กำลังมาแรงสำหรับ “เฌอปราง อารีย์กุล” และ “นนน-กรภัทร์ เกิดพันธุ์” ในภาพยนตร์เรื่อง “SLR กล้องติดตาย” ทั้งคู่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย แต่กว่าจะมาถึงวันนี้ได้ เกือบติดกับดักของความสำเร็จจนถอนตัวไม่ขึ้น และนี่คืออีกมุมชีวิตที่บอกเล่าไว้ผ่านบทสนทนานี้
Q : ปกติเป็นนักแสดงสายซีรีส์ พอมาเป็นนักแสดงสายภาพยนตร์เป็นอย่างไรบ้าง?
นนน : แตกต่างกันมากครับ ต้องอธิบายให้เข้าใจก่อนว่าแค่แพลตฟอร์มในการฉายก็แตกต่างกันแล้ว ถ้าเป็นละคร เป็นซีรีส์ผู้ชมจะได้ดูเรื่องราวของตอนนั้นๆ อาจจะ 10 หรือ 12 ตอน แต่ภาพยนตร์มากสุดได้แค่ 2 ชั่วโมง
บางซีน บางเรื่องราวต้องเล่าและถ่ายทอดให้หมดให้ได้พี่ไม่กี่วินาที เราเลยต้อง Hit Point อยู่ตลอด มันเลยค่อนข้างยากกว่า ส่วนซีรีส์จะแค่ค่อยๆ ไต่อารมณ์ขึ้นไปจนถึงจุดพีคครับ
Q : เฌอปราง กับ นนน อินกับบทมากจนออกจากบทไม่ได้?
เฌอปราง : ตอนแรกเป็นเหมือนกันค่ะ อย่างบทที่เคยได้เป็นคาแรกเตอร์เครียดๆ Perfectionist มากๆ เราก็ไปตั้งกำแพงบางอย่างไว้ กว่าจะถึงตอนปิดกล้อง เราถึงได้คลายมันออกมา จนน้องๆ ในวงช่วงนั้นพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เข้าหาพี่เฌอไม่ได้เลย
นนน : ใช่ครับ เล่นแล้วออกยากมาก คือ เมื่อก่อนเราเริ่มเล่นซีรีส์ โดยที่ไม่มีความรู้มาก่อน จนมีอยู่จังหวะหนึ่งที่ทำให้เราชอบการแสดง ได้เข้าไปเจอเรื่องราวระหว่างถ่ายทำมากๆ มันเหมือนติดออกมาสู่เป็นชีวิตจริง
โดยที่เราเองก็ค่อนข้างเป็นคนเซลฟ์มาก เวลาเราจะเล่นเราก็ต้องกดตัวเอง กดลงไปเรื่อยๆ จนแยกไม่ออกว่าอันไหนเรื่องจริง อันไหนในละคร
ผมว่าร่างกายคนเรามันก็มีเคมีบางอย่างด้วยครับ บางครั้งแยกไม่ออกว่าอันไหนเป็นสิ่งที่เราทำเพื่อแสดง อันไหนคือชีวิตจริงของเรา
Q : เฌอปรางเคยคิดจะมาเป็นนักแสดงบ้างไหม?
เฌอปราง : ไม่เลยค่ะ ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีหน้าตัวเองอยู่บนจอภาพยนตร์ แต่เป็นคนชอบดูภาพยนตร์มากนะคะ ไม่คาดคิดจะเห็นตัวเองอยู่ในจอภาพยนตร์ในฐานะนักแสดง ยอมรับว่า การแสดงยากมาก แต่มันทำให้เรากลับมาสำรวจตัวเองจนเข้าใจตัวเองมากขึ้น แล้วทำให้เราเห็นว่าตัวเราเองก็มีมิติในหลายๆ มุม ที่เราสนุกกับมันได้
เปลี่ยนตัวเราจากเมื่อก่อนให้เราขี้เล่นมากขึ้น เฮฮามากขึ้น กล้าแสดงออกมาขึ้น เข้าใจอารมณ์ตัวเองมากขึ้น ถ้าเป็นเมื่อก่อน เวลาเศร้า เฌอก็จะกดมันไว้ แต่ตอนนี้เรากลับร้องไห้ปล่อยมันออกมาได้เลย เหมือนเป็นมนุษย์ปกติทั่วไป
Q :ปีนี้ถือว่าเป็นปีทองของ นนน?
นนน : ไม่ใช่ปีทองเลยครับ แค่ผลงานออกมาพร้อมกัน ที่ผ่านมา ผมพยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สดุครับ
Q : นนนคิดว่าตัวเองประสบความสำเร็จหรือยัง?
นนน : เมื่อก่อนเราจะตั้งใจทำงานในส่วนของเราให้ดีที่สุด แต่เหมือนจะอยู่ในมุมมืดตลอดเลย เหมือนโดนแสงจากคนอื่นบดบังอยู่ตลอด ซึ่งพ่อผมเคยบอกว่า ผมเป็นคนที่อยากประสบความสำเร็จเร็ว เพราะเราทำงานมานาน เลยทำให้รู้สึกว่ามันต้องสำเร็จได้แล้วนะ เลยทำให้รู้สึกเครียด ท้อ งอแง แล้วอยากเลิกทำ
พอวันนี้มองย้อนกลับไปผมเข้าใจในสิ่งที่พ่อบอกเลย ผมเข้าใจขึ้นมาว่า ความดังมันไม่สามารถควบคุมได้ด้วยปัจจัยโดยรอบหลายๆ อย่าง ทั้งช่วงเวลาของผลงาน ความต้องการของตลาด รสนิยมของผู้คนในช่วงนั้น ผมเลยหันมาโฟกัสกับคุณภาพของตัวเรา
พอเราคิดได้แบบนี้เราก็แฮปปี้กับสิ่งที่ทำอยู่ ตั้งแต่นั้นมาก็เปลี่ยนมุมมองผมไปเลยว่า การประสบความสำเร็จไม่จำเป็นที่จะต้องโด่งดังหรือมีชื่อเสียงครับ
Q : ถือว่ายังไปต่อได้อีกนานกับวงการนี้ แพลนกันไว้บ้างรึยังว่าจะแลนดิ้งยังไง?
นนน : ผมรู้สึกว่าผมไปทำงานวงการอื่นไม่ได้ ผมน่าจะอยู่วงการนี้ไปเรื่อยๆ แต่อาจจะผันตัวไปเป็นเบื้องหลัง ไปเป็นผู้กำกับ หรืออะไรก็ได้เกี่ยวกับเบื้องหลังที่เป็นวงการนี้อยู่ เคยคุยกับตัวเองนะว่า ถ้าผมได้รางวัลสักรางวัลหนึ่ง ผมคงออกจากวงการได้แล้ว
มันเหมือนตัวเราบรรลุเป้าหมายครบแล้ว อาจจะพร้อมเดินออกได้เลย แต่ก็ยังรักการแสดงอยู่ อาจจะสักอายุ 30 ปี ออกจากเบื้องหน้า ไปอยู่เบื้องหลัง และทำต่อไปเรื่อยๆ เพราะผมรู้สึกว่าทีม ทุกคนเก่ง แต่ขาดการสนับสนุนอะไรบางอย่าง สมมติลองเปรียบเทียบกับหนังสักเรื่อง
ถ้าเรามีเงิน 10 ล้านบาท เราจะทำหนังก็ทำได้ แต่ถ้าเรามีเงินมากกว่านี้ หรือว่าได้รับการสนับสนุนจากทางอื่น เราอาจจะทำได้ดีกว่านี้ ค่อยๆ พัฒนาบุคลากรในวงการไปเรื่อยๆ เพื่อให้งานของเรามันเข้าสู่สากลมากขึ้น
เฌอปราง : ของเฌออาจจะต่างตรงที่ ถ้ายังมีบทที่รู้สึกว่าเหมาะกับเราอยู่ ก็ยังอยากทำผลงานออกมาเรื่อยๆ ค่ะ อยากทำผลงานให้ทุกคนได้เห็นเราบ่อยๆ อาจจะนานทีปีหนบ้างไม่เป็นไร แก่แล้วก็อาจจะรับบทเป็นแม่ได้ (หัวเราะ) ถ้าเป็นพาร์ตฝั่งหนังนะคะ
เพราะเฌอเป็นคนชอบเรียนรู้ งานพวกนี้เป็นสิ่งที่ต้องเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่ตลอด งานการแสดงมันท้าทายและสนุกกว่าที่คิดไว้มาก
แต่ถ้านอกวงการอาจจะประหลาดๆ หน่อย เพราะหนูอยากไปเป็นผู้ดูแลสวนสัตว์ อยากไปกอดสิงโต บางครั้งก็อยากไปเป็นนักบินอวกาศบ้าง อยากเห็นโลกด้วยตาตัวเอง
และอีกหลากมุมลึกจากบทสนทนาแห่งแรงบันดาลใจ ที่สามารถตามไปหาคำตอบได้ในรายการ “DNA TALK บุกคนต้นแบบ” วันอาทิตย์ที่ 24 เม.ย. นี้ เวลา 17.20 น. ทางช่อง MONO29
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **