xs
xsm
sm
md
lg

บทเรียน “พี่เลี้ยงทำร้ายเด็กเจียนตาย”!! คนใกล้ตัวแค่ไหน ไม่ใช่ครอบครัว-ไม่ควรไว้ใจ

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



บีบหัวใจคนเป็นพ่อแม่ จ้างแม่เพื่อนเลี้ยงลูกสาว 2 คน แต่ลูกเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ-เลือดออกในสมอง อาการยังสาหัส ด้านผู้เชี่ยวชาญชี้ “เรื่องความไว้วางใจค่อนข้างลำบาก ที่จะบอกว่าไว้ใจใครได้” ฝากมองเห็นคุณค่าของปู่ย่าตายาย คนในครอบครัว!!




เช็กยากใครไว้ใจได้ เลี้ยงเองดีที่สุด


กำลังเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจในสังคม หลังพ่อแม่ครอบครัวหนึ่ง จ้างแม่เพื่อนเลี้ยงลูกสาว 4 ขวบ กับ 3 ขวบ ก่อนพบลูกคนเล็กบาดเจ็บสาหัส เลือดออกในสมอง

ย้อนกลับไป อุกฤษฎ์ และ วันวิสา ได้จ้างวานซี (นามสมมติ) แม่ของเพื่อนให้ดูแลลูกสาว 2 คน ตั้งแต่เดือน ส.ค.63 โดยพี่เลี้ยงนั้นไม่ได้มาจากสถานที่รับเลี้ยงเด็ก แต่เป็นการไว้วางใจคนที่รู้จัก

จนกระทั่งวันที่ 9 พ.ย. เธอได้โทร.บอกว่าลูกไม่สบาย ลื่นล้มในห้องน้ำและตกบันไดจนได้รับบาดเจ็บ แต่ไม่รุนแรงมาก ขอให้มารับตัวพาไปหาหมอ

โดยลูกสาวในวัย 3 ขวบ 6 เดือน อยู่ในสภาพนอนแน่นิ่งไม่รู้สึกตัว ใบหน้าและแขนเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ จึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาล แพทย์ตรวจร่างกายพบว่ากระดูกสะโพกหัก มีเลือดคั่งในสมอง ต้องผ่าตัดอย่างเร่งด่วน อาการสาหัส ตอนนี้ยังรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู และยังไม่รู้สึกตัว

เช่นเดียวกับลูกสาวคนโตก็มีรอยเขียวช้ำตามตัวหลายแห่ง โดยลูกคนโตบอกว่า ถูกพี่เลี้ยงโหดจับทุ่มกับพื้น แน่นอนว่าเรื่องนี้ทำให้พ่อแม่ทุกข์ใจแสนสาหัส เพราะไม่มีอะไรมารองรับถึงความปลอดภัยของตัวเองได้เลย จึงได้เข้าร้องทุกข์และขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี

[ครูก้า-กรองทอง บุญประคอง]
อย่างไรก็ดี ทีมข่าว MGR Live ได้ติดต่อไปยัง ครูก้า-กรองทอง บุญประคอง ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการเด็ก ให้ช่วยสะท้อนถึงมาตรการตรวจสอบบุคคลก่อนที่จะเข้ามาเลี้ยงเด็ก รวมทั้งสะท้อนความไว้วางใจคนใกล้ตัว บางครั้งก็ไว้ใจไม่ได้

ด้านครูก้า ให้คำตอบถึงเรื่องนี้ว่า เรื่องความไว้วางใจให้ใครการเลี้ยงดูบุตรนั้นค่อนข้างลำบากที่จะบอกว่าจะสามารถไว้วางใจใครได้

“เรื่องของการดูก็ตอบยาก เพราะว่าบางทีเราดูคนจากภายนอก เราไม่รู้จริงๆ ส่วนมากที่ลูกเราจะโดนทำร้าย ก็จากคนที่เราก็คิดว่าเราไว้ใจแล้ว เราถึงเอาไปไว้

มันยากอยู่ว่าเราจะไว้ใจ หรือจะไม่ไว้ใจใคร คือ ถ้าเราสามารถดูแลบุตรด้วยตัวเองได้ อันนั้น คือ ดีที่สุด”


แน่นอนว่า เรื่องที่เกิดขึ้นต่างบีบหัวใจให้เหล่าพ่อแม่ และต่างต้องการให้ลูกได้รับสิ่งปลอดภัยที่สุด สำหรับวิธีตรวจเช็กข้อมูลส่วนตัวพี่เลี้ยงนั้น ครูก้า ยังมองอีกว่า รู้สึกเป็นเรื่องที่ยากในการตรวจเช็ก เพราะบางครั้งการตรวจเช็กไม่ใช่เครื่องการันตีถึงความปลอดภัย

“คือมันเช็กยากเหมือนกัน บางทีมันก็เพิ่งมาเกิดเหตุที่เรา หรือบางทีสมมติต่อให้เป็นโรงเรียน หรือเป็นสถานรับเลี้ยงเด็ก บางทีเราก็ไม่สามารถที่จะเช็กได้จนเจอว่าเขามีประวัติไหม โดยอย่างเคสนี้จะเป็นเคสที่คนรู้จักกันด้วย ไม่ใช่สถานรับเลี้ยงเด็ก ซึ่งมันอาจจะไม่มีตัวอะไรที่การันตีว่าเขามีความรู้ในการดูแลเด็ก มีความเข้าใจในเชิงของจิตวิทยาเด็กรึเปล่า


คือจริงๆ การทำร้ายเด็กมันไม่ใช่ทางเฉพาะทางร่างกายอย่างเดียว ร่างกายถือว่าหนักมาก แต่ว่าใจหนักหว่า มันซึมลึกโดยที่ไม่เห็น การทำร้ายไม่ใช่แค่ร่างกาย แค่มาจากการพาดพิงของเราบางทีมันก็สร้างผลเสีย บางทีก็สร้างผลเสียต่อเด็กมากพอสมควร และเป็นระยะยาวด้วย เช่น ทำลาย self ของเด็ก

ทำลายความมั่นใจว่าโลกใบนี้ปลอดภัยพอที่เขาจะกล้าแสดงความเป็นตัวเขาออกมา หรือว่ามันไปสร้างความหวาดระแวงให้เกิดขึ้นในตัวเด็ก หรือแม้กระทั่งเด็กเองก็อาจจะซึมซับวิธีการใช้อำนาจ และกำลัง ไปใช้กับคนอื่นต่ออีก”




ยิ่งไม่ใช่สถานรับเลี้ยง ยิ่งไม่ปลอดภัย?


“การันตีไม่ได้ บางทีขึ้นอยู่คนนั้นมีเมตตาแค่ไหน บางทีเราฝากคนข้างบ้าน ก็อาจจะรักลูกเรามากกว่าลูกเขาอีก คือ มันไม่มีสูตรตายตัว หรือคนที่มีใบประกอบวิชาชีพจริงๆ แต่จิตใจโหดร้ายก็มี มีความรู้เชิงดีหมด แต่ทางปฏิบัติไม่ใช่ ก็ค่อนข้างยาก

คือ ถ้าเราสามารถดูแลลูกได้ดี แต่ถ้าเราทำแบบนี้ไม่ได้ เพราะในเชิงแง่ของเศรษฐกิจ พ่อแม่คลอดแป๊บเดียวก็ต้องออกไปทำงานแล้ว ฉะนั้นเอาวิธีที่ดีที่สุด คือ เราพยายามใกล้ชิดเพื่อที่จะพูดคุยกับเขามากๆ เพื่อที่จะทำความรู้จักเขาให้มากที่สุด

อย่างกรณีสารสาสน์ คนที่ไม่ใช่ครูจุ๋ม แต่เป็นครูอื่นๆ พ่อแม่ก็จะสะท้อนว่าไม่น่าเชื่อ ถ้าไม่เจอคลิป เพราะว่าดูคลิปเขาก็ดูรักลูกเรามาก และคุณพ่อคุณแม่ก็พูดว่าคุณจุ๋มไม่น่าทำนะ และพูดกับเขาด้วยความไว้วางใจว่า เชื่อว่าครูที่ดูแลลูกเรา ไม่ได้ทำหรอก

แต่พอมาเจอคลิปเหมือนกันอีก ฉะนั้นมันยากที่จะวางใจผู้คน แต่ก็ไม่อยากให้อยู่บนความหวาดระแวง จนทำให้เราสุขภาพจิตเราเสียไปด้วย”


เมื่อถามถึงประเด็นที่หลายคนมองว่า การทำร้ายเด็กที่เกิดขึ้นนั้น อาจเป็นเพราะพี่เลี้ยง ไม่ใช่บุคคลที่มาจากสถานรับเลี้ยงเด็กนั้นหรือไม่ จึงทำให้ไม่มีความรู้ และขาดการควบคุมอารมณ์ที่มีต่อเด็ก ทางครูรายเดิมมองว่า ตัวสถานรับเลี้ยงเด็ก ไม่ใช่ตัวการันตีว่าจะไม่มีการทำร้ายเกิดหรือไม่ ขึ้นอยู่กับตัวบุคคลมากกว่า

“เราอยากให้เห็นคุณค่าของคนใกล้ตัว เช่น ปู่ย่าตายาย ซึ่งบางทีคุณพ่อ คุณแม่ อาจจะรู้สึกว่าปูย่าตายาย เป็นคนหัวโบราณ เลี้ยงหลานอาจจะตามใจ และรู้สึกว่าการเลี้ยงอาจจะไม่ใช่วิธีคิดตรงกันกับเรา เราก็เลยรู้สึกว่า เอาไปฝากกับคนอื่นดีกว่า ซึ่งตรงนั้นก็เลยกลายเป็นทำให้เป็นเหตุผลที่เราไม่สามารถไว้วางเขาได้จริง อันนี้คือกรณีที่ปู่ย่าตายายสามารถช่วย support เลี้ยงหลานได้ มันเป็นความสุขของกันและกัน ของคนวัยผู้ใหญ่ กับวัยเด็กเล็ก เพื่อที่จะซึมซับความเมตตาของผู้ใหญ่

เรื่องความไว้วางใจนั้นค่อนข้างลำบากที่จะบอกว่าเราจะไว้ใจใครได้ ขั้นที่ 1 ต้องไว้ใจตัวเราเองให้มากที่สุด 2 ถ้ามันจำเป็นที่จะต้องไปฝากไว้กับใครจริงๆ ก็ขอให้พูดคุย ถามแนวคิดเขาให้มากที่สุด

เพราะอย่างน้อยๆ เราสังเกตว่าคนที่มีเมตตาต่อเด็กมากน้อยแค่ไหน พอไว้วางใจมากน้อยแค่ไหน แต่ว่าถามว่าจะมีอะไรที่จะเป็นข้อสังเกตให้การันตีได้ ไม่มีอะไรอะไรการันตีได้


เราไม่รู้จริงๆ ว่าสภาพจิตใจของแต่ละคน บางทีเราก็ไม่เข้าใจ หรือว่าวิธีที่เขาเติบโตมา บางทีเขาเติบโตมาจากการที่ใช้กำลัง เขาก็เลยรู้สึกว่าวิธีการใช้กำลังกับเด็ก นั่นคือการดูแลเด็กที่ถูกต้อง”

สุดท้ายนี้ครูก้า ย้ำถึงมาตรการเลี้ยงดูเด็ก และอยากให้เหตุการณ์นี้เป็นกรณีศึกษา และไม่ควรทำร้ายกันทั้งร่างกาย และจิตใจ เพราะอาจจะเป็นบาดแผลแก่เด็ก และเขาอาจจะนำวัฒนธรรมของการใช้อำนาจความรุนแรง
ไปสืบทอดในอนาคตได้

“การที่เราจะดูคนอื่นนั้นยากที่สุด สิ่งที่ง่ายที่สุด คือเรากลับมาดูตัวเรา ว่า 1.เราไม่ใช่ เราไม่ทำในสิ่งที่เราไม่อยากให้ใครมาทำกับลูกเรา

2.ถ้าเป็นไปได้จะต้องฝากลูกเราไว้กับใคร ขอให้มองไปที่ปู่ย่าตายายก่อน ถึงแม้ว่าจะมีข้อขัดแย้งในวิธีการเลี้ยงดู เช่น ปู่ย่าตายายสปอยหลานเกินไปรึเปล่า ก็ไม่เป็นไร ก็ยังดีกว่าเราเอาลูกเราไปฝากไว้กับคนที่เราไม่รู้จักเลย

แต่ถ้าจำเป็นจริงๆ ปู่ย่าตายายก็ไม่มีเวลา หรือไม่ได้อยู่ใกล้ หรือสะดวกพอที่จะดูลูกหลาน ก็ขอให้ได้ไปพูดคุย ดูให้มากที่สุด ว่าเขามีวิธีคิดอย่างไรกับการเลี้ยงดูเด็ก เราน่าจะพอไว้วางใจได้บ้างหรือไม่ค่ะ”

ล่าสุด ทางด้าน ปวีณา หงสกุล ได้ประสาน พ.ต.อ.เศรษฐณัณข์ ทิมวัฒน์ ผกก.สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี
และพาวันวิสา ผู้เป็นแม่แจ้งความ รวมทั้งนำตัวพี่สาวคนโตให้สหวิชาชีพสอบ ก่อนที่จะให้ชุดสืบสวนเดินทางไปควบคุมพี่เลี้ยงคนดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว




ข่าวโดยทีมข่าว MGR Live



** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **





กำลังโหลดความคิดเห็น