เปิดชีวิตคู่รักริมคลองบางซื่อ “ตาบัญญัติ-ยายบรรทม” 2 ผู้เฒ่าอาศัยในบ้านหลังเก่าอย่างยากลำบาก ไม่มีห้องน้ำ ไม่มีน้ำประปา เข้า-ออกได้เพียงทางเรือ ซ้ำร้าย ยายป่วยติดเตียงมีแผลกดทับ ตาประสบอุบัติเหตุสะโพกหัก ต้องดิ้นรนทำประมงพื้นบ้านประทังชีพ “ถึงยายพิการอยู่ติดเตียงก็ไม่เป็นไร ตาจะดูแลเอง”
ประคองรักกว่า 4 ทศวรรษ
“มาอยู่ป่านนี้แล้วลูก ยังไงก็ต้องอยู่ ไปไหนไม่ได้ รักเหมือนกัน”
คุณตาบัญญัติ พระยาเม็ง กล่าวกับผู้สัมภาษณ์ ถึงเรื่องราวของเขา ที่วันนี้ล่วงเลยมาถึง 71 ปีแล้ว แต่ยังคงใช้ชีวิตด้วยการเป็นชาวประมงพื้นบ้าน อาศัยในเรือนไม้หลังเก่าริมคลองบางซื่อ จังหวัดนนทบุรี กับ คุณยายบรรทม พระยาเม็ง วัย 83 ปี ภรรยาที่ร่วมผ่านร้อนหนาวด้วยกันมา โดยไม่เคยคิดทอดทิ้งไปไหน แม้จะมีอุปสรรครุมเร้าก็ตาม โดยจุดเริ่มต้นการใช้ชีวิตคู่ร่วมกันของตาบัญญัติและยายบรรทมนั้น เกิดขึ้นเมื่อ 40 ปีก่อน
“ตอนแรกทำงานโรงงานทอกระสอบ เห็นอกเห็นใจ ก็เลยชอบกัน ตั้งแต่สมัย 40 ปีมาแล้ว ก็อยู่ด้วยกัน ไม่มีลูกหรอก ตอนนั้นทำอยู่ไม่ถึง 10 ปี ก็ลาออกเอาเงินมาปลูกบ้าน ทำอาชีพหาปลา หากุ้ง เห็นเขาหาได้ก็หามั่ง ไม่รู้จะไปทำอะไร ความรู้ ป.4 ก็ไม่จบ ยายก็ออกมาขายของ ขายก๋วยเตี๋ยวในคลองอยู่พักนึง พออายุสัก 50 ตาก็ไปหาปลา ยายก็เลิกขายก๋วยเตี๋ยวมันไม่มีกำไร ก็เลยเอากุ้ง เอาปลาของเราไปขาย”
ทว่า… การสู้ชีวิตของทั้ง 2 ตายายไม่ได้มีแค่นั้น เพราะนอกจากบ้านหลังโทรมที่อาศัยอยู่จะไม่มีห้องน้ำแล้ว ก็ยังไม่มีสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานอย่างน้ำประปาใช้อีก อีกทั้งการเดินทางก็ยากลำบาก เนื่องจากเป็นที่ตาบอดติดริมคลอง ทำให้ต้องสัญจรทางเรือเพื่อไปต่อรถโดยสารอีกทอด
“น้ำประปาตอนแรกขอต่อ เขากลัวรถทับท่อแตก ตาก็ไปขอน้ำประปาเรียบร้อย เจ้าหน้าที่เขาจะมาต่อท่อ เจ้าของที่เขาไม่ให้ต่อ เดี๋ยวรถทับท่อก็เลยทำไม่ได้ แล้วก็ไม่มีทางเข้าทางออกเลย เขาปิดหมด สมัยก่อนก็ยังออกได้ รุ่นคนเก่าๆ อยู่ พอคนเก่าๆ เขาสิ้นบุญ เหลือคนรุ่นหลานเขาก็ปิดทาง ออกไม่ได้ ออกทางเรือมาประมาณ 40 กว่าปีแล้ว
แต่ตอนนี้ลง (อวน) ไม่ได้ เขาห้าม 3 เดือนนี้เจ้าหน้าที่ประมงห้าม เพราะปลาวางไข่ ถ้าออกไปเจ้าหน้าที่เขาจับ ออกไปน้ำทะเลมันดันมา ปลาก็หนีไปปทุม ตาก็ต้องวิ่งเรือตามไปหาที่ปทุม แล้วทิ้งให้ยายอยู่นี่ก็ต้องรีบกลับ รู้สึกว่าลำบาก เงินเก่ามีอยู่ก็กินหมดแล้ว
