“มันทำให้อัตราโสเภณีไทยเยอะขึ้นโดยที่ไม่รู้ตัว” เปิดเส้นทางชีวิต “เอรี่” หญิงขายบริการ กว่าจะมาเป็น ยูทูบเบอร์-นักเขียนชื่อดัง ชีวิตไม่ง่าย โดนซ้อม ติดคุก เกี่ยวพันแก๊งยากูซ่า โดนส่งกลับประเทศหลายครั้ง ถูกกระทำเหมือนเป็นสัตว์ตัวหนึ่ง พร้อมตีแผ่วงจรอุบาทว์ เตือนสติหญิงไทย อย่าทำอาชีพนี้!!
พลิกชีวิต สู่ยูทูบเบอร์-นักเขียนชื่อดัง
“สิ่งเหล่านี้หนิงอยากให้เด็กรุ่นใหม่ และคนรุ่นใหม่ที่คิดจะเข้ามาขายตัว จงรู้ไว้ว่าไม่มีใครมาบอก ไม่มีใครมาพูด เรื่องแบบนี้ใครเข้าก็จะรู้สึกอาย แต่หนิงคิดว่าอายวันนี้ แต่จะได้ประโยชน์มากกมาย ทำให้หลายคนคิดที่จะไม่ไปแล้ว อย่างน้อยเราได้ช่วยคนไม่ให้เข้าสู่อาชีพนี้”
หนิง-ธนัดดา สว่างเดือน หรือที่ทุกคนรู้จักในนามของ “เอรี่” นักเขียนชื่อดังที่พลิกชีวิตจากหญิงขายบริการสู่เส้นทางนักเขียนชื่อดังที่มีรางวัลการันตีถึง 2 ครั้ง จากเวทีประกวดรางวัล “ชมนาด”
โดยเรื่องที่ทำให้มีชื่อเสียงโด่งดัง และได้รับรางวัลคือรวมเรื่องสั้น “ฉันคือเอรี่ ประสบการณ์ข้ามแดน” ที่บอกเล่าเรื่องราวชีวิตการขายบริการ และอีกเรื่องคือ “ ขังหญิง” เป็นสารคดีตีแผ่ชีวิตในห้องขังหญิงที่ต้องต่อสู้ดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอดวันต่อวัน
การเริ่มต้นใหม่ที่ไม่ง่าย เมื่อทำอาชีพขายตัวมาก่อน ทั้งเคยติดคุก ไม่มีใครอยากคบค้าสมาคม แต่เธอก็ไม่ได้สนใจ หวังเพียงอยากตีแผ่อาชีพขายบริการ ไม่อยากให้คนรุ่นหลังเข้ามามีชีวิตแบบที่ตัวเองเคยเผชิญมาอย่างทรหด
“ตอนนั้นมันเลือกไมได้ แต่ ณ วันนี้บอกว่าขอบคุณที่กูได้เข้าไป เพราะไอ้คนที่มันเข้ามามันไม่เคยออกไปพูดอะไร มันจึงทำให้มีคนอยากเข้าไปเรื่อยๆ วันนี้หนิงเข้ามาแล้ว เห็นแล้ว บอกกับตัวเองเสมอว่าวันใดที่กูหลุดจากอาชีพนี้ไป กูจะพูดเรื่องนี้ทั้งหมด ซึ่งหนิงก็ไม่คิดว่าหนิงจะมาเขียนหนังสือแล้วได้พูด
หนิงไม่ได้คิดอะไรกับการที่จะเป็นคนดี หรือทำประโยชน์เพื่อสังคม หรือจะอะไร คือไมได้อยู่ในหัวเลย มันแค่บังเอิญไปเขียนหนังสือ แล้วมันได้รับรางวัลแค่นั้นเอง พอได้รับรางวัลเสร็จมันก็มีความคิดใหม่ๆ เข้ามาว่า ถ้าเรามาพูดเรื่องโสเภณี เราตีแผ่ได้ เนื่องจากมันมีคนเข้ามาเยอะมาก พี่หนูไม่อยากเข้า หนูไม่อยากไป
เราเริ่มรู้สึกว่าเราน่าจะมีประโยชน์นะ เพราะว่าบอกคนหลายคนว่าอาชีพโสเภณีไม่ใช่งานสบายนะ คนไทยเราถูกปลูกฝังมาตั้งแต่สมัยโครตพ่อโครตแม่ ปู่ย่าตายาย ขายตัวแล้วมีผัวฝรั่งต่างชาติแล้วมันดี ทำให้คนมองเห็นแล้วทำให้คนอยากเข้ามา
แต่ปัจจุบันมันไม่ใช่ หนิงจึงได้บอกกับใครหลายคนว่าจริงๆ มันไม่ใช่ เข้าไปมันต้องเจออะไรเยอะแยะมากมาย ไอ้คนที่เจอก็ไม่ออกมาพูด ไม่มาเล่า ก็จะเล่าแค่เรื่องดีๆ คิดว่าอาจจะมีหนิงคนเดียวก็ได้ที่ออกมาพูดแบบนี้ ออกมาเล่าแบบนี้”
แม้จะเป็นการเอาเรื่องลับๆ ของตัวเองมาไขในที่แจ้ง เขียนบอกเล่าเรื่องราวชีวิตการขายบริการ แต่เธอก็ไม่ได้รู้สึกอายเพราะคิดว่าจะสามารถสร้างประโยชน์ให้กับสังคมได้เป็นอย่างดี
มีประโยชน์ถึง 90 เปอร์เซ็นต์ค่ะ หนิงเชื่อว่าเป็นเช่นนั้น หนิงอยากให้หลายคนอ่านหนังสือ “ชีวิตมหัศจรรย์ พลังแห่งแรงดึงดูด” หนิงเขียนเอง มันเปลี่ยนชีวิตหนิง แค่เราเปลี่ยนความคิด เปลี่ยนมุมมองใหม่ ชีวิตเราเปลี่ยนได้ แล้วก็ชีวิตหนิงที่เปลี่ยนไปทุกวันนี้เพราะว่าหนิงเปลี่ยนความคิด แล้วหนังสือเล่มนี้จะช่วยอะไรหลายๆ อย่างค่ะ
ผ่านอะไรมามากมาย เธอยังรอดและกลับมามีชีวิตที่สดใสได้ อุปสรรคต่างๆ ที่ได้เจอมา พาตัวเองกลับมากัดฟันสู้อีกครั้ง ซึ่งนอกจากจะเป็นนักเขียนยังทำช่องยูทูบที่ใช้ชื่อว่า “I am Eri” ที่ถ่ายถอดเรื่องราวตัวเองผ่านโซเชียลมีเดีย พร้อมกับให้คำปรึกษาใครอีกหลายคน
“เขียนหนังสือ แล้วก็ทำยูทูบเบอร์ ค้าขายเล็กๆ น้อยๆ ขายผลิตภัทฑ์ว่านหางจระเข้ ก็ได้ ตังค์จากยูทูบเบอร์เล็กๆ น้อยๆ ก็มีค่ะ
ก็คนสนใจเรายิ่งต้องพูดเรื่องนี้นะคะ พูดตีแผ่ไม่ให้น้องๆ เข้ามา มีอาชีพอื่นเยอะแยะมากมายที่เราอยากทำ หนิงอยากบอกว่าทุกวันนี้ โดยเฉพาะคนที่มีผัวเป็นฝรั่ง เมียฝรั่งทั้งหลาย อันนี้หนิงไม่ได้เหมาเมียฝรั่ง ไม่ได้ต่อว่านะคะ คือเมียฝรั่งเขาก็อยากจะโชว์แล้วก็พูดถึงชีวิตความเป็นอยู่ของเขาที่ดี คนที่ดูเขาก็อาจจะอยากมีชีวิตแบบนี้
ซึ่งเขาอาจจะไม่ได้เป็นผู้หญิงที่ขายตัว เขาไมได้เป็นผู้หญิงขายบริการ แต่คนที่มองเข้าไป สังเกตนะพวกช่องแบบนี้จะมีคนเข้าไปติดตามเยอะ เพราะผู้หญิงเหล่านี้อยากมีชีวิตแบบนี้
เมื่ออยากมีชีวิตแบบนี้ เขาจึงทำยังไงก็ได้ให้กูเข้าไปเชื่อมโยงกับพวกฝรั่ง อาจจะเข้าไปขายตัว เข้าไปหาคู่อะไรแบบนี้ มันทำให้อัตราโสเภณีไทยเยอะขึ้นโดยที่ไม่รู้ตัว อันนี้หนิงบอกก่อนนะคะ หนิงไมได้ว่าช่องพวกเมียฝรั่ง ไมได้ว่านะ เพราะว่าหลายคนเขาไม่ได้ขายตัว”
[มีโอกาสได้ไปบรรยายให้ความรู้แก่นักศึกษา]
หนังสือทั้ง 12 เล่มที่เขียนมา เธอเชื่อว่าสามารถเปลี่ยนความคิดของใครหลายคนได้ และสุดท้ายอยากขอบคุณอาชีพขายบริการที่ทำให้เป็นหนังเขียนได้ในทุกวันนี้
“หนังสือ 12 เล่ม หนิงเขียนเองหมดเลย ก็ขอบคุณอาชีพนี้ที่ทำให้หนิงมาเขียนหนังสือ หนิงก็เขียนเรื่องเหล่านี้ ได้เอาเรื่องราวต่างๆ มาเขียนให้คนอื่นได้รู้จะได้ไม่เป็นเหยื่อแบบฉัน
เมื่อก่อนตอนขายบริการอยู่โทษทุกอย่าง ทำไมชีวิตกูมันเหี้ยอย่างนี้ เวรกรรมอะไร ใครทำให้กูเป็นแบบนี้ แต่ไม่เคยโทษตัวเองเลย ไม่เคยมองตัวเองเลยว่ากูเนี่ยแหละที่ทำให้มันเป็นแบบนี้ ตอนนี้หนิงเปลี่ยนควาคิด หนังสือเปลี่ยนได้ค่ะ”
เตือนใจสาวไทย โดนกระทำเยี่ยงสัตว์
เธอเล่าถึงเส้นทางกว่าจะมาเป็นนักเขียนโด่งดังได้ในวันนี้ชีวิตเจอเจอะไรมาบ้าง พร้อมแชร์ประสบการณ์ที่อยากเตือนให้สาวไทยอีกหลายคนได้เป็นอุทาหรณ์ คิดที่จะทำงานขายบริการ ให้เข้าใจว่าต้องเจออะไรบ้าง ขายตัวไมได้อะไรเลย ติดการพนัน โดนซ้อม ติดยา โดนกระทำเยี่ยงสัตว์
“ร้องไห้แบบแม่ง ตอนนั้นคิดไม่เป็น คิดไม่ถึงขนาดนี้ แต่เมื่อหลุดออกไปแล้วถึงได้คิดว่าเราก็เหมือนกับสัตว์ตัวหนึ่งที่จะทำยังไงกับเราก็ได้ อันนี้มาคิดตอนที่ออกมาจากอาชีพนี้แล้วนะคะ ตอนทำไม่มีใครคิดหรอกค่ะ ก็คือทำไป”
จุดเริ่มต้นการขายบริการทางเพศของเธอเริ่มต้นตอนจบ ม.3 ตั้งครรภ์ ไม่สามารถเรียนต่อได้ หลังจากคลอดเธอก็ไปทำงานที่พัทยา เดิมทีไม่ได้ตั้งใจจะไปขายตัว ไปเป็นเพียงบาร์เทนเดอร์ชงเหล้าให้แขกเท่านั้น แต่เมื่อเห็นว่าได้เงินเยอะจึงตัดสินใจขายตัว
“หนิงก็ไปทำงานมาหลายอย่าง ทำร้านอาหาร เด็กเสิร์ฟ สุดท้ายเงินไม่พอ ลูกก็เพิ่งคลอดได้ 4 เดือน เพื่อนก็เลยชวนไปเป็นบาร์เทนเดอร์ชงเหล้าอยู่ตรงเคาร์เตอร์ เขาบอกว่าเดือนละ 5,000 บาท พอไปถึงเราก็ไปนั่งทำงานในตู้ ซึ่งเราไม่รู้ว่านั่นคือการขายตัว เข้าใจว่าให้แขกมาเรียกก่อนค่อนไปชงเหล้า จริงๆ ตอนนั้นยังไม่รู้เลย ให้ตาย เพราะตอนนั้นอายุ 16 ปี”
แต่ชีวิตเธอไม่ได้จบลงที่การขายตัวในประเทศ เธอข้ามแดนไปต่างประเทศ เพราะคิดว่าขนาดอยู่ที่ไทยได้ขนาดนี้ ต่างประเทศคงจะได้เยอะกว่านี้แน่นอน ประเทศแรกที่เธอไปคือฮ่องกง แต่ต้องรับแขกมากถึงวันละหลาย 10 คน
“พัทยายังได้แค่นี้ ถ้าไปต่างประเทศมันต้องได้มากกว่านี้ 150 คนแรกเราไม่ได้แม้แต่บาทเดียว จะได้แค่ทิปเท่านั้น ก็รับแขกหลาย 10 คนค่ะ เพราะว่าอย่างเช่นเราถามเพื่อนคนนี้กี่รอบแล้ว เดินสวนกัน 20 คน กูต้องได้มากกว่ามึง อีกสักพักผ่านไป มึงได้กี่รอบกู 30 แล้ว กูต้องได้มากกว่ามึง มันกลายเป็นเรื่องธรรมดา
เราคิดว่าเดี๋ยวทำงาน เก็บเงินซื้อบ้าน ให้เรามีตังค์ค่อยออกจากอาชีพนี้ คิดไว้ว่าจะทำสักไม่กี่เดือน แล้วมันก็ไถลไปเรื่อยเลย โสเภณีคิดอย่างนี้ทุกคน น้อยคนมากที่จะโชคดีแล้วเจอคนไปเลี้ยง น้อยมากๆ”
ค่าใช้จ่ายมันเยอะ มันอยู่ที่ตัวเราเอง ไปกิน ไปเที่ยว ติดเพื่อน ต้องไปเมา ต้องไปดริ้ง การใช้เงินฟุ่มเฟือย ไม่เห็นค่าของเงินแล้ว ได้ง่าย เดี๋ยวพรุ่งนี้หาใหม่ได้
ชีวิตตกต่ำ ต้องอยู่กับแก๊งค้ายา ยากูซ่า แบบไม่รู้ชะตากรรมว่าชีวิตนี้จะสามารถหลุดพ้นไปได้หรือไม่ แต่เมื่อหลุดพ้นไปได้ เธอกลับเลือกที่จะอยู่ต่อ
“อยากได้ตังค์ อยากไปอีก เริ่มมีภูมิต้านทางเก่งกล้า นี่แหละผู้หญิงถึงบอกว่าถ้าคุณหลุดเข้ามาอาชีพขายบริการเมื่อไหร่ คุณจะต่อยอดมาเรื่อยๆ จากฮ่องกงก็ไม่ญี่ปุ่นต่อ แต่ว่าชีวิตความเป็นอยู่ไม่ดี เพราะว่ามันอยู่ที่ตัวเราค่ะ เราเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพวกมาเฟีย ยากูซ่า ทุกอย่างมันอยู่ที่ตัวเรา เราเอาตัวเราไปข้องเกี่ยวมันก็ถูกโยงใยเข้าไป โดยที่ไม่รู้ตัว
ถูกหลุดเข้าไปโดยที่เราไม่รู้ตัว ลูกค้าเขามาอ๊อฟเรา แต่เขาเป็นยากูซ่าซึ่งเราไม่รู้ ใส่สูทผูกเนกไท เมื่อเข้าไปแล้วจึงได้รู้ว่ายากูซ่า แล้วเข้าไปแล้วออกยากค่ะ ออกไม่ได้ ก็ต้องอยู่ต่อไป”
หลุดจากแก๊งยากูซ่า เพราะเขาติดคุก โดนตำรวจจับ แล้วเขาเป็นคนส่งเรากลับเมืองไทย แต่เราไม่กลับ เราอยู่ต่อ ตอนนี้เป็นอิสระเสรีแล้ว ก็ไปอยู่โยโกฮาม่า ไปลงซ่องเลย”
จากการพูดคุยตอนที่ได้ไปคลุกคลีกับอาชีพนี้มามากกว่า 20 ปี เธอเล่าว่าคนที่ไปขายบริการส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นใจแตกกันทั้งนั้น คนพวกนี้จะมาจากต่างจังหวัด ทำไร่ ทำนา มาแสวงโชคคิดว่าจะได้ผัวฝรั่งไปเลี้ยงตัวเองให้สุขสบาย
เป็นเพียงภาพมายาโชว์แต่ด้านดีๆ แต่กลับไม่มีใครกล้าที่จะเล่าว่าต้องเจอลูกค้าสารพัดอย่างแค่ไหน จึงทำให้คนอยากที่จะเลียนแบบทำตาม เพราะได้เห็นแต่มุมดีๆ
“แขกแม่งอุบาทว์ชาติชั่วสารพัดที่เราจะเจอ แขกงี่เง่า แขกเมา ซาดิสม์วิตถาร คือเราอยากได้ตังค์ก็ต้องทำ สิ่งเหล่านี้ไม่มีใครมาพูด และเมื่อไม่มีใครมาพูดมันจึงทำให้คนที่มองเข้ามาว่าผู้หญิงคนนี้รวย ซื้อบ้าน ซื้อรถ ซื้อที่ ซื้อนา เขาอยากทำบ้าง
แต่คนพวกนี้จะไม่มาพูด เขาไม่มาพูดถึงความเลวร้ายของตัวเองหรือไปเจออะไรมา มันจึงทำให้อัตราโสเภณีมากขึ้นๆ เพราะอยากมีชีวิตแบบนี้ คือพวกนี้จะมาโชว์ก็ต่อเมื่อกูมีทุกสิ่งทุกอย่าง
สารพัดที่เราจะเจอ มันควรจะมีหนังอย่างนั้นให้คนดูนะ หนิงคิดว่าการที่เราจะลดอัตราโสเภณีคือเราจะไปดึงพวกนี้ออกมาไม่ได้ คือเราจะต้องทำภาพ ทำละครให้เขาเห็นที่โสเภณีโดนแบบนี้จริงๆ ผู้หญิงไทยมันโดนแบบนี้จริงๆ บางทีเราไม่รู้ด้วยว่าแขกจะทำแบบนี้กับเรา แต่เวลาเราไปเจอสถานการณ์แบบนั้นก็ต้องยอมรับ ต้องรับสภาพ
อาชีพนี้เหมือนถูกสาป มึงเข้ามาแล้ว เดี๋ยวมึงออกไปมึงก็ต้องกลับมาอีก ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ที่ตัวเรา เราไม่หลุดเอง เราไม่ยอมออกไปเอง เราเลือกที่จะทำตรงนี้ เราเลือกที่จะกลับมาเอง อย่าไปโทษเวรกรรม อย่าไปโทษบุญบาป อย่าไปโทษวาสนาอะไรเลย จริงๆ ไม่ใช่ ตัวคุณไม่ยอมออก หนิงเองก็ไม่ยอมออกเหมือนกัน เมื่อก่อนเราทำเราก็คิดไม่ได้หรอก
เสียดายน้องๆ หน้าตาดีๆ แล้วที่เรียนจบมหาวิยาลัยมา เสียดายคุณพ่อคุณแม่ส่งเงินมา สุดท้ายแล้วคุณมาทำแบบนี้ แล้วคุณก็จะอยู่อย่างนี้ไปอีกยาวนาน คุณออกยากมาก”
เส้นทางนรก คุกสอนชีวิต
“นี่คือเส้นทางนรกทั้งสองทาง โอเคคุณอาจจะไม่ได้เล่นยา แต่คุณลักลอบผิดกฎหมาย คุณก็ต้องเข้าไปติดคุกอยู่ดี คือมันคาบเกี่ยวกันค่ะ โสเภณีกับคุกเป็นอะไรที่เชื่อมโยงกันมาก”
เธอยังเล่าอีกว่าเส้นทางการขายบริการ และการใช้ชีวิตในคุกของเธอเปรียบเหมือนดั่งนรกที่เชื่อมต่อเส้นทางนี้เข้าหากัน
“ต่างกัน แต่นรกพอกันเลย คือมันเป็นจุดเชื่อมต่อกันค่ะ ถ้าคุณขายตัวเมื่อไหร่คุณมีโอกาสที่จะก้าวเข้าสู่ในคุก ถึงแม้ว่าคุณไม่ได้ไปฆ่าคนตาย แต่ยาเสพติด ถ้าคุณขายตัวคุณอาจจะต้องเล่นยา ส่วนใหญ่เล่นยา เมื่อเล่นยาเสร็จคุณต้องถูกตำรวจจับติดคุก”
อดีตสาวขายบริการ เธอบอกกับตัวเองทุกวันว่า เมื่อไหร่จะหลุดพ้นจากอาชีพนี้สักที ถูกตีถูกซ้อมจนไมไหว แต่ความโชคร้านนั้นก็มาในความโชคดี เพราะแม้จะโดนซ้อมก็รอดมาได้ทุกครั้ง
“บอกกับตัวเองทุกวันว่าเมื่อไหร่มันจะจบ เมื่อไหร่กูจะหลุดจากอาชีพนี้สักที บอกตัวเองทุกวัน ถูกตีซ้อม จนไม่ไหว แล้วก็ถูกฉีดยา อยู่กันสองคนในห้องซ้อมเราตีเรา เรื่องแขกซ้อมในห้องนี่เจอประจำ ส่วนใหญ่เป็นยากูซ่าที่โดน แต่รอดทุกครั้ง”
เมื่อเดินหน้าก็ต้องเดินให้ถึงที่สุด ถูกส่งกลับประเทศ ก็พยามดิ้นรนหาวิธี เปลี่ยนชื่อใหม่ ทำทุกอย่างเพื่อกลับเข้าสู่การขายบริการซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“ถูกส่งกลับเมืองไทย 2 รอบ ถูกส่งกลับประเทศไทยก็หนีกลับมาญี่ปุ่นอีก เปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนอะไรทุกอย่าง แต่หลักๆ คือเข้ามาเจอผัว ก็ไปทำงานหลายอย่างเหมือนกันนะในญี่ปุ่น จับกังก็ทำ ก่อสร้างก็ทำ เป็นเด็กล้างจาน ทำทุกสิ่งอย่างเหมือนกัน แต่มันไม่พอเพราะเรามีภาระทางบ้าน”
กว่าจะคิดได้ว่าชีวิตไม่ควรที่จะมาขายบริการต่อไป ก็เรียกได้ว่าต้องผ่านมาอย่างโชกโชนกันเลยทีเดียว เช่นนี้เองเธอจึงอยากเตือนให้หลายๆ คนที่กำลังคิดจะทำอาชีพนี้ อยากให้หยุดความคิด เพราะมันไม่ได้สวยหรูอย่างที่คิด
“ก็อยู่ญี่ปุ่นมา 7-8ปี โดนจับ ถูกส่งตัวกลับมาแล้วถูกสั่งห้ามเข้าประเทศญี่ปุ่น 1 ปี พอมาเมืองไทยมาติดคุก 3 ปีกว่า พอหลุดจากคุกเราจะกลับไปญี่ปุ่น เรารู้สึกว่าเราไม่อยากกลับไปแล้ว เพราะว่าเรากับแฟนเราห่างกันแล้ว ก็เลยรู้สึกว่า เราอยากมีสามี เราอยากมีคู่ เราอยากมีครอบครัว ก็เลยมาเริ่มต้นตั้งหลักปักฐานอยู่เมืองไทย”
พอเริ่มคิดเหมือนโชคชะตาเล่นตลกกับเธออีกครั้ง ต้องติดคุกนานถึง 3 ปี ในข้อหาที่เธอเองไม่ได้เป็นคนก่อ
“ข้อหาวางยาชิงทรัพย์ค่ะ เพราะว่าเราเป็นคนติดยานอนหลับ เราซื้อยามากินของเราเอง แต่ถูกคนพาเข้าไปในโรงแรม แล้วเขาจะทำร้ายเรา มันจะข่มขืนเรา เราก็เลยอย่างที่บอกเจอประจำแขกซ้อมแขกตี
บอกกับตัวเองว่าเหตุการณ์นี้จะไม่เกิดขึ้นกับกูอีก หนิงก็เลยเอายาของหนิงให้เขากิน พอกินเสร็จเขาหลับไป บังเอิญไปหลับในอ่างน้ำ เสร็จแล้วเราดันไปบอกบ๋อยว่าเดี๋ยวให้ดูแขกด้วยนะ บ๋อยก็เลยไปแจ้งตำรวจมาจับเราว่าน่าจะมีการวางยาชิงทรัพย์ ทำให้หนิงติดคุก 3 ปี 6 เดือน
เขาบอกให้รับสารภาพ แต่จริๆ หนิงไม่ได้วางยาชิงทรัพย์ เพราะว่าหนิงมีเงินติดตัวของหนิงไป หนิงต้องการเอาตัวรอดออกมาเท่านั้นเองค่ะ จากนั้นหนิงจึงเข้าไปใช้ชีวิตอยู่ในเรือนจำ 3 ปีกว่า ก็ได้ประสบการณ์อีกอย่างหนึ่ง”
แน่นอนว่าชีวิตในคุกไม่ได้สวยหรูอีกเช่นเดียวกัน ชีวิตในห้องขังหญิงที่ต้องต่อสู้ดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอดวันต่อวัน ภายใต้กฎระเบียบที่รัดกุม ท่ามกลางเพื่อนร่วมชะตากรรมอีกหลายร้อยชีวิตที่ต่างคนต่างก็ต้องต่อสู้ชีวิต และหาทางเอาตัวรอดจากการถูกเอารัดเอาเปรียบ
ในระหว่างติดคุก เธอก็ทำตัวให้มีประโยชน์ด้วยการเขียนฎีกาให้นักโทษหลายๆ คน ที่ติดคุกโดยไม่ได้รับความยุติธรรม
"ไม่มีญาติ ไม่มีเงินที่จะไปจ้างทนาย ก็จะช่วยพวกเขา หนิงอยากจะตีแผ่เรื่องราวเหล่านี้ไปเรื่อยๆ เท่าที่ทำได้ แล้วก็ทำประโยชน์เพื่อสังคมของ อยากช่วยเหลือผู้ต้องขังในเรือนจำก็ยังทำอยู่ และก็จะทำตลอดไป
ถ้าเป็นไปได้ หนิงอยากเขียนอุทธรณ์ฎีกาช่วยเหลือผู้ต้องขังไม่มีญาติ หรือญาติไม่มีตังค์ หรือให้คำปรึกษาก็ได้ วิธีเขียน เขียนยังไง หนิงถนัดแบบนั้น แล้วก็อยากจะช่วยเหลือให้คำปรึกษาคนที่อยากจะเข้ามาขายบริการ ไม่ให้ทำ”
สัมภาษณ์ : รายการ “พระอาทิตย์ Live”
เรียบเรียง : MGR Live
เรื่อง : พัชรินทร์ ชัยสิงห์
ขอบคุณภาพ: เฟซบุ๊ก ฉันคือ เอรี่, Eri Tabby
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **