xs
xsm
sm
md
lg

เมื่อมีแล้วต้องให้ “จิตอาสาหัวใจแกร่ง” จากชีวิตติดลบ สู่ผู้ให้โอกาสคนยากไร้ [มีคลิป]

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เพราะเคยลำบากจึงเข้าใจ...เปิดชีวิตหญิงรับเหมาก่อสร้างใจสู้ “แม่เสีย-ไม่มีเงิน-ไม่มีงาน-ติดหนี้นับ 10 ล้าน” สู้ชีวิตจนลืมตาอ้าปากได้ ผันตัวเป็นจิตอาสาเพื่อสังคม ช่วยหมด “คนยากไร้ - คนป่วย - คนพิการ - คนตาย” ด้วยความเชื่อสังคมจะดีเพราะแบ่งปัน

ไม่มีเงินแม้แต่จะซื้อโลงให้แม่

“อีฟเคยลำบาก อีฟเคยต้องการโอกาส พอเราได้โอกาสนั้นมา คนที่ได้โอกาสแบบนี้ก็จะรักษาเอาไว้ เขาก็อยากจะให้โอกาสคนอื่นเหมือนกัน”

“นันท์นภัส รุ่งหิรัญทรัพย์” หรือ “อีฟ” เจ้าของบริษัทรับเหมาก่อสร้างวัย 38 ปี เปิดใจกับผู้สัมภาษณ์ หลังจากที่โลกออนไลน์ได้มีการส่งต่อเรื่องราวของเธอ ในฐานะและจิตอาสาทำความดีเพื่อสังคม

ด้วยการระดมทุน ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ป่วย ผู้พิการ คนยากไร้ ซ่อมบ้านที่ผุพังให้ พร้อมอบสิ่งของจำเป็น ทำโครงการ “อิ่มนี้เพื่อน้อง” เพื่อมอบอาหารให้แก่เด็กๆ ผู้ขาดแคลน ช่วยจัดการศพเด็กไร้ญาติจากโรงพยาบาล รวมถึงทำกิจกรรมช่วยเหลือสังคมอื่นๆ เสมอ



แต่กว่าที่อีฟจะประสบความสำเร็จและกลายเป็นผู้ให้โอกาสคนอื่นเช่นนี้ ต้องผ่านความยากลำบากมาไม่น้อย ในวันที่แม่ผู้เป็นที่รักจากไป เธอไม่มีแม้แต่เงินจะซื้อโลงศพให้

ไม่เพียงแค่ขาดที่ยึดเหนี่ยวจิตใจไปตลอดกาลเท่านั้น หญิงสาวคนนี้ยังต้องรับภาระหนี้สินก้อนมหาศาล ทุกอย่างประดังเข้ามาจนเรื่องราวของเธอแทบไม่ต่างอะไรกับหนังชีวิตเรื่องหนึ่ง

บางคนอาจเลือกที่จะยอมแพ้ไปแล้ว แต่อีฟ...ขอเลือกที่จะลุกขึ้นสู้ดูสักตั้ง!

“ตอนที่เราลำบากมากๆ ก็คือตอนที่แม่อีฟเสีย ตอนนั้นอายุ 24 อีฟไม่มีงานทำเพราะแม่อีฟป่วยเป็นมะเร็งมา 2 ปี ก็อยู่ดูแลแม่เฉยๆ แล้ววันที่แม่อีฟตาย อีฟก็ไม่มีเงินเลยซักบาทที่จะจ่ายไม่มีเงินเอาแม่ออกจากโรงพยาบาลด้วย

แม่เสียตอนตี 1 อีฟเดินข้ามฟากมาจากศิริราชไปนั่งที่ท้องสนามหลวง แล้วก็ยกมือไหว้วัดพระแก้ว บอกว่าหนูไม่มีเงินที่จะเอาแม่ออก แม่เสียวันพฤหัสบดี แล้ววันศุกร์ถ้าไม่มีเงินไปเอาออกก็ต้องติดเสาร์-อาทิตย์ ขอให้ได้เงินมาก้อนนึงที่สามารถเอาแม่ออกมาได้ จากนั้นก็ได้เงินมา 45,000 บาท



ได้มาเสร็จปุ๊บก็เอามาวางที่โรงพยาบาล แล้วก็ไปขอร้องเพื่อนสนิทของแม่ให้มาช่วยเซ็นค้ำประกัน สุดท้ายได้ออกมาแต่ก็ยังไม่มีเงินซื้อโลง ไม่มีเงินซื้อดอกไม้พวงมาลัย ไม่มี

แล้วอีฟก็เอาแม่มาไว้โลงเย็นเพราะไม่มีตังค์จะซื้อโลง เอาออกมาตอนเย็นวันศุกร์ ขอฝากเขาแช่โลงเย็นเพราะไม่มีเงินซื้อโลง ขอที่วัด เขาก็ให้

อีฟก็ไปหาเงิน 2 วัน ก็ยังไม่ได้เงินนะ แต่แม่ต้องรดน้ำศพวันจันทร์แล้ว พอพื่อนมาถึงปุ๊บ ถอดทองที่คอให้บาทนึง แล้วเขาก็ไปซื้อดอกไม้มากำใหญ่มาก มาปักหน้าโลงศพให้”

จากวิกฤติชีวิตในครั้งนั้น ด้วยเพราะมีกัลยาณมิตรที่ดีมาช่วยต่อลมหายใจให้มีแรงลุกขึ้นสู้กับปัญหาต่างๆ ประสบการณ์ชีวิตหล่อหลอมให้เธอกลายเป็นหญิงแกร่งอย่างทุกวันนี้

อีฟใช้เวลา 10 ปีในการตั้งตัวและปลดหนี้นับ 10 ล้านบาท โดยมีสามีคือ เทพหิรัณย์ ชลิตจักรดุลย์ คู่ชีวิตที่คอยอยู่เคียงข้างและร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาตลอด



“เขาไม่เคยบอกว่าไม่ไหว ผู้หญิงคนนี้โคตรแกร่ง” สามีของอีฟกล่าว

ส่วนอีฟก็เสริมว่า “จริงๆ แล้ว กำลังใจนี่มันเป็นส่วนสำคัญ ในวันที่เราล้ม เรามองคนที่ยังต้องนอนข้างถนนอยู่ ในวันที่ธุรกิจมีปัญหา การเงินเรามีปัญหา เราก็มองคนที่ไม่มีงานทำ

ในวันที่เราเหนื่อยล้า เราไม่ไหว เราก็นึกแม่ ทำไมตอนที่แม่เลี้ยงเราถึงผ่านจุดนี้มาได้เพราะอะไร มันเลยทำให้เรารู้สึกว่าเราก็ต้องผ่านไปให้ได้เหมือนกัน เราก็ต้องก้าวข้ามผ่านไปให้ได้เหมือนกัน”

“ถ้าเราช่วยได้ เราก็อยากช่วย”

“สมัยเรา 14-15 เรามีเพื่อนอยู่ในบ้านเด็กอ่อนปากเกร็ด พอเราใช้ชีวิตกับเพื่อนประมาณ 4-5 ปี เราเห็นความแตกต่างทางสังคมเยอะ เด็กพิการหรือเด็กพิการซ้ำซ้อน ค่อนข้างขาดโอกาส แต่เด็กส่วนใหญ่ต้องการโอกาส เราก็เลยฝังใจเรื่องนั้นมา เลยมีความรู้สึกว่าถ้าเราช่วยได้ เราก็อยากช่วย”

ด้วยเพราะเข้าใจในความลำบากจากวิกฤติชีวิตหลายต่อหลายช่วง วันนี้แม้สาวหัวใจจิตอาสาจะลืมตาอ้าปากได้สำเร็จ แต่เธอก็ไม่ลืมที่จะหันกลับมาช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส ทั้งผู้ยังมีชีวิต ตลอดจนผู้วายชนม์

“สมัยก่อนเราไม่ได้รวย ก็ทำทาน พอมารู้จักกับน้องเมศ (“เมศ-ปรเมศร์ มีสมภพ” หนุ่มผู้ภัยจิตอาสาชื่อดังและพิธีกรภาคสนาม รายการ “ฅนจริง ใจไม่ท้อ”) เราก็คุยกับเขาทางเฟซบุ๊กว่าอยากจะบริจาคโลงศพที่เป็นการบริจาคตรง น้องเขาก็ช่วยจัดการให้ ทั้งโลง ทั้งจัดพิธี เป็นครั้งแรกที่ได้ร่วมกับเมศ



พอหลังจากนั้นผ่านมาซักพักนึง ก็มาเริ่มโครงการ “อิ่มนี้เพื่อน้อง” น้องบอกว่ามีโครงการนี้เขายังขาดทุน เราก็ถามรายละเอียด เขาก็บอกว่า เป็นโครงการที่ให้น้องๆ ทานอาหารฟรี มีข้าวสารอาหารแห้งไปแจก

ช่วยเหลือศพเด็กไร้ญาติจะเป็นลักษณะศพเด็กตามโรงพยาบาล 1 เดือนโรงพยาบาลก็จะต้องการคนที่มีจิตศรัทธาในการเหมาศพเด็กประมาณ 30-40 ศพ เราก็เหมามาทั้งหมดแล้วก็มาทำพิธีทางศาสนาให้

ก็เริ่มทำงานสังคมมากขึ้น โดยมีปรเมศร์เป็นสะพานบุญ ตอนหลังๆ ก็ไปช่วยเขาออกเคส ที่ขอความช่วยเหลือมาอย่างเช่น ขอรถเข็น ขอแพมเพิร์ส ขอเบาะลมไฟฟ้า ขอความช่วยเหลือบางอย่าง บางทีน้องเมศไปไม่ได้ บางเคสเวลาเราไปต่างจังหวัดเราก็แวะไปดูให้ แล้วก็กลับมาบอก”



และแม้เธอจะมีความพร้อมเรื่องแรงกายและทุนทรัพย์ในการทำกิจกรรมเพื่อสังคม แต่ก็ใช่ว่าจะช่วยเหลืออย่างพร่ำเพรื่อ แต่ละเคสต้องผ่านการพิจารณาตามเงื่อนไขอย่างถี่ถ้วน

“เคสที่เราจะเข้าไปช่วยจะเป็นเคสที่ยังพอช่วยเหลือตัวเองได้ เช่น บ้านพัง คนป่วย คนหาเช้ากินค่ำรายได้น้อยไม่มีเงินมาซ่อมบ้าน หรือช่วยเหลือตัวเองได้ ขายของเล็กๆ น้อยๆ แต่ต้องการรถเข็น อันนี้เราช่วย มันไม่ใช่ทุกเคส เคสไหนมันใหญ่มากเราก็จะขอความช่วยเหลือจากเพื่อนๆ เราระดมทุน

ที่อีฟตั้งกฎเกณฑ์ไว้ ถ้าคุณช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เลย ต้องการความช่วยเหลือจากคนอื่นตลอดเวลา อันนี้อีฟไม่ช่วย เพราะว่าเคสแบบนี้จะมีมูลนิธิต่างๆ ช่วยเหลือเยอะแยะมากมาย คุณก็จะขอความช่วยเหลือไปเรื่อยๆ”


ผู้รับดีขึ้น ผู้ให้เป็นสุข

ความหมายของคำว่าจิตอาสาหรือจิตสาธารณะ หมายถึงความดีงามของการให้ พร้อมจะเสียสละเวลาช่วยเหลือ ร่วมมือร่วมใจทำประโยชน์แก่ส่วนรวม โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน

แต่สิ่งที่จิตอาสาผู้นี้ได้กลับมา มีค่ามากว่าสิ่งของเงินทอง นั่นก็คือ ความสุข และการเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่ลูกๆ ทั้ง 3 คนของเธอ เปรียบได้กับการบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งการให้ ให้เติบโตสู่คนรุ่นหลังต่อไป

“สิ่งแรกคือความสุข เรามีความรู้สึกว่าเขาดีขึ้น อาจจะไม่เยอะ แต่มันก็เป็นความสุ เพราะบางเคสบ้านที่เราปลูกให้เขาเราก็กลับไปดูแลอยู่เสมอ เขาไม่ได้เรียกร้องเงินทอง



ต่อมา อีฟมีลูก ก็เอามาสอนลูกเราให้ไม่เป็นคนเห็นแก่ตัวในสังคม แล้วเราก็พยายามบอกคนอื่นในหน้าเฟซบุ๊กว่า ถ้าเกิดคุณมีพอที่จะแบ่งได้ คำว่ามีไม่จำเป็นต้องรวย คุณสามารถที่จะเผื่อแผ่คนอื่นได้เหมือนกัน”
เมื่อถามถึงอนาคตในการทำเพื่อผู้อื่น อีฟให้คำตอบว่า เธอจะยังคงช่วยเหลือสังคมต่อไป ตามที่กำลังตนเองจะทำได้ โดยคาดหวังว่าสังคมจะอยู่ร่วมกันได้ดี หากทุกคนมีน้ำใจต่อกัน

“ตอนนี้เราใช้สื่อเฟซบุ๊กไม่ว่าเคสไหนเราก็พยายามโพสท์ให้คนเห็น เราอยากให้หลายๆ คนที่เป็นเพื่อนเราเปลี่ยนทัศนคติในการช่วยเหลือคน ตอนนี้มันมีการช่วยในหลายรูปแบบ บางคนเอาของไปให้แล้วก็จากไป การเอาของไปให้มันไม่ใช่ มันต้องมีอะไรที่ยั่งยืนกว่านั้น



เราก็อยากให้หลายๆ คนเปลี่ยนทัศนคติว่า ในขณะที่คุณลำบาก ก็มีคนที่ลำบากกว่าคุณ ในขณะที่คุณไปเที่ยว ถ้าคุณเจียดเงินส่วนหนึ่งของการไปเที่ยว เอามาช่วยเหลือสังคม สังคมมันก็จะพัฒนาดีขึ้น เราก็อยากให้คนเห็นเราเป็นตัวอย่างแล้วกลับมาช่วยเหลือสังคม มามีน้ำใจกับเพื่อนร่วมชาติกันมากขึ้น”

และนี่คือเรื่องราวของหญิงสาวธรรมดาคนหนึ่ง ไมได้มีชื่อเสียงหรือร่ำรวย เธอเรียนรู้ชีวิตจากความยากลำบาก แต่ไม่ย่อท้อ สู้ชีวิตจนสามารถเป็นที่พึ่งของเพื่อนมนุษย์ที่ขาดแคลน ได้มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น ด้วยจิตใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความปรารถนาดี

มีจิตอาสาช่วยเหลือสังคม สะท้อนให้เห็นถึงความเสียสละ ถือเป็นคุณธรรมที่สำคัญในการอยู่ร่วมกับคนในสังคม อันจะนำไปสู่ความเจริญในการพัฒนาประเทศยิ่งขึ้น



สัมภาษณ์ : รายการ “ฅนจริง ใจไม่ท้อ”
เรียบเรียง : MGR Live
เรื่อง : กีรติ เอี่ยมโสภณ
ขอบคุณภาพบางส่วน : เฟซบุ๊ก “คุณนาย ฮวงจุ้ย”




** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **



กำลังโหลดความคิดเห็น