ฝนตกมันก็รั่ว สังกะสีมันผุ รั่วก็หลบเอา (ห้องน้ำ) ไม่มี ขับถ่ายก็ขุดหลุมในสวน พูดกันอย่างไม่อาย บางทีของยายก็ลงคลองไปเลย การกินการอยู่ไม่มีเท่าไหร่ มีอะไรก็กินได้”
ทางด้านของ นฤกร ผาสุข หัวหน้าศูนย์บริการสาธารณสุข ที่เคยเข้ามาให้การดูแลกล่าวว่า ทั้งคู่มีความเป็นอยู่ที่ค่อนข้างลำบาก และเมื่อไม่มีน้ำประปาใช้จึงต้องใช้น้ำเน่าจากคลอง
“ที่เราเจอก็คือเรื่องของการใช้น้ำ น้ำที่คุณตาใช้ในชีวิตประจำวันเป็นน้ำจากคลอง ตักน้ำคลองขึ้นมาใส่ในโอ่งใต้ถุนแล้วใช้สารส้มแกว่ง ส่วนน้ำกิน คุณตาบอกว่าไปกดที่ตู้ลิตรละ 1 บาทแถวบ้าน แต่ว่าเมื่อก่อนเห็นบอกว่าเขาซื้อน้ำจากเพื่อนบ้าน
อีกปัญหาก็คือ คุณตาบอกว่าอยากได้ห้องสุขา ห้องสุขาเดิมที่พังแล้ว คุณตาเขาต้องการตรงนี้ด้วย ตรงฝาบ้านมันเป็นไม้ค่อนข้างผุ รูโหว่เยอะเหมือนกัน ฝนตกหนักๆ มันจะสาดเข้ามาถึงคุณยายเลย”
เคราะห์ซ้ำ หลายโรครุมเร้า!
ไม่เพียงปัญหาเรื่องทำกินจะเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของตาบัญญัติแล้ว ปัญหาด้านสุขภาพของยายบรรทม ก็เป็นอีก 1 สิ่งที่ทำให้ตาบัญญัติต้องเผชิญอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ได้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้น ในขณะที่ยายบรรทม กำลังขายของในตลาดอยู่นั้น จู่ๆ ก็เกิดอาการหน้ามืดล้มลง จนต้องรีบหามพาไปส่งโรงพยาบาล ต่อมา คุณหมอบอกว่า เพราะเส้นเลือดในสมองแตก ส่งผลให้ยายต้องพิการครึ่งซีก เมื่อกลับมาพักรักษาตัวอยู่บ้านไม่นานก็สามารถเดินได้ แต่ต้องอาศัยไม้เท้าช่วยพยุง
แต่มรสุมชีวิตกลับไม่หมดแค่นั้น เพราะเมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา อาการป่วยของยายบรรทม กำเริบขึ้น จนทำให้ยายไม่สามารถเดินได้อีกต่อไป
อีกทั้งสภาพความเป็นอยู่ของครอบครัวนี้ก็น่าเป็นห่วงอย่างมาก เพราะหลังจากที่ยายต้องนอนติดเตียงเป็นเวลานาน มือติด ข้อขาไม่เหยียดออก และบริเวณก้นของยายมีแผลกดทับกว้างประมาณ 4 เป็นหลุมลึกประมาณ 3 ซม.จนเห็นกระดูกก้นกบ
“ขายของอยู่ใต้ถุนสะพานมันร้อน ยายแกร้อนแล้วเครียด ตาเห็นท่าไม่ดีก็แบกไปโรงพยาบาลเลย ไปถึงคุณหมอก็เอาเข้าห้องเลย เข้าไปเอกซเรย์สมอง ตาก็ไปด้วย คุณหมอบอกว่า ถ้าช้าอีกหน่อยเดียวยายติดเตียงเลย ตาก็เลยดีใจ มือยกไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ยังพอช่วยเหลือกันได้ พากลับมาบ้านเดินได้แต่ใช้ไม้เท้าหน่อย แล้วผ่านมาประมาณ 2 เดือนแกก็มาล้มเที่ยวนี้ติดเตียงเลย
ตาก็ดูแลอาบน้ำ ประแป้งทุกวัน เราไม่ได้ดูแผลที่กดทับข้างหลัง ถ้าดูตั้งแต่ตอนแรกคงไม่เป็นขนาดนี้ ไม่ได้ไป (หาหมอ) ไปยังไงคนเดียว ยกไม่ไหว มีอนามัยทำแผล มาให้ของ ก็โล่งใจหน่อย มีหมอมียา”
โดยทั่วไปเมื่อถึงเกิดเจ็บไข้ได้ป่วย ย่อมต้องการการรักษาพยาบาล แต่กรณีของยายบรรทม ที่เป็นผู้ป่วยติดเตียง มีแผลกดทับ กลับต้องเจออุปสรรคเรื่องการเดินทาง เพราะต้องผ่านทางเรือก่อน จึงไม่สามารถพาไปรับการรักษาที่หน่วยบริการสาธารณสุข หรือโรงพยาบาลได้ท่วงที ซึ่งหัวหน้าศูนย์บริการสาธารณสุขที่เคยดูแลก็กล่าวว่า นี่คือหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้อาการแผลกดทับของบรรทมหนักขึ้น
“ต้องทำ (ทำความสะอาดแผลกดทับ) ทุกวัน เช้า-เย็นได้ยิ่งดี แล้วดูลักษณะแผลเข้าถึงกระดูก ที่เรากลัวคือว่าจะติดเชื้อ จริงๆ แล้วต้องเลาะออก เป็นเนื้อตาย วันนี้แผลแย่มากเลย เมื่อวานที่มาแผลยังดูแดงและไม่มีกลิ่น แต่วันนี้มีกลิ่นออกมา จากประเมินแล้วคงต้องส่งโรงพยาบาล ถ้าเกิดทิ้งไว้จะเป็นอันตรายถึงชีวิตเลย เชื้อโรคเข้าตามกระแสโลหิตไปแล้วแผลมันจะเน่ากว่าเดิม ยายจะปวดมาก
เราถามคุณตาว่าได้พาคุณยายไปหาหมอมั้ย คุณตาบอกว่าไม่ได้พาไปหาหมอเลย เพราะว่าอาจจะเดินทางลำบาก บ้านของคุณตาเป็นเหมือนที่ตาบอด การที่จะออกไปทางบกต้องเดินผ่านบ้านคนอื่น เพราะได้บอกคุณตาเหมือนกันว่าอยากเดินไปทางบก เราอยากรู้พื้นที่ว่าออกไปได้มั้ย เผื่อเราประสานงานกับหน่วยแพทย์ฉุกเฉินเพื่อจะมารับยายไปโรงพยาบาล แต่ทีนี้คุณตาบอกว่า หมา 20 กว่าตัว ซึ่งขังไว้แต่หมาก็หลุดออกมาได้”
“อยากให้คุณยายหาย ตาจะได้สบายใจ”
ไม่เพียงแค่ภรรยาของตาบัญญัติเท่านั้น ที่ตกอยู่ในสภาพนอนติดเตียงช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ตัวของผู้เป็นสามีเองก็ไม่แข็งแรง เพราะเคยประสบอุบัติเหตุตกจากรถจักรยานยนต์จนสะโพกหัก และมีอาการของโรคงูสวัดร่วมด้วย
“ตอนนั้นไปซื้อกับข้าวให้ยาย ตาลงจากรถแล้วหล่นรถมอเตอร์ไซค์ สะโพกหัก อาการมันก็ยังเดินเจ็บๆ ถ้าหน้าหนาวจะปวด มันก็พอทนไหว คิดว่าหายแต่มันยังปวดนิดๆ มีงูสวัดแถบนี้อีกข้าง งูสวัดเพิ่งเป็นตั้งแต่ปีสองปีแล้ว เป็นเพราะอาบน้ำในคลอง มันเป็นพองๆ แตกก็อักเสบแล้วก็ปวด ไม่ได้ไปรักษา หมอเขาว่ารักษาไม่หายเลยไม่ไป”
ประกอบกับรายได้ที่มีก็ไม่แน่นอน มีเพียงเบี้ยเงินพิการและเบี้ยผู้สูงอายุ หล่อเลี้ยง 2 ชีวิต ภายใต้สาธารณูปโภคที่ไม่อำนวย อาหารไม่เพียงพอ อาศัยน้ำในคลองที่เน่าเหม็นในการใช้อุปโภค การเดินทางก็ไม่สะดวก แต่สำหรับตาบัญญัติ เขาไม่เคยท้อกับปัญหาที่ต้องเผชิญ และไม่เคยมองว่าคู่ชีวิตที่ร่วมทุกข์สุขกันมาเป็นภาระ
“อยู่มานานแล้ว อยู่มาหลายปีแล้ว มันต้องอยู่ ไม่เป็นภาระ ยายทำไม่ได้เราก็ทำ ให้กำลังใจ เดี๋ยวหาย ก็ดีใจ เดี๋ยวยายหาย อยู่บนบ้านไม่มีคนรักษา ก็ต้องให้หมอรักษา ห่วงยายว่าจะหายมั้ย จะกลับตอนไหน หากินก็ยังไม่แน่
อยากให้คุณยายหายเร็วๆ ตาจะได้สบายใจ หากินคล่องหน่อย แล้วก็ถ้าเกิดยายไม่เป็นแผลแล้ว อยู่บ้าน ตาก็หุงข้าวให้ ตาจะออกไปพักนึง ได้ซักร้อยสองร้อยก็กลับแล้ว
ต้องอยู่ เห็นอกเห็นใจกันมาตั้งแต่ใหม่ๆ ตาไม่มีตังค์เขาก็เอามาให้ พึ่งพาอาศัยกัน จะดีจะชั่ว เขาจะเป็นยังไงก็อยู่ เขาหายมาอยู่บ้าน ถึงพิการอยู่ติดเตียงก็ไม่เป็นไร จะหุงข้าวดูแลเอง ขอให้มีกินไปเดือนๆ พอ ทำส้วม หลังคาไม่รั่ว เปลี่ยนสังกะสี”
และนี่คือเรื่องราวรักริมคลอง ของตาบัญญัติและยายบรรทม ที่ยังยึดมั่นกับความรักที่มีต่อกัน แม้จะต้องเผชิญกับความยากลำบากขนาดไหนก็ไม่ละทิ้งกันไป
แต่ขณะเดียวกัน ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ว่า หากวันใดวันหนึ่ง ตาบัญญัติต้องล้มป่วยไปอีกคน ทั้ง 2 ชีวิตจะอยู่กันอย่างไร ได้แต่ส่งกำลังใจและหวังว่าจะมีคนยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ ให้ความเป็นอยู่ของครอบครัวนี้ดีขึ้น
หากใครต้องการให้ความช่วยเหลือครอบครัวนี้ สามารถโอนเงินไปได้ที่ ธนาคารกรุงไทย สาขาท่าน้ำนนทบุรี ชื่อบัญชี นายบัญญัติ พระยาเม็ง เลขที่บัญชี 145-0-18962-8
สัมภาษณ์ : รายการ “ฅนจริง ใจไม่ท้อ”
เรียบเรียง : MGR Live
เรื่อง : กีรติ เอี่ยมโสภณ
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **