เปิดใจ 2 ตายาย เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวดังย่านแหลมฉบัง หอบเงินล้านที่เก็บสะสมมานานกว่า 20 ปี บริจาคโรงพยาบาล ซื้อเครื่องตรวจเชื้อโควิด-19 และเครื่องช่วยหายใจ เพื่อต่อลมหายใจอีกหลายชีวิต พร้อมทั้งขอบคุณหมอที่ช่วยรักษาในยามที่ลำบาก แม้ตอนนี้จะโดนกระทบหนัก รายได้ลดไปเกินครึ่ง แต่ก็ยังพร้อมสู้ต่อ
แค่ได้เป็นผู้ให้ก็สุขใจ
“ตัวเราไม่ห่วงอะไร ลำพังก็อายุมากแล้ว อยากทำในตอนที่มีชีวิตอยู่ว่างั้นเถอะ เราก็ไปบริจาคหลายครั้งแล้ว แต่นิดๆ หน่อยๆ ทำในฐานะคนจน คนหาเช้ากินค่ำ”
คุณยายตา-เย็นตา วงษ์ไพบูลย์ วัย 80 ปี เปิดใจกับทีมข่าว MGR Live หลังจากโลกโซเชียลส่งต่อเรื่องราวที่น่าชื่นชมของคุณตา คุณยายใจบุญ 2 คน ซึ่งอีกคนนั่น คุณตาเข็ม-ประจวบ วงษ์ไพบูลย์ วัย 83 ปี ที่ได้นำเงินล้านมาบริจาคให้แก่โรงพยาบาล เพื่อนำไปสมทบทุนจัดซื้อเครื่องตรวจเชื้อโควิด-19 และเครื่องช่วยหายใจ
ซึ่งทั้ง 2 ผู้ใจบุญ เป็นเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวเป็ดตาเข็ม ย่านแหลมฉบัง จ.ชลบุรี ที่เปิดมานานกว่า 50 ปี และเงินที่นำไปบริจาคให้โรงพยาบาลในครั้งนี้ก็เก็บสะสมมานานกว่า 20 ปี
“บริจาคไป 10,070,000 บาท ให้โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา 500,000 บาท โรงพยาบาลแหลมฉบัง 570,000 บาท ซื้ออุปกรณ์เครื่องวัดไข้โควิด-19 หมอเขาบอกว่าต้องการอย่างนั้นเราก็ให้เขาไป ตั้งใจไว้อยู่แล้ว ตั้งใจไว้นานแล้วค่ะ ถ้ามีเงินจะไปบริจาค
เป็นเงินเก็บสะสมมา 20 ปี เก็บเอาไว้ทีละนิด ทีละหน่อยเราก็ไม่อยากเก็บเอาไว้กับตัวเอง เพราะเราอายุมากแล้ว จะทำอะไรก็ทำซะ เพราะตัวเองก็อายุมากแล้ว ไม่สบายไป หรือเป็นอะไรไปก็ไม่ได้อย่างใจนึก ก็ได้เงินมาแล้วก็ไปทำซะ”
โดยคุณยายเล่าอีกว่า ทั้ง 2 คนอายุก็มากขึ้นทุกวันๆ ไม่รู้ว่าจะตายวันไหน มีความตั้งใจที่อยากจะทำบุญให้โรงพยาบาลมานานแล้ว อีกทั้งมีเงินเก็บอยู่ 1 ก้อน จึงได้เข้าไปคุยกับทางโรงพยาบาลว่ามีความต้องการอะไรบ้าง
“ทีแรกจะไปสร้างตึก นึกว่าเขาสร้างตึกยังไม่เสร็จ แต่มันพอแล้ว งั้นก็เป็นเครื่องมือแพทย์ก็ได้ หมอก็เลยบอกว่าเอาเป็นเครื่องช่วยหายใจก็แล้วกัน จะอะไรก็ได้เพราะเราไม่รู้เครื่องมือหมอว่าอะไรที่สำคัญ ก็เครื่องมือหมอไม่มี เครื่องมือมันก็ต้องทันสมัยหน่อย หมอเขาก็อยากได้ เครื่องทันสมัยใหม่ ค่อยจะได้ทันต่อโรค แล้วคิดว่าโรงพยาบาลมีแต่ให้ จึงอยากเป็นผู้ให้บ้าง”
สาเหตุที่ต้องการไปบริจาคเงินให้แก่โรงพยาบาลนั้น ก็เพราะว่าเมื่อก่อนคุณตา ได้เกิดอุบัติเหตุลื่นล้ม จนขาหัก ต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล ซึ่งในครั้งนั้นก็ได้รับการดูแลจากทีมแพทย์เป็นอย่างดี
จึงตั้งใจว่าหากมีเงินสักก้อนจะนำมาบริจาคให้แก่ทางโรงพยาบาล จนกระทั่งทำได้สำเร็จอย่างที่ตั้งใจเอาไว้ ซึ่งนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่บริจาคของทั้งสองตายาย ก่อนหน้านั้นก็บริจาคมาเรื่อยๆ อยู่แล้ว
“ชอบทำบุญเป็นประจำอยู่แล้ว แต่ก่อนนี้โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา เราก็ไปบริจาคเขาไปหลายครั้งแล้ว แต่นิดๆ หน่อยๆ ทำในฐานะคนจน คนหาเช้ากินค่ำ ก็บริจาคไปห้าหมื่นบ้าง ทำไปแล้วหลายครั้ง
คุณตาเขาก็เข้าโรงพยาบาลแทบจะทุกวันอยู่แล้ว เดี๋ยวก็เป็นนั่น เป็นนี่ ผ่าตัดใหญ่ก็ผ่า ก็เรารักษาอยู่ที่นี่ เราก็รักษาเขาอยู่ทุกวันๆ หมอ พยาบาลเขาก็ดีมาก เราก็ไปบ่อย ไม่เสียค่าอะไรเลย ก็อยากตอบแทนโรงพยาบาลที่ดูแลเราดีด้วย ไม่อยากให้เป็นข่าวหรอก เราก็ไม่ได้ตั้งใจว่าจะให้มันเป็นข่าว
ถ้าหากเราเป็นอะไรไปก่อน ใครเขาจะมาดูแลแทนเรา เราก็ทำของเราซะเอง เราก็คิดว่าเราทำของเราเองดีกว่าให้คนอื่นมาทำให้เรา”
นอกจากนี้ คุณยายก็หวังว่าเงินที่บริจาคช่วยสมทบซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ในครั้งนี้ จะสามารถนำไปช่วยได้อีกหลายชีวิต
แม้อีกหลายคนจะเป็นห่วงว่าทำไมถึงไม่เก็บเงินไว้ใช้ในบั้นปลายชีวิต แต่คุณยายกลับบอกว่า ไม่ต้องมีอะไรให้ห่วง เพราะไม่มีลูก ให้คอยห่วง และตอนนี้ก็อายุมากแล้ว ไม่รู้ว่าจะตายเมื่อไหร่ เมื่อมีโอกาสก็อยากจะทำไปเรื่อยๆ
“บั้นปลายชีวิตเราไม่ห่วงหรอก เพราะโรงพยาบาลเขาก็ดูแลเราอยู่แล้ว เราก็พอทำมาหากินได้อยู่ เราไม่ห่วงหรอก เราอายุขนาดนี้แล้ว เราจะตายเมื่อไหร่ เราอายุมากแล้ว ก็ไม่ห่วง”
โควิดกระทบค้าขาย ดีใจช่วยตรงจุด
“ก็ดีใจที่เราช่วยได้ตรงจุด ก็ขออย่าให้มีโควิด-19 เลย ภาวนาให้หายไปเร็วๆ คนก็เดือดร้อนไปทั้งบ้านทั้งเมืองเลย ก็ขอบคุณทุกคนค่ะ ที่เห็นดีเห็นงามด้วย คนที่เห็นหน้ากันเขาก็บอกว่าโชคดีนะ ทำดี เราก็ชื่นใจนะที่เราทำถูกทาง เราก็บริจาคเฉยๆ ไม่ได้คิดอะไรมาก
ไม่เคยบอกกับใครด้วยซ้ำว่าจะไป พอได้เงินมาก็ไปบริจาคดีกว่า เอาไว้กับคนอื่นเขาจะทำให้เราไหมก็ไม่รู้ ทำกับตาเห็นดีกว่า ช่วงโควิด-19 มา มันก็มีจังหวะพอดี ก็ไปบริจาค”
คุณยายย้ำถึงความดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือคนได้อย่างถูกจุด และรู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่คนชื่นชม เพราะส่วนตัวแล้วแค่บริจาคไป ไม่คิดว่าคนจะพูดถึงเยอะขนาดนี้
เชื่อว่าการทำบุญในครั้งนี้ นอกจากจะได้ช่วยเหลืออีกหลายต่อหลายคน แล้วยังเชื่อว่าบุญที่ทำก็จะเกื้อหนุนธุรกิจให้รุ่งเรืองต่อไป
แม้ดูว่าในยาววิกฤตนี้ สามารถนำเงินเป็นล้านไปมอบช่วยเหลือให้แก่คนอื่น แต่คุณยายผู้ใจบุญยังยอมรับอีกว่า ตัวเองก็เป็นอีกหนึ่งคนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
“ก็กระทบค่ะ เพราะว่าเขาไม่ให้นั่งกินในร้าน เราก็ทำตามที่รัฐบาลเขาบอก ใครเขาจะนั่งกินที่ร้านก็บอกว่านั่งไม่ได้ ซื้อกลับอย่างเดียว เพราะว่าเราก็ไม่อยากจะมีปัญหา
ขายของมันน้อยกว่าเก่า รายได้ลดลงมาเกินครึ่ง เมื่อก่อนทำอะไรออกไปก็ขายดี เดี๋ยวนี้ทำอะไรออกไปต้องคิดก่อนว่าวันนี้จะมีคนสั่งหรือเปล่า บางวันมันก็ไม่มีคน บางวันคนก็มาเยอะ”
นอกจากนี้ คุณยายยังเล่าอีกว่า อยู่กินด้วยกันกับคุณตามามากกว่า 60 ปี เปิดร้านก๋วยเตี๋ยวเป็ดมานานกว่า 50 ปี เมื่อก่อนอยากกินก๋วยเตี๋ยวเป็ด แต่ต้องเดินทางไปกินในตัวเมืองศรีราชา ซึ่งระยะค่อนข้างไกล และแถวบ้านไม่มีใครขายก๋วยเตี๋ยวเป็ด
จึงลองเปิดร้านขาย โดยที่ไม่มีสูตร อาศัยจำจากที่อื่นเอง จนกระทั่งทำไปทำมา มีลูกค้าเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย จึงมีชื่อเสียง และสามารถขายมาได้อย่างยาวนาน
“ตอนนี้เราไม่ได้ขายเองนะ เพราะเราอายุมากแล้ว มีคนมารับช่วงต่อ คนที่มารับก็เป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกันมา แล้วยายก็ไปช่วยเขาทำอยู่เบื้องหลัง แต่ว่าไม่ได้ออกไปขาย เดินไม่ค่อยจะได้แล้ว
ขายของมาประมาณ 50 ปีแล้ว ทำมาตั้งแต่อายุ 30 ปี ตอนนี้ก็อายุ 80 ปีแล้ว ก็เรายังทำได้อยู่เราก็ทำต่อไป เราไม่ได้รับผิดชอบอะไรกับเขามาก ก็อยู่เบื้องหลัง ช่วยทำนิดหน่อย ก็ให้เขาขายกันเอง คนที่มาทำต่อลูกค้าเขาก็เยอะ มนุษยสัมพันธ์เขาก็ดี ก็ได้ขายดี”
ขอบคุณภาพ : อมรินทร์ทีวี, ไทยรัฐ, เฟซบุ๊ก “ข่าวสารบ้านเฮา”
ข่าว: MGR Live
คลิป: อิสสริยา อาชวานันทกุล
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **