หล่อแถมเก่ง!! กว่าระยะเวลา 11 ปี ในเส้นทางนักยิงปืนทีมชาติไทยวัย 25 ปี ที่ชายผู้นี้ปลดล็อกชิวิต -ทุ่มเทเวลาฝึกซ้อม เพื่อพิสูจน์ตัวเอง รอฉายแสงแม่นเป้าไกลถึงโอลิมปิกเกมส์ 2020 บนเส้นทางที่เป็นไปได้ที่รอการพิสูจน์!! ซึ่งเขาคือหวานใจของ “เมย์ -รัชนก” นักแบดมินตันไทย มืออันดับ 5 ของโลกนั่นเอง
ทุ่มเทเวลา เพื่อนักแม่นเป้า
“รู้สึกภูมิใจ เพราะว่าผมไม่คิดว่าตัวผมเองจะมาประสบความสำเร็จในทุกวันนี้ได้ เพราะว่าคนภายนอกที่ดูเราประสบความสำเร็จ เขาไม่ได้มาเห็นตอนที่ทุ่มเท ตอนที่เราล้ม ตอนที่เราเหนื่อย เขาเห็นในรูปแบบที่เราประสบความสำเร็จแล้ว
แต่ทางเดินตรงนี้กว่ามันจะมาถึงจุดที่สำเร็จได้ เราเสียแรงกาย เสียทุกอย่าง ทุ่มเทเวลาให้กับมันตลอดเวลา”
อัศ- นภิศ ต่อตั้งพานิช นักยิงปืนหนุ่มทีมชาติไทย วัย 25 ปี บอกเล่าถึงเส้นทางการเป็นนักยิงปืนทีมชาติไทย ซึ่งแทบไม่น่าเชื่อว่าเด็กผู้ชายหล่อหน้าใส วัย 15 ปีตอนนั้น จะกลายเป็นนักยิงปืนชายฝีมือดี ที่คว้าแชมป์มาแล้วหลายรายการในวันนี้ ซึ่งใครจะรู้ล่ะว่าการเป็นนักกีฬา ไม่เคยอยู่ในความคิดของเขาเลย
ล่าสุดในกีฬาซีเกมส์ที่ผ่านมาปี 2019 ในกรุงวานิลา ประเทศฟิลิปปินส์ เขาเป็นมีเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่มีโอกาสได้ถือธงชาติไทย นำทัพนักกีฬาไทยเข้าสู่สนาม ไม่เพียงแค่นั้นก็ยังได้คว้าเหรียญทองเหรียญแรกให้กับทีมนักกีฬายิงปืน และยังเป็นเหรียญที่ 6 ของนักกีฬาทีมชาติไทยด้วย
“ตอนเด็กๆ ไม่เคยคิดจะเป็นนักกีฬาเลย ได้แต่เล่นกีฬาเพราะว่าพ่อแม่เขาอยากให้เราเล่นกีฬา เพื่อเข้ากีฬามหา’ลัย อยากให้เข้ามหา’ลัยดีๆ ให้มีการเรียนดีๆ แต่สำหรับตัวเราเอง เรารักอิสระมากกว่า
จุดเริ่มต้นเกิดจากการที่ผมเล่นฟุตบอลก่อน ตอนแรกผมเล่นเป็นชีวิตประจำวันเลยนะ เล่นทุกวัน เล่นแบบอยากถึงขั้นติดทีมชาติเลย แต่ผมเป็นคนที่เล่นแล้วขี้เกียจวิ่ง แต่ก็อยากเป็นนักบอล
คือเดินในสนาม ถามว่าอยากได้บอลไหม อยากได้ พอเพื่อนไม่ส่งมาให้ก็หงุดหงิด โวยวายเพื่อน โกรธเพื่อน แต่ตัวเองเป็นคนที่ขี้เกียจวิ่ง ไม่ยอมวิ่ง จนกระทั่งวันหนึ่งโค้ชเขาก็ให้นั่งสำรอง พอได้นั่งรอบแรก มันก็ต้องมีรอบที่ 2 ผมได้นั่งสำรองอีกประมาณปีกว่าๆ
ประมาณอายุ 14 ปี ก็เริ่มรู้สึกว่าทำไมเดี๋ยวนี้ไม่ได้ลง(สนาม)เลย เราเล่นไม่ดีเหรอ หรือว่าเราขี้เกียจเกินไป ผมก็เลยรู้สึกว่ามันไม่โอเค ก็เลยไปคุยกับแม่ แม่แนะนำให้ผมไปยิงปืน
ผมเคยไปให้เทนนิส ทางผู้ชายคนโตเขาก็เคยเล่นทั้งสองอย่าง แต่เหมือนผมเป็นคนที่ไม่ชอบวิ่งอยู่ดี แม่เขาก็เข้าใจตรงนี้ ก็เลยไปหากีฬาอะไรที่ยืนอยู่นิ่งๆ ไหมลูก ก็อย่างยิงปืนก็ยืนยิงอย่างเดียว”
เด็กชายวัย 15 ปีเริ่มเข้าสู่วงการนักแม่นปืนยาวในที่สุด แทนที่การเที่ยวเล่นกับเพื่อนวัยเดียวกันเหมือนเด็กๆ ทั่วไป รวมถึงการเป็นนักบอลอย่างที่เขาตั้งใจไว้
“แรกๆก็กลัว เพราะว่าอาวุธปืนตอนเด็กๆ ผมก็เคยเห็นว่ามันดัง เวลาเราไปจับอะไรใหม่ๆ เราก็กลัวแรงถีบมัน กลัวแรงถีบที่จะกระเด็นใส่หน้า กลัวลูกกระสุนที่จะกระเด็นออกมาหาเรา เรากลัวทุกอย่าง แต่พอเราได้จับครั้งแรก เฮ้ย!! ตุ้ม (เสียงปืน) รู้สึกว่ามันส์ ขออีกๆ
ผมก็ขอโค้ชยิงต่อนะ แต่คนที่เข้าไปเริ่มยิงปืนใหม่ๆ เขาจะให้ยิงแค่นัดหรือสองนัดก่อน เพราะเขาห่วงเรื่องความปลอดภัยมากกว่า”
ทว่ากว่าจะถึงจุดนี้ได้ เขาจะต้องฝึกทั้งปืนสั้น ปืนยาว ซึ่งการที่เข้าไปเป็นนักกีฬา ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ สำหรับเด็กในวัยนั้นเลย
“เริ่มแรกผมเริ่มยิงที่ปืนสั้นก่อน และตามมาด้วยปืนยาว เขาจะให้ผมเลือกว่าผมอยากจะยิงปืนสั้นหรือปืนยาว แต่ใจผมชอบปืนสั้น แต่ผมชอบรูปลักษณ์ปืนยาว เพราะมันเท่ มันเหมือนไรเฟิล อารมณ์แบบสไนเปอร์ ผมก็เลยอยากลองปืนยาวมากกว่า เพราะปืนสั้นก็เห็นคนทั่วไปเขายิงกันเยอะแล้ว
ตัวอัสซ้อมได้ 6 เดือนกว่าๆ อัสก็ไปลองคัดตัวเข้าทีมชาติ ก็เลยติดไปที่ซีเกมส์ ที่อินโด แมตช์แรกตอนนั้นอายุ 16 ปี และเป็นครั้งแรกที่ไปซีเกมส์ด้วย แล้วดันไปเข้ารอบชิงด้วย และได้เหรียญเงินกลับมา”
ตะลุยความแม่น หวังคว้าเหรียญ “โอลิมปิก”
แน่นอนว่ากีฬายิงปืน จำเป็นต้องใช้การวางแผนสูง ซึ่งเขายอมรับเลยว่าความยากอยู่ที่การวางแผน และการฝึกซ้อมที่ต้องสม่ำเสมอ รวมถึงการออกกำลังกายก็มีส่วนช่วยในเรื่องความแข็งแรงของกล้ามเนื้อด้วยเหมือนกัน
แรกเริ่มหนุ่มวัย 25 ปีคนนี้ ยอมรับว่ายากอยู่พอสมควร แต่ความโชคดี คือ การเริ่มต้นตั้งแต่ยังอายุยังน้อย ทำให้เขาได้เรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว
ในระยะเวลาเพียง 11 ปี ที่คลุกคลีผ่านการดวลความแม่นในสังเวียนซีเกมส์มาตลอด ในปี 2013 ที่ประเทศเมียนมา ปี 2015 ที่ประเทศสิงคโปร์ ปี 2017 ที่มาเลเซีย ทำผลงานคว้าไปได้แล้วทั้งสิ้น 3 เหรียญทอง 3 เหรียญเงิน 1 เหรียญทองแดง และปี 2019 คว้าเหรียญทอง ที่ประเทศฟิลิปปินส์
“ช่วงก่อนหนักมาก ช่วงก่อนผมซ้อมตั้งแต่ 9 โมง จนถึงประมาณ 2 ทุ่ม อัสอยู่กับปืนตลอดเวลาเลย อัสแทบไม่มีสังคมกับเพื่อนเลยครับ จนถึงทุกวันนี้ก็น้อยลง เพราะว่าอัสไม่ค่อยได้พบเจอเพื่อนมากเท่าไหร่ เพราะว่าทุ่มเทเวลาให้กับกีฬามากกว่า
คือการฝึกซ้อมของเรา ตอนยิงใหม่ๆ ถ้ายิงเข้าก็ถือว่าเราฟลุ๊ก แต่ถ้าเรายิงบ่อยๆ เราก็จะรู้ว่าตรงไหนที่เรายิงแล้วมันเข้า 10 ตลอด เราก็จะรู้มากขึ้นเรื่อยๆ
แต่ปัจจัยหลายๆ อย่างมันก็จะทั้งเรื่องอุณหภูมิ ความชื้น ลม แสงแดด ทุกอย่างมันเกี่ยวข้องหมดเลย ตอนแข่งเราไม่รู้ว่าจะมีลม มีฝน มีอะไรรึเปล่า เพราะทุกอย่างมันต้องอยู่ขึ้นกับวันนั้นด้วย ไม่อย่างนั้นเขาจะไม่เปิดให้ยิง outdoor แน่นอน สนามก็จะเปิดโล่ง ไม่ว่าจะเป็นฝน พายุ หิมะ เราก็ต้องยิงตามบรรยากาศวันนั้นให้ได้”
แม้ที่ผ่านมาการแข่งขันของเขา ถือว่าประสบความสำเร็จ ทว่า ในบางแมตช์ก็ยังมีจุดอ่อนอยู่เหมือนกัน ซึ่งการฝึกซ้อมการยิงปืน
อย่างไรก็ดี เมื่อถามนักยิงปืนไปว่า อะไรคืออุปสรรคสำคัญเลย ที่ทำให้อาจจะไม่มาถึงตรงนี้ก็ได้ มันมีอะไรที่ทำให้เรารู้สึกท้อสุดๆ ซึ่งเขามองว่าในอาชีพนี้มีหลายส่วน ไม่ว่าจะเป็นการฝึกให้ร่างกายพร้อม ท่าทาง และสภาพแวดล้อมที่ต่างกัน ออกไป
“มันค่อนข้างที่จะละเอียดอ่อนมาก ถ้าเป็นคนนอกที่เขาดูเขาก็จะเห็นว่าเรานอนยิงอย่างเดียว ดูนิ่ง แต่ภาพข้างในที่นักกีฬายิงมันเป็นอะไรที่ทรมานมากเลย มันเจ็บปวด เพราะว่าผมยิงแรกๆ ศอกผมแตก มีเลือด เพราะปืนน้ำหนัก 7 กก. แล้วเราต้องนอนประมาณชั่วโมงกว่า
กีฬายิงปืนเหมือนกีฬาทั่วไป เราก็ต้องบอดี้เวทร่างกายตัวเอง เราก็ต้องวิ่งเพื่อการทนทานของการหายใจของตัวเอง เราต้องคุมหัวใจของเราให้มันเต้นเสถียรที่สุด
จะวิ่งประมาณ 30 นาที แต่เราจะวิ่งเพื่อที่ให้ฝึกการ control ร่างกาย อัตราการเต้นของหัวใจมากกว่า มันทำให้
เวลาเราตื่นเต้นกับการแข่ง มันช่วยทำให้เราสามารถคุมได้ เวลาเราฝึกมามันสามารถฝึกให้หัวใจ มันเต้นคงที่อยู่ที่ 150-140 ได้
คือวิ่งเยอะมันก็ดีนะ มันก็ได้ความแข็งแรง แต่ในหลักของการยิงปืนที่มันจำเป็นมากกว่าการวิ่ง คือการวิ่งคุมอัตราการเต้นของหัวใจมันยากกว่า มันช่วยได้ สมมติถือปืนแล้วหัวใจเราเต้น ปืนมันก็จะสั่น
ถ้าเป็นคนปกติ เขาก็จะไม่ค่อยรู้ลึกขนาดนี้ แต่อย่างเราไปออกแข่งขันบ่อย เราก็จะอยากหาวิธีว่าทำไมเราแข่งทุกครั้ง หัวใจเราเต้นทุกครั้ง แล้วทำให้เรายิงหลุด เราก็หาวิธีใหม่ๆ เพื่อให้ตัวเราประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น
ส่วนใหญ่ก็จะเล่นส่วนหลัง และแขนมากกว่า แต่ถ้าปืนสั้นกับปืนยาวก็เล่นต่างกันไป ปืนสั้นก็เล่นที่หัวไหล่กับแขนมากกว่า ถ้าเป็นปืนยาวส่วนใหญ่จะหลังและขามากกว่า เพราะปืนยาวเวลายกยิง ต้องยกสองมือ น้ำหนักจะเทไปที่กลังและที่ช่วงขาเรามากกว่า เราก็เลยต้องบอดี้เวทขากับหลัง และช่วงข้างบน
การยิงเราก็ต้องฝึกเพื่อให้มันหาให้มันเข้าจุด x มากที่สุด เพราะสมัยนี้แค่เข้าจุด 10 มันไม่พอ เดี๋ยวนี้เขานับเป็นจุดทศนิยม เมื่อก่อนเรายิงแค่ 9 กับ 10 เดี๋ยวนี้เป็น 10.1-10.9 ความแม่นเขาก็เพิ่มขึ้นมา ความละเอียดก็ละเอียดขึ้น เราก็ต้องฝึกให้เรายิงจุดทศนิยมให้มันเยอะขึ้น ไม่งั้นเราก็จะสู้กับเขาไม่ได้”
เมื่อให้เขาลองยกตัวอย่างเหตุการณ์ที่เคยเจอ แน่นอนว่าในสนามจริงๆ เป็นแบบ outdoor เขามองว่าประเทศไทย มีสภาพอากาศที่เป็นอุปสรรคสำคัญ
“อัสว่าอากาศร้อนประเทศไทยนี่แหละ บวกกับลมด้วย เพราะเวลาอัสยิงปืน แค่ชุดมันก็หนักตั้ง 10 โลแล้ว มันก็ร้อน พอเราร้อนปุ๊บเราก็เกิดอาการหงุดหงิด แล้วยิ่งมีลมเข้ามาอย่างนี้ เราคิดไม่ออก ปวดหัว เลย อัสเคยยิง(ปืน)ในสนามที่ไทย ยิงจนรู้สึกไม่เอาแล้ว เลิกดีกว่า บอกแม่ไม่เอาแล้วนะ ไม่ซ้อม
ขณะที่ต่างประเทศมาแข่งชิงแชมป์โลก ที่ประเทศไทย ตัวเขาเองก็หงุดหงิด เขาถึงขั้นถอดปืนทุบเลยนะ อัสก็ยืนดู โอ้โห!! ปืนก็ไม่ใช่ราคาถูกๆ แต่สำหรับบ้านเขา เขาอาจจะถูกกว่าบ้านเรา”
“ไม่มีทางลัด” สำหรับคนอยาก “ประสบความสำเร็จ”
เรียกว่าไม่ธรรมดาสำหรับเขาคนนี้ ที่คงฉายแววกับการคว้าแชมป์ โดยเฉพาะกับฟอร์มการแข่งขันของเขาคนนี้ที่ที่ชนะอย่างต่อเนื่อง เขาได้เผยถึงเป้าหมายสูงสุดของการเป็นนักกีฬา คือการได้ไปพิชิตเหรียญโอลิมปิกเกมส์ 2020
ถามว่าการฝึกซ้อมที่ผ่านมาเพียงพอ สามารถตีตั๋วไปโอลิมปิกได้หรือไม่ นักกีฬายิงปืนคนนี้ ได้บอกว่า ทางโค้ชแนะนำให้ฝึกเยอะขึ้น
เพราะความต่างระหว่างการฝึกคนไทย และต่างประเทศก็มีความแตกต่างกันอย่างมาก อย่างคนไทยฝึกเป็นชีวิตประจำวันแบบเดิมจะรู้ทิศทางการซ้อม แต่ต่างประเทศจะมีการซ้อมทั้งด้านความคิดไปด้วย เพื่อให้เรียนรู้การพลิกเกมให้ชนะ
“เขาก็แนะนำให้เราซ้อมมากกว่านี้ เพราะคนที่ไปถึงจุดสุดยอดได้ เขาซ้อมเยอะกว่าเราเยอะ เก้าโมงถึงสองทุ่มไม่พอ อย่างเราซ้อมเยอะก็จริง แต่บ้านเราอาจจะซ้อมอย่างเดียว ความคิดเราอาจจะไม่ได้เปลี่ยนไปมาก
ตอนที่เขาซ้อม เขามีความคิดที่เปลี่ยนตลอดเวลา มีการแก้เกมตลอดเวลา แต่ของบ้านเราเราไม่เจอตรงจุดที่ซ้อมความคิด ซ้อมการแก้ไขที่เราผิดพลาด เราก็ได้แต่ซ้อมๆทุกวัน ต้องมาหาเองมันก็เหนื่อย
เพราะทุกวันนี้โค้ชผมกลับไปแล้ว ผมก็ต้องซ้อมด้วยตัวเอง ต้องหาเองทุกอย่างหมดเลย มันเลยทำให้เราช้ากว่าประเทศจีนหรือว่าประเทศรัสเซียมากกว่า
คือโค้ช เขาจะเห็นในสิ่งที่เขาเห็นข้อผิดพลาดในตัวเรา ค่อนข้างเยอะ แต่เราไม่สามารถเห็นข้อผิดพลาดในตัวเองได้
มันก็เป็นข้อดีที่เราควรต้องมีโค้ชแน่นอน อย่างตัวเรายืนยิง เราไม่สามารถมองเห็นได้แน่นอนว่า เรายืนผิดท่า ไม่เหมือนวันก่อนอย่างนี้ โค้ชเขาก็จะบอกเรา วันนี้ยืนแอ่นไปนะ วันนี้ยืนหน้าไปนะ เขาสามารถบอกเราได้ แต่ตัวเรายิง เราไม่รู้เลย เรามองตัวเองไม่ได้ เราก็ต้องมีโค้ชหรือมีคนรอบข้างที่คอยช่วยบอก
ล่าสุดมีเดือนพ.ค.แมตช์เดียว ถ้าโคริฟายไม่ผ่าน ปีนี้ก็อาจจะไม่ได้โอลิมปิกที่โตเกียว ก็อาจจะเป็นอีก 4 ปีข้างหน้าไปที่ปารีสเลย”
ไม่เพียงแค่นี้ ในเวลาที่เดินทางไปถึงเป้าหมายแต่ละครั้งๆ เต็มไปด้วยความยากลำบาก เมื่อถามเขาไปแล้ว เขากลับมองเห็นความสุข และเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ
“ผมมีความรู้สึก ผมมีความสุขมาก มันรู้สึกว่าเราได้ปลดปล่อย ได้โชว์ฝีมือในที่เราซ้อมมาตลอดทั้ง 5-6 ปี มันรู้สึกภูมิใจที่เราประสบความสำเร็จ ได้โชว์ฝีมือให้ทุกคนทั่วโลกเห็นว่าเราทำได้
มันเป็นความรู้สึกที่อยู่ข้างในลึกๆ ที่เราไม่สามารถบอกคนอื่นได้ แต่เรารู้ของเราเองว่าเราประสบความสำเร็จหรือมีความสุขมากแค่ไหน”
โดยละแมตช์ที่คว้าแชมป์ได้สำเร็จ กำลังใจสำคัญที่อยู่เบื้องหลังของเขาคือครอบครัว ด้วยความที่อยากให้ทุกคนสุขสบาย จึงกลายเป็นแรงผลักดันที่ทำให้เขาต้องมุ่งมั่นจนกว่าจะสำเร็จ
“ครอบครัว เป็นทางแม่กับพี่มากกว่า เพราะอยากจะทำให้พ่อกับแม่สบาย แล้วก็อยากให้พี่อยู่ในโลก ที่ไม่ต้องเห็นเราเหนื่อยมาก ไม่ต้องอยากเห็นเราต้องล้มตลอด เพราะเวลาเราล้ม หรือเวลาเราเครียดทุกอย่าง ทางพี่กับแม่เขาก็จะเครียดตามไปด้วย เพราะเหมือนเราเป็นคนเดียวที่เป็นนักกีฬาในสายนี้ เขาก็เลยอยากทำให้เราสบายมากกว่า อยากมีความสุขมากกว่า”
นอกจากนี้นักกีฬาอนาคตไกล เขายังทิ้งท้ายฝากไปถึงคนที่เห็นเขาเป็นต้นแบบอีกว่า ให้รักและตั้งใจกับสิ่งที่ทำ มีเป้าหมายในชีวิต
“สำหรับการเริ่มต้นในสมัยนี้ อัสมองว่าน้องๆ เขาควรที่จะฝึกซ้อมมากกว่านี้ เพราะว่าน้องๆสมัยนี้ ผมรู้สึกว่าเขามาซ้อมเพื่อพ่อแม่ที่เขาบังคับมากกว่า เขาไม่ได้มาเพื่อตัวเขาชอบเอง หรือตัวเขารักในปืนเอง
ถ้าเกิดตัวเขารักในการยิงปืน ชอบในยิงปืนเอง อยากจะมุ่งมั่นไปให้เหมือนผมหรือว่าเหมือนพี่ๆคนอื่น มันจะทำให้เขาไปไว และก็มาถึงจุดที่เขาอยากจะมาถึงได้
แต่ถ้าเขามาซ้อมในแบบไม่มีเป้าหมายเลย มันก็ทำให้เขาอยู่กับที่ ยิงอยู่ในประเทศไทย ผมก็หวังว่าอยากจะให้มีรุ่นน้องขึ้นมาแทนที่ผม หรือว่ามาร่วมทีมกับผม ผมหวังทุกปี ผมอยากจะมีทีมที่เวลาไปแข่งมีทีมไทยไปแข่งด้วย
อยากแนะนำก็อยากให้น้องๆ ฝึกซ้อมกันเยอะๆ ชีวิตด้านกีฬามันก็ช่วยอะไรเราหลายๆอย่าง ในสิ่งที่ยังไม่รู้ แต่พอมาถึงจุดๆระดับหนึ่งก็จะรู้ว่ายิงปืนมันก็เป็นกีฬาที่ทำให้เราประสบความสำเร็จได้เร็วหลายๆอย่าง ในอาชีพการงาน”
สัมภาษณ์ รายการ "พระอาทิตย์ Live"
เรียบเรียง : ผู้จัดการ Live
เรื่อง : ภูริฉัตร ปริยเมธานัยน์
ขอบคุณภาพ : IG "@usnapis"
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **