xs
xsm
sm
md
lg

เจาะ “อาณาจักร 1G1” แหล่งซอมบี้ ต้นเหตุ “โควิดระลอกใหม่” สู่ไทย!!

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เปิดอาณาจักรโรงแรงหรู “1G1” แห่งเมียนมา “ผับ-สาวนั่งดริงก์-กาสิโน” ครบวงจร แฉยับ นี่คือแหล่งบันเทิงแพร่เชื้อโควิด-19 ผวาหนักเพราะสาวไทยลักลอบเข้าไปทำงาน




“สวรรค์บนดิน” โรงแรมหรู 4 ชั้น-รายได้งาม!!


.
“งานตรงกาสิโนพม่า ลงท่าขี้เหล็ก รับเยอะ ไม่คัดมาก รับอายุ 20-33 ปี บอสออกตั๋วขาไปให้ฟรี ค่าข้ามไป-กลับฟรี…”


สั่นสะเทือนโลกออนไลน์ เมื่อมีการเปิดเผยถึงเฟซบุ๊กกลุ่มหางานกลุ่มหนึ่ง ในพื้นที่ อ.แม่สาย และ จ.ท่าขี้เหล็ก มีหญิงสาวรายหนึ่งโพสต์ข้อความว่า รับพาคนข้ามจากท่าขี้เหล็กมายังแม่สาย โดยรับรองความปลอดภัยในการข้ามมาในประเทศด้วย


อย่างไรก็ดี สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 กลับมาน่าเป็นห่วงอีกครั้ง เมื่อมีกลุ่มคนไทยข้ามไปทำงานที่สถานบริการฝั่งท่าขี้เหล็ก สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา (พม่า)

ทว่า การลักลอบเดินทางเข้าประเทศ ผ่านช่องทางธรรมชาติ จะมีการจ่ายค่าตอบแทนตั้งแต่หลักพันถึงหลักหมื่นบาท เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกกักตัว 14 วัน ตามมาตรการของรัฐ อีกทั้งเดินทางไปตามสถานที่ต่างๆ ในไทย

เมื่อตรวจสอบพบว่า ผู้หญิงส่วนใหญ่ที่ไปทำงานที่ท่าขี้เหล็กนั้น ไปทำงานที่โรงแรม 1G1 มีลักษณะเป็นสถานบันเทิงที่ครบวงจร เป็นทั้งโรงแรม และกาสิโน มีนักลงทุนจากต่างชาติ และผู้มีอิทธิพลมาร่วมลงทุนในโรงแรมแห่งนี้ด้วย

โดยโรงแรมมี 2 ตึก คือ “1G1-7”, “1G1-8” ซึ่ง 1G1-7 ชั้นล่างเป็นบ่อนกาสิโน ชั้น 2 เป็นห้องประชุม ของคณะกรรมการชายแดนเมียนมาระดับท้องถิ่น มาใช้ที่นี่ ชั้น 3-4 เป็นห้องพัก

ส่วน 1G1-8 อยู่ฝั่งตรงข้าม ชั้น 1 เป็นดิสโก้เธค โดยชั้น 2-4 ห้องคาราโอเกะ เป็น 3 ระดับ ระดับต่ำสุด โต๊ะละ 500 บาทต่อชั่วโมง ระดับกลาง โต๊ะละ 1,000 บาทต่อชั่วโมง ระดับสูงสุด โต๊ะละ 2,000 บาทต่อชั่วโมง มีบริเวณเครื่องดื่ม รวมทั้งหญิงสาวมานั่งคุยได้


ทั้งนี้ จุดที่ทำให้กลุ่มหญิงไทยไปทำงาน คือ รายได้ เพราะหญิงสาวจากประเทศไทย ได้รับความนิยมในหมู่ผู้ใช้บริการมากที่สุด และมีการคิดราคาหญิงสาวชาวไทย ชั่วโมงแรก 800 บาท ชั่วโมงถัดไป 500 บาท

ไม่เพียงแค่นั้น มีชาวไทยใหญ่อยู่ใกล้ๆ พื้นที่ตรงนั้น มีราคาตายตัวชั่วโมงละ 300 บาท ตลอดการใช้บริการ อีกทั้งตลอดการใช้บริการยังมียาสวรรค์ ให้บริการดริงก์ละ 3,000-5,000 บาท ซึ่งไม่รู้ว่ายาสวรรค์ที่ว่านี้ คือ ยาเสพติดหรือไม่ และถูกมองว่าต้นเหตุการณ์แพร่เชื้อระลอกใหม่ มาจากสถานที่แห่งนี้

เพราะไม่เพียงห่างจากชายแดนไทย แค่ 1.5 กิโลเมตร ยังพบอีกว่า ในหน้าแล้ง เมื่อน้ำแห้ง คนก็สามารถข้ามแม่น้ำได้โดยง่าย เพียงแค่จ่ายเงินค่านำทาง ไม่ต้องถูกกักตัวและตรวจสอบใดๆ

เกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว ทาง ทีมข่าว MGR Live ได้ขอความรู้จาก “ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา” หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย


โดยในฐานะที่ทำงานตรงนี้ มองว่า สถานบันเทิงแห่งนี้เป็นแหล่งรวมเชื้อโรค ซึ่งการเข้าออกข้ามฝั่งไปทำงานที่พม่า เกิดขึ้นมานานแล้ว

[ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา]
“ตรงนี้เป็นแหล่งรวมอยู่แล้ว แต่ว่าแหล่งตรงนี้ที่มันยาก เป็นเพราะว่าเป็นคนไทยด้วยกัน โดยที่เราเห็นหน้าตาเป็นคนไทย เดินข้ามมาก็ไม่ได้สงสัย แล้วเขาก็ไม่ได้มีความรับผิดชอบในการที่จะบอกว่าไปที่พม่า


คือ เหตุการณ์ตรงนี้มันมีมานานแล้ว แต่ว่าตอนที่มันไม่เกิดเรื่อง เพราะว่าการระบาดของพม่านั้น จากยะไข่ เข้ามาที่ย่างกุ้ง และเข้ามาแพร่เรื่อยๆ ตรงนั้น มันค่อยๆ แพร่ออกมา จนถึงใกล้ตะเข็บชายแดนคือที่นี่

ดังนั้น ในช่วงแรก เราไม่มีปัญหา เพราะว่าเขาก็เดินเข้าเดินออก กลับมาที่เมืองไทย แล้วก็กลับไปทำงานใหม่ แต่ตอนนี้ เนื่องจากคนในพม่าติดมหาศาล ดังนั้น จึงทำให้ความแตก ก็เลยเกิดเรื่องนี้ขึ้น”




จูงใจ “ลดการกักตัว” ลดอัตราลักลอบเข้ามา!!


“คิดว่าตอนนี้มันเป็นช่วงเส้นแบ่ง ขณะนี้เรายังสามารถที่จะติดตามสืบได้ว่ามาจากไหน แต่ว่าในขณะเดียวกัน กำลังคิดว่ามันอาจจะยันไม่อยู่ เหตุผลที่ยันไม่อยู่ตรงนี้ อาจจะเป็นเพราะว่าเรายังใช้กระบวนการตามมาตรฐาน คือ ใช้เจ้าหน้าที่หลายๆ กระทรวง ทบวง กรม ทั้งมหาดไทย กลาโหม การท่องเที่ยว สาธารณสุข


แต่ด้วยมาตรการที่คัดกรองตรงนี้ มันจะมีคนหลบหนีได้เยอะ มาตรการที่ 2 ที่ทางการพยายามที่จะทำ คือ พยายามโฆษณาว่า ให้เข้ามาทางช่องทางมาตรฐาน เพื่อที่จะได้รู้ว่าเขาติดรึเปล่า ถ้าเขาติดเขาอาจจะเสียชีวิตได้”

ส่วนอีกประเด็นที่พูดถึงกันอย่างมาก นั่นคือ การลักลอบเข้าออกเส้นทางธรรมชาติของกลุ่มที่ไปทำงานอาณาจักรบันเทิงที่กลายเป็นต้นตอ โดยไม่กักตัว 14 วัน จนมองว่าอาจจะควบคุมไม่ได้แล้วนั้น ทางผู้เชี่ยวชาญมองว่า อาจจะควบคุมไม่อยู่ ถ้าใช้มาตรฐานการควบคุมแบบเดิม


“รู้ว่าติดดีกว่าไม่รู้ ดีกว่าหลบหนีไป แต่ว่ามาตรการที่ 3 ซึ่งเราอยากเห็น คือ เราอยากเห็นมาตรการซึ่งมีการตรวจคัดกรองที่ง่ายที่สุด และรู้ผลได้เร็วที่สุด ภายในระยะเวลาเป็นนาทีเท่านั้นเอง

นั่นคือ การตรวจเลือด แทนที่จะซักอาการเฉยๆ ซึ่งอาการก็อาจจะไม่มี แต่ในขณะเดียวกัน คนที่ไม่มีอาการนั้น แต่ว่าการตรวจเลือดมันจะฟ้อง ว่าคนนี้ติดเชื้อไปแล้ว ถ้าหากว่าติดเชื้อไปแล้ว เราก็กักตัวไว้ และในขณะเดียวกัน เราก็ตรวจหาเชื้อต่อว่าเขายังสามารถแพร่เชื้อได้หรือไม่ ก็จะมีกระบวนการ 2 ขั้นตอนด้วยกัน”

ขณะที่ “รศ.ดร.สุวินัย ภรณวลัย” ประธานยุทธศาสตร์วิชาการสถาบันทิศทางไทย ได้ออกมาโพสต์เฟซบุ๊ก “Suvinai Pornnavalai” ว่า ประเทศไทยเริ่มเข้าสู่การระบาดของโควิด-19 ระลอกที่ 2 หลังจากที่มีคนหนีจากท่าขี้เหล็ก เข้าประเทศไทย โดยเส้นทางธรรมชาติ


“#ปรากฏการณ์แห่กันหนีตายที่เมืองซอมบี้ท่าขี้เหล็ก… ผมขอพูดตรงๆ อย่างไม่อ้อมค้อมนะ ตอนนี้คนไทยทั้งประเทศต้องตื่นตัวแล้ว เพราะตอนนี้เราอยู่ในระยะเริ่มต้นของการระบาดรอบที่สองแล้ว สถานที่ท่าขี้เหล็กตอนนี้ ต้องเรียกว่าเป็นเมืองซอมบี้ ที่ผู้คนกำลังแห่กันหนีตาย


เพราะตอนนี้พวกพนักงานสถานบันเทิงในท่าขี้เหล็กที่เมียนมา ซึ่งอยู่ติดชายแดนแม่สาย ทั้งคนไทย คนจีน และคนพม่า ที่ท่าขี้เหล็ก ต่างแห่กันหนีตายเพื่อเอาตัวรอด โดยมุ่งหน้าหลบหนีเข้าพื้นที่ปลอดภัย (ปลอดเชื้อ) ซึ่งก็คือแม่สาย จังหวัดเชียงราย แล้วกระจายกันหลบหนีไปทั่วไทย โดยที่ระหว่างทางก็เที่ยวไปด้วย อย่างปราศจากจิตสำนึกใดๆ…”

อย่างไรก็ดี ลองกลับมามองในมุมของ หมอธีระวัฒน์ ย้ำให้ฟังถึงการผ่านพ้นวิกฤต เข้าสู่การระบากของโควิด-19 ระลอกที่ 2 ไปในครั้งนี้ ขึ้นอยู่การร่วมมือของคนที่เข้ามาด้วย

“เรื่องตรงนี้ประเทศไทยจะรอดหรือไม่รอด อยู่ที่คนที่เข้ามานั้น ร่วมมือแค่ไหน ประการที่ 2 คือ มาตรการในการคัดกรองตรงนี้ เป็นที่จูงใจมากแค่ไหน เพื่อที่จะให้เขาเข้ามาในช่องทางมาตรฐาน การที่ชักชวนหรือจูงใจได้ง่ายที่สุด คือ รู้เร็ว โดยที่เสียแค่ 100 บาท เท่านั้นเอง หรือไม่มากนักในการตรวจเลือด”

แต่อย่างไรก็ตาม เขายังแนะนำทางออก และวิธีรับมือคนที่ลักลอบเข้ามาไทย ผ่านเส้นทางเส้นทางธรรมชาติไว้ว่า จะต้องจูงใจทุกคนให้เข้ามาทางช่องทางมาตรฐาน และตัดช่องทางนายหน้าที่รับเข้ามาทำงานให้หมด

“ประการที่ 1 คนที่เข้ามาตรงนี้ จะต้องตัดกระบวนการนายหน้าที่รับเข้ามาทำงานให้หมด ประการที่ 2 คือ คนที่เข้ามา ไม่ว่าจะเป็นคนไทยด้วยกันเอง ที่ไปทำงาน หรือไปเยี่ยมญาติที่อยู่ในพม่า หรือไปค้าขายที่พม่า หรือคนไทยที่อยู่ 1G1 ตรงนี้ ต้องสมัครใจที่จะเข้ามาอยู่ในช่องทางมาตรฐาน

ถ้าเข้าช่องทางมาตรฐานมันต้องกักตัว 14 วัน ซึ่งมันไม่ค่อยเป็นที่เย้ายวนให้เขาเข้ามา เพราะฉะนั้นถ้าหากจะให้มันดูเชิญชวนที่จะเข้ามาตามช่องทางมาตรฐาน

เราก็ต้องบอกว่า มันมีวิธีการคัดกรองซึ่งรวดเร็ว และสามารถที่จะตอบโจทย์ได้ภายในไม่เกิน 7 วัน ว่าเขาติดหรือไม่ติด ตรงนี้เขาก็สามารถหลุดออกไปได้ ด้วยการกักตัวได้เร็วกว่าธรรมดา”




ข่าวโดย : ทีมข่าว MGR Live



** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **





กำลังโหลดความคิดเห็น