เข้ามี 2 แบบ คือ 1.ไปกับทัวร์ท่องเที่ยว แล้วหนีทัวร์ไปทำงานเป็นผีน้อย กับ 2.เข้าเมืองไป 90 วัน แล้วออกตามกำหนด แต่คนพวกนี้ไปทำงาน ไม่ได้ไปเที่ยว คือไป-กลับทุก 90 วัน
อาจารย์เชื่อว่าเขาไม่ได้ต้องการกีดกันคนไทย แต่ต้องการคัดกรองว่าใครคือนักท่องเที่ยว และใครที่ลักลอบมาทำงานแบบผิดกฎหมาย มาตรการจะละเอียดมากขึ้น
“แต่จะเข้มข้นขึ้นหรือเปล่าต้องดูมาตรการระหว่างประเทศอีกทีหนึ่งครับ”
ไม่มีผ่อนปรน มีแต่ตรวจเข้มงวดมากขึ้น
“ผีน้อย” แรงงานผิดกฎหมายจากไทย เกาหลีมองปัญหานี้ยังไง? ดร.ไพบูลย์ ถ้าเป็นฝั่งทางการเกาหลี ต้องแยกเป็น 3 ส่วนคือ กระทรวงยุติธรรม กระทรวงวัฒนธรรมกีฬาและการท่องเที่ยว และกระทรวงการต่างประเทศ
พูดถึง กระทรวงที่ดูแลเรื่อง ตม. อย่าง “กระทรวงยุติธรรม” มองว่าจะมี มาตรการการตรวจคนเข้าเมืองที่เข้มงวดมากขึ้น บวกกันสถานการณ์การสู้รบใน “อิสราเอล” ดร.ไพบูลย์ บอกว่า กระทรวงยุติธรรมของเกาหลี มีการหารือกันว่า
“แรงงานไทยหลักเรือนหมื่นเนี่ย ยังไงไม่น่าจะกลับไปอิสราเอลได้ภายในปี 2 ปีนี้ และคนเหล่านี้ เป้าหมายหลักของผีน้อย ที่น่าจะพุ่งมานั้นคือเกาหลีแน่นอน สิ่งที่เกิดขึ้นกระทรวงยุติธรรมจะไม่ผ่อนลงแน่ๆ”
อาจารย์วิเคราะห์ต่อว่า กระทรวงยุติธรรมเกาหลี จะดำเนินนโยบายแบบคู่ขนานกันไปคือ1.ผลักดันผีน้อยกลับไทย โดยเปิดโอกาสให้กลับ แบบไม่เอาผิดทางกฎหมายผ่านสถานทูตไทย
2.ปราบปรามจับกุม คนที่ยังอยู่ และ 3.กดดัน “เจ้าของธุรกิจ” ที่ใช้แรงงานผิดกฎหมาย โดยมาตรการด้าน สรรพกร เพื่อไม่มีใครกล้ารับผีน้อยทำงาน
“อันนี้ น่าจะเป็น 3 มาตรการหลักที่ กระทรวงยุติธรรมจะทำคู่ขนานกัน”
ด้าน “กระทรวงการต่างประเทศของเกาหลี” ล่าสุด ปลัดกระทรวงต่างประเทศของเกาหลีก็ได้มีการหารือกับไทย ถึงกระแสที่เกิดขึ้นเหมือนกัน เพื่อหาแนวทางเรื่อง “แรงงานไทยในเกาหลี”
ดร.ไพบูลย์ อธิบายต่อว่า เหตุที่คนไปเป็น “ผีน้อย” เพราะ ระบบEPSหรือSystem for Foreigners ระบบการจากงานระหว่าง ไทยและเกาหลี ปัจจุบันมันมีปัญหา
“ระบบEPSมันจำเป็นจะต้องเรียนภาษาเกาหลีก่อน เดือนหรือ 2 เดือน เพื่อให้พูดกับคนได้ แล้วก็สอบผ่านทีนี้ ปัญหาก็คือพอสอบผ่าน มันจะไปอยู่ในระบบการว่าจ้างของเกาหลี ซึ่งรอนายจ้างมาจ้างอีกที่หนึ่ง กำหนดเวลาไม่ได้ บางครั้ง 3 เดือน บางครั้ง 5 เดือน บางครั้ง 2 ปี”
ทางกระทรวงต่างประเทศของเกาหลีก็กำลังหาแนวทางเพื่อลดปัญหาตรงนี้อยู่ และมีการคุยเรื่อง ชดเชย คนไทยที่ต้องการไปเที่ยวเกาหลีจริงๆ แต่ต้องซวยเพราะเรื่องนี้ว่า มีมาตรการบรรเทาและทางออกอย่างไรบ้าง
“เข้าใจว่าจะไปคุยอีกครั้งหนึ่งที่เกาหลี มันจะมีการประชุมกัน ระดับปลัดกระทรวงอีกครั้ง”
สกู๊ป : ทีมข่าว MGR Live
คลิป : ชยพัทธ์ พวงพันธ์บุตร
พากย์เสียง : ดรงค์ ฤทธิปัญญา
ขอบคุณภาพ : แฟนเพจ “ไดโนเสาร์เกาหลี”, koreatimes.co.kr และ korea.net
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **