…ไม่ใช่แค่เรื่องโชคร้าย แต่คือปัญหาเรื้อรัง พรากชีวิตผู้คนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ…
“ขอทำเลไปหาซื้อบ้านอยู่ Slow Life หลังเกษียณหน่อย 1. อากาศดี ไม่มีฝุ่น PM 2.5...”
คือ ข้อความบนทวีตที่มีคนรีฯ จนยอดทะลุหลักหมื่น สะท้อนว่า ผู้คนกำลังกลับมาตื่นตระหนกปนตระหนักเรื่อง “ฝุ่น PM 2.5” กันอีกครั้ง
หลังประเด็น คุณหมอกฤตไท เจ้าของเพจ “สู้ดิวะ” ออกมาโพสต์เรื่องราวสะเทือนอารมณ์ ชีวิตพลิกผันจากผลเอกซเรย์ที่ออกมาว่า กำลังป่วยเป็น “มะเร็งปอดระยะสุดท้าย” ในวันที่ชีวิตกำลังไปได้สวย
ทั้งที่คุณหมอหนุ่มวัย 28 รายนี้ ไม่สูบบุหรี่ ออกกำลังเป็นประจำ กินคลีน ดื่มน้อย พักผ่อนเป็นเวลา และดูแลสุขภาพเป็นอย่างดี
หลายเสียงเลยฟันธงร่วมกันว่า น่าจะเพราะผลของมลพิษทางอากาศของ “เชียงใหม่” จังหวัดที่คุณหมอประจำอยู่
[ นพ.กฤตไท ธนสมบัติกุล เจ้าของเพจ “สู้ดิวะ” ]
โดยเฉพาะช่วงหน้าหนาวที่จะมีปริมาณฝุ่นพุ่งสูงทุกปี ใน จ.เชียงใหม่, เชียงราย หรือแม้แต่กรุงเทพฯ ตรงกับงานวิจัยหลายชิ้นที่คอนเฟิร์มไปในทางเดียวกันว่า PM 2.5 เพิ่มผู้ป่วย “มะเร็งปอด” มากขึ้นทั่วโลก
บวกกับก่อนหน้า แฟนเพจ “WEVO สื่ออาสา” เคยออกมาเปิดสถิติมะเร็งปอดในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ และภาคเหนือ อ้างอิงจากงานวิจัยของ หัวหน้าหน่วยวิชามะเร็งวิทยา ม.เชียงใหม่ พบว่า...
ใน จ.เชียงใหม่ มีผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดเพศชาย 14,299 ราย และเพศหญิง 5,664 ราย โดย “ภาคเหนือ” คือ พื้นที่ที่พบผู้ป่วยมากที่สุดแล้ว พอเทียบกับภาคอื่นๆ
จากก่อนหน้าที่หลายคนเข้าใจกันว่า “มะเร็งปอด” เกิดจากการสูบบุหรี่เป็นหลัก แต่พอเทียบอัตราการสูบบุหรี่ของคนภาคเหนือ กลับไม่ได้มีมากกว่าคนภาคอื่น
เลยยิ่งขัดแย้งกับอัตราการเสียชีวิตด้วยมะเร็งปอด ที่สูงกว่าคนภาคอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด บวกกับงานวิจัยช่วงหลังๆ ที่ชี้ชัดว่า “ชนิดของมะเร็งปอด” มีส่วนเกี่ยวข้องกับ “PM 2.5”
เพราะ “ฝุ่น PM 2.5” เป็นสารก่อมะเร็งที่มีขนาดโมเลกุลเล็กเพียง 2.5 ไมครอน เล็กมากจนมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า พอพวกมันลอยเข้าไปในหลอดลม จนถึงปอด คนเราจึงไม่รู้สึกและป้องกันตัวเองไม่ได้
เมื่อสะสมเข้าไปในปอดมากๆ เข้า ก็จะทำให้เกิดการอักเสบ จนเกิดการกลายพันธุ์ของระบบร่างกาย จนกลายเป็น “มะเร็งชนิดต่อม” ซึ่งผู้หญิงมีโอกาสเป็นมากกว่าผู้ชาย
ยิ่งถ้าเป็นกลุ่มคนที่สูบบุหรี่อยู่แล้ว ถ้าไปอยู่ในพื้นที่ที่ต้องสูด PM 2.5 เข้าไปบ่อยๆ ยิ่งเสี่ยงเป็นมะเร็งปอดมากกว่าเดิมทวีคูณ
ตรงกับที่ทีมวิจัยสถาบันฟรานซิส คริก ในกรุงลอนดอน เคยทดลองเรื่อง PM 2.5 ทั้งในคนและสัตว์ จนได้คำตอบว่า “สถานที่ที่มีมลพิษทางอากาศสูง” จะพบผู้ป่วยมะเร็งปอด ที่ไม่ได้เกิดจากการสูบบุหรี่ ในสัดส่วนที่มากขึ้น
ส่วนในไทย รายงานสถิติสาธารณสุข พ.ศ. 2563 บอกไว้ว่า สาเหตุการตายสำคัญของคนไทย ต่อประชากร 1 แสนคน มี “โรคมะเร็ง” ติดอันดับ 1 โดยที่ “มะเร็งปอด” เป็นมะเร็งที่พบมากที่สุดเป็นอันดับ 2 เลยทีเดียว
แม้แต่ “ทนพ.ภาคภูมิ เดชหัสดิน” นักเทคนิคการแพทย์ชื่อดัง เจ้าของเพจ "หมอแล็บแพนด้า" ยังออกมาโพสต์ย้ำเตือนเรื่องนี้อีกครั้ง หวังให้เกิดการตื่นตัวเรื่องมลพิษทางอากาศกันได้แล้ว
“ความร้ายกาจของ PM 2.5 คือ มันไม่ได้มาตัวเปล่า แต่ดันเอาเพื่อนอย่าง สารปรอท แคดเมียม โลหะหนักอื่นๆ และพวกสารก่อมะเร็งอีกมากมายติดมาด้วย
PM 2.5 สามารถทำให้เราเสี่ยงเป็นมะเร็งปอดได้จริง ซ้ำร้ายยังสามารถเหนี่ยวนำให้เป็นมะเร็งชนิดอื่นๆ ได้อีกด้วยนะครับ
ป้องกันตัวเองไว้ก่อนดีสุดครับ ไม่ว่าจะเป็นฝุ่น หรือพวกควันบุหรี่มือหนึ่ง มือสอง มือสาม
พอถึงจุดที่เราป่วยเข้าจริงๆ เงินทองอะไรทั้งหลายก็ไม่มีค่า การได้มีชีวิต ใช้ชีวิต และไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ มันคือดีที่สุดแล้ว”
เรียบเรียง : ทีมข่าว MGR Live
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **