xs
xsm
sm
md
lg

ทรงอย่างรวย รอดอย่างบ่อย? “เสี่ยเบนท์ลีย์” อีกบททดสอบกฎหมายไทย “ถ้าเป่าทันที ข่าวไม่ใหญ่ขนาดนี้”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สังคมจับตาคดี “เสี่ยเบนท์ลีย์” ขับรถหรู ต้นเหตุชนยับ 3 คัน เลี่ยงเป่าแอลกอฮอล์ ขอเจาะเลือดแทน ทนายดังตั้งคำถาม ตำรวจละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ เหตุไม่วัดปริมาณแอลกอฮอล์เดี๋ยวนั้น?!

ไม่มีเครื่องเป่าหรือไม่ยอมให้เป่า?!

“คดีนี้ถ้าเป่าทันที ไม่เป็นข่าวหรอกครับ ถ้าวันนั้นเบนท์ลีย์เป่า มันจบ ข่าวไม่ใหญ่ขนาดนี้ แต่เพราะความที่ว่ามีคนที่เป็นคู่กรณีที่ถูกรถคุณชน เขาบอกว่า คุณเมา แล้วตำรวจไม่ให้วัดปริมาณแอลกอฮอล์ มันถึงเกิดปัญหาในวันนี้ขึ้น”

“รณณรงค์ แก้วเพ็ชร์” ทนายความชื่อดังและประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ให้ความคิดเห็นกับทีมข่าว MGR Live ถึงอีกหนึ่งประเด็นที่สังคมกำลังจับตามอง


กับกรณีของ “เสี่ยจั๊บ - สุทัศน์ สิวาภิรมย์รัตน์” นักธุรกิจวัย 52 ปี ผู้มีกระแสข่าวว่า เป็นนายทุนของพรรคการเมือง ขับรถยนต์เบนท์ลีย์มาด้วยความเร็ว แซงซ้ายชนเข้ากับ มิตซูบิชิ ปาเจโร่ สีดำ จนรถยนต์มิตซูบิชิ เสียหลัก ก่อนถูกรถดับเพลิง อปพร.บางรัก ที่กำลังขับมาชนซ้ำ ทำให้เหตุการณ์นี้มีผู้บาดเจ็บ 8 ราย รถยนต์พังยับทั้ง 3 คัน

ในคืนนั้น เบื้องต้นพนักงานสอบสวน ศูนย์ควบคุมจราจรด่วน 1 กก.2 บก.จร.แจ้ง 2 ข้อหา เสี่ยเบนท์ลีย์ ขับรถโดยประมาททำให้ผู้อื่นเสียทรัพย์และขับรถโดยประมาททำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ

ทว่า... อุบัติเหตุครั้งนี้กลายเป็นที่สนใจขึ้นมา เนื่องจากเจ้าของรถหรู ปฏิเสธการเป่าตรวจวัดแอลกอฮอล์ โดยอ้างว่า เจ็บหน้าอก และขอตรวจเลือดแทน ซึ่งกว่าจะได้ตรวจเลือดนั้น ก็กินเวลาหลังเกิดเหตุนาน 4 ชั่วโมงกว่า ต่อมาทราบผลตรวจเลือด พบมีปริมาณแอลกอฮอล์ 10 กว่ามิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์


ดังนั้น กฎหมายจึงถือว่าไม่เข้าข่ายเมาแล้วขับ เนื่องจากตามกฎหมายระบุว่า หากผลตรวจวัดแอลกอฮอล์จากลมหายใจ มีค่าเกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ หรือในเลือดของผู้ขับขี่มีค่าเกิน 20 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ให้ถือว่าเมาสุรา

เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทนายความชื่อดัง ได้ตั้งข้อสังเกตถึงการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ในค่ำคืนนั้น เพราะเขาได้ข้อมูลจากคู่กรณีของเสี่ยรถหรู ว่า ในคืนนั้นตำรวจบอกว่า “ไม่มีเครื่องเป่า” ตลอดจนการกระทำหลายอย่างที่ถูกตั้งคำถามว่า เป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายหรือไม่?

“อย่างแรกในวันที่เกิดเหตุ ทางคู่กรณี-คนที่เกี่ยวข้อง เขาสงสัยว่า ผู้ขับเบนท์ลีย์ มีพฤติกรรมเมาแล้วขับ การที่เขาสงสัย กรณีนี้ถือว่าเป็นเหตุที่พนักงานสอบสวน ต้องวัดปริมาณแอลกอฮอล์ทันที เท่าที่ผมทราบ เขาไม่ได้มีการสั่งให้มีการวัดปริมาณแอลกอฮอล์


[ ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ]

บังเอิญ อพปร. เขาติดต่อมาหาผม ผมก็เลยบอกว่า ให้เขาไปคุยกับทางนู้น ว่า เขาจะแก้ไขเยียวยายังไงมั้ย วันที่เกิดเหตุ  อพปร.เขาก็เป็นคู่กรณีโดยตรง เขาก็ขอให้มีการวัดปริมาณแอลกอฮอล์แล้ว

ปรากฏว่า ตำรวจไปใช้ดุลพินิจเกินกว่าที่กฎหมายให้ไว้ กฎหมายบอกว่าให้วัดโดยการเป่า ถ้าเขาไม่เป่า คุณต้องบันทึกไว้ว่าเขาปฏิเสธการเป่าเพราะอะไร บันทึกตรงนี้นี่แหละครับที่มันไม่มี ไม่ได้ให้เป่า เนื่องจากอ้างว่าไม่มีอุปกรณ์ในการวัดปริมาณแอลกอฮอล์ ก็เลยใช้วิธีการเจาะเลือดแทน

ตรงจุดนี้ ผมมองว่า ในทางกฎหมาย พนักงานจราจรไม่ถูกต้อง ผมมองว่า ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หากที่โรงพักมีเครื่องเป่าแล้วไม่ยอมเอามาเป่า เพราะว่าหนึ่งในเหตุผลที่ทางคู่กรณีกับเบนท์ลีย์คุยกับผม ก็คือ เขาบอกว่า ได้ขอให้เป่าแล้ว แล้วทางตำรวจจราจรบอกว่า ไม่มีเครื่องเป่า ก็เลยต้องให้ไปตรวจเลือด”

อย่างนี้ก็มี?! แจ้ง “เมาแล้วขับ” ย้อนหลัง

สำหรับความคืบหน้าของเหตุการณ์นี้ หลังพนักงานสอบสวนได้รวบรวมข้อเท็จจริงและหลักฐานเพิ่มเติม จึงได้มีการแจ้งข้อหาเพิ่มเติมกับเสี่ยเจ้าของเบนท์ลีย์ ในข้อหาขับรถโดยประมาทอันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลและทรัพย์สินของผู้อื่น และเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส, ได้รับอันตรายแก่กายและทรัพย์สินเสียหาย และขับรถในขณะเมาสุรา (ฝ่าฝืนไม่ยอมเป่าแอลกอฮอล์ให้สันนิษฐานว่าเมาแล้วขับ)

และนำตัวผู้ต้องหาไปทำการฝากขังต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ ซึ่งศาลได้พิจารณารับฝากขังตามคำร้อง ต่อมาผู้ต้องหายื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาเเล้วอนุญาตให้ประกันโดยตีราคา 1 แสนบาท

ด้าน “เสี่ยเบนท์ลีย์” ออกมาให้สัมภาษณ์ภายหลัง ผ่านรายการ “เรื่องเด่นเย็นนี้” ทางช่อง 3 ยอมรับว่า ดื่มแชมเปญไป 1-2 แก้ว แต่เพียงแก้วเล็กๆ เป็นพิธีเท่านั้น

ทั้งนี้ การแจ้งข้อหาขับรถในขณะเมาสุราเพิ่มเติมนั้น ทนายรณณรงค์ มองว่า ก็ยังคงเป็นที่เคลือบแคลง เนื่องจากว่าในคืนนั้น ไม่ได้มีการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ทันที คล้ายกับว่าประวิงเวลาการตรวจหรือไม่?



“อย่างแรกเลย วิธีการแก้ปัญหาในกรณีนี้ มันต้องใช้วิธีการคำนวณย้อนกลับ เพราะเขาไม่ยอมเป่าเพื่อจะเอาปริมาณแอลกอฮอล์ทันทีที่เกิดเหตุ มันไปตรวจหลังจากเกิดเรื่องไปแล้วประมาณ 4 ชั่วโมงกว่า ก็ต้องเอามาคำนวณย้อนหลังว่า เมื่อ 4 ชั่วโมงที่แล้ว คุณน่าจะมีปริมาณแอลกอฮอล์ที่เท่าไหร่

วิธีการคำนวณของผมอยู่ในหลักสูตรของ สตช. ด้วย ผมถึงต้องรอฟังเขาพูดก่อนว่าคำนวณแบบไหน แต่เบื้องต้นหลักคิดง่ายๆ สำหรับคนที่ไม่ค่อยดื่ม ปริมาณแอลกอฮอล์จะมีการลดลงประมาณ 15-20 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์/ชั่วโมง เมื่อวัดได้ 10 แล้วผ่านไป 4 ชั่วโมง ก็ลองคูณไป ขั้นต่ำคือ 15 x 4 ก็ 60 แล้ว บวกกับ 10 ที่ตรวจเจอก็เป็น 70 มันไม่เกินยังไง

แต่ปรากฏเขากลับไม่แจ้งข้อหาด้วยวิธีการคำนวณแบบนี้ เขากลับไปใช้ช่องที่ว่า ปฏิเสธการเป่าให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเมา ซึ่งมันไม่ได้ เพราะร้อยเวรไม่ได้ออกคำสั่งให้มีการวัดปริมาณแอลกอฮอล์ทันที

ผมกำลังพูดถึงตามข้อกฎหมายเลยนะ ถ้าคุณบอกว่า เบนท์ลีย์ปฏิเสธการเป่า ไหนหลักฐาน ได้บันทึกไว้มั้ย ขั้นตอนการปฏิบัติของตำรวจจราจรของพนักงานสอบสวน ถ้าเขาไม่เป่า คุณต้องบันทึกเดี๋ยวนั้น หากเขาไม่เซ็นลายมือชื่อในข้อความบันทึกว่าเขาไม่เป่า คุณต้องถ่ายวิดีโอไว้ให้ศาลดู คุณมีมั้ยคลิปวิดีโอที่คุณถ่าย ว่า เขาปฏิเสธการเป่า

ผมกำลังรอดูว่าในคืนที่เกิดเหตุ ร้อยเวรจราจรได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชา ยศไหน ชื่ออะไร ถึงได้ไม่ยอมให้เขามีการวัดปริมาณแอลกอฮอล์ เรื่องนี้ต้องไปขยายต่อ ใครสั่งให้ไม่วัดปริมาณแอลกอฮอล์ ณ ที่เกิดเหตุ”



สุดท้าย กูรูกฎหมายยังได้ฝากให้จับตามองคดีนี้กันแบบยาวๆ เพราะคนผิดอาจจะมีมากกว่าเสี่ยเบนท์ลีย์ก็เป็นได้...

“อยากให้ตามติดคดีนี้ต่อไปนะครับ ประเด็นคือ คนขับเบนท์ลีย์ เป็นนายทุนให้กับพรรคการเมืองใช่มั้ย แล้วพรรคการเมืองพรรคนี้ก็เป็นพรรคร่วมรัฐบาล เพราะฉะนั้น เรื่องคอนเนกชันไม่ต้องพูดถึง เมื่อคอนเนกชันแน่นปึ้ก เป็นธรรมดาที่ข้าราชการจะเกรงใจ ไม่อยากมีเรื่องด้วย พรรคการเมืองไม่ตรวจสอบเลยเหรอ ว่า คนที่เป็นนายทุนมีคุณธรรม มีจริยธรรมครบถ้วนมั้ย เมื่อมันเกิดเหตุขึ้น ผมคิดว่าการช่วยคนๆ เดียว มันทำให้ระบบทั้งระบบมันเสียไป มันไม่คุ้มหรอกครับ

สำนักงานตำรวจฯ มาโดนคนด่า ทั้งๆ ที่เรื่องนี้แค่วัดปริมาณแอลกอฮอล์ในตอนที่เกิดเหตุเท่านั้นเอง ไม่ได้มีอะไรซับซ้อนเลย คุณสั่งเขาวัด เขาไม่วัดก็จบ อันนี้คุณไม่สั่งเขาวัด เพราะมีคนไปสั่งคุณไม่ให้วัดล่ะสิ

พนักงานสอบสวนเป็นคนที่โดนด่าอันดับแรก ต้องไปหาคนที่มาสั่งตำรวจชั้นผู้น้อยอีกที เพื่อทำให้เกิดการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในครั้งนี้ และแจ้งข้อหาสนับสนุนหรือเป็นตัวการร่วม ในการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบของพนักงานจราจรในวันดังกล่าวครับ”

ข่าวโดย : ทีมข่าว MGR Live
ขอบคุณภาพ : เฟซบุ๊ก “ณิชชาวีณ์ ชาติสุริยพัฒน์” และ “ดับเพลิง โรงหมู”



** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **




กำลังโหลดความคิดเห็น