กว่า 26 ปี ที่ “บ้านสงเคราะห์สุนัขป้าเอ๋” อดีตผู้ช่วยพยาบาล ผู้ที่ยอมทิ้งความสุขสบาย มาดูแลหมาแมวกว่า 300 ตัว ชีวิตพลิกผันต้องย้ายที่อยู่ถึง 4 ครั้ง หนักใจใช้เงินหลายแสน แต่ไม่ยอมท้อจะดูแลสัตว์พิการจนกว่าไม่มีแรงทำ
วิกฤตหนักโดนไล่-เงินไม่พอจ่าย
เพราะอยากให้หมาแมวพิการ ได้มีที่อยู่อาศัย โดยที่ไม่ต้องเร่รอนไปตามท้องถนน ทำให้ ป้าเอ๋-ดวงเพ็ญ ผ่านศึกสมรภูมิ เจ้าของ “บ้านสงเคราะห์สุนัขป้าเอ๋” จังหวัดปทุมธานี ผู้ที่ดูแลหมาแมวพิการกว่า 300 ตัว มาตลอด 26 ปี ที่อุทิศตนเพื่อสัตว์พิการให้ได้มีที่อยู่ ที่ดูแลรักษาเวลาป่วย
และครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4 แล้ว ที่คุณป้าเธอต้องย้ายบ้านเพื่อพวกมัน รวมถึงต้องใช้เงินในการย้าย และสร้างใหม่กว่า 304,000 บาท ซึ่งเป็นปัญหาหนักใจสำหรับเธอมากในตอนนี้ แต่ไม่ว่าจะผ่านอะไรมากมาย เจ้าตัวก็ไม่เคยย่อท้อ ที่จะดูแลสุนัขพิการเหล่านี้ ด้วยหัวใจและยืนยันจะทำต่อไปตราบเท่าที่มีแรง
“ก่อนจะมาอยู่ที่นี้ ป้าเองก็ย้ายมาหลายที่ ครั้งแรกเราอยู่ที่วัดเฉลิม จังหวัดนนทบุรี แต่การที่เราเอาหมาร้อยกว่าตัวไปเลี้ยง ก็โดนร้องเรียก โดนชาวบ้านเขาด่า เพราะมันเป็นเขตชุมชน การที่มีหมามีแมวเยอะๆ มันเสียงดัง มีกลิ่น ก็เลยต้องย้ายไปที่อื่น
ต่อมาเราย้ายไปอยู่ใกล้วัดสวนแก้ว อยู่ได้ 4-5 ปี ก็เกิดปัญหา น้ำท่วมปี 2554 ที่เราอยู่มันเป็นสวน มันต่ำน้ำก็ท่วมถึง เราเลี้ยงหมาพิการ เขาช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ เราต้องอุ้มทีละตัว มันเป็นความเจ็บปวดของเรา เราช่วยหมาแมวไม่ได้ บ้านก็พังอยู่ไม่ได้
จากนั้นก็ไปเช่าห้องแถว 6 ห้อง เราเช่าหมดเลย ไปเช่าที่เขาอยู่ อยู่ได้ไม่นานก็มีปัญหา โดนย้ายไปมาแบบนี้ตลอด ล่าสุดที่เราอยู่ปัจจุบันก็มีปัญหาอีก อย่างที่บอกการที่เราเลี้ยงหมาเลี้ยงแมวเยอะๆ มันก็รบกวนคนอื่น
เราพยายามหาที่ห่างใกล้ชุมชน หมามีเป็นร้อยๆ ตัว เสียงดัง กลิ่นเหม็น เราก็ต้องหาที่มันไกลๆ ตอนที่มาลาดหลุมแก้ว ป้าก็อยู่กลางท้องนาเลยนะ ไม่มีบ้านคนเลย แต่เจ้าของที่ เขาจะเอาที่คืนเพื่อจะทำธุรกรรมของเขา เขาก็ให้ย้ายออก ครั้งนี้ก็เป็นครั้งที่ 4 แล้วที่ต้องย้าย”
หากในความโชคร้าย ก็ยังมีสิ่งที่ดีอยู่ เพราะปัจจุบันมีผู้ใจบุญบริจาคที่ดินให้อยู่ฟรีๆ สามารถพาหมาแมวพิการไปอยู่ได้ตลอดชีวิต โดยที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย
“ตอนนี้เราก็ได้ที่ใหม่แล้ว ที่จังหวัดราชบุรี อำเภอจอมบึง มีคนบริจาคที่ให้เรา 5 ไร่ โดยที่ไม่เสียค่าเช่าเลย ให้อยู่ฟรีตลอดชีวิต ที่เรามั่นใจว่าเขาจะให้เราอยู่ฟรี เพราะส่วนตัวรู้จักกับเจ้าของที่มา 30 ปีแล้ว
ครั้งแรกๆ ที่เราโดนย้ายเขาก็จะให้เราไปอยู่ที่นู้น แต่ตอนนั้นป้าคิดว่ามันอยู่ต่างจังหวัด เรากลัวเราอยู่ไม่ได้ เราเป็นคนกรุงเทพ ก็เลยไม่ไป
ครั้งนี้ที่ตัดสินใจไป เพราะเราเจอปัญหาแบบนี้มาหลายครั้ง เราอยู่สักพักก็โดนให้ย้ายออก การย้าย การสร้างอะไรแบบนี้มันก็ใช้เงินเยอะ เรายอมที่จะย้ายไปอยู่ต่างจังหวัด แต่เราสามารถอยู่ได้ตลอดชีวิตเลย โดยไม่เสียค่าเช่าด้วย
การขนย้ายตอนนี้ก็ลำบาก หมาที่เราช่วยส่วนมากจะพิการ ตาบอด แต่เขาจะอยู่ในกรงก็จะไม่ลำบากท่าไหร่ แต่ที่ไม่พิการก็เป็นหมาแก่ หมาที่โดนทำร้ายมา อันนี้จะลำบากเพราะเขาจะวิ่งไปมาตลอด
ช่วงที่เราย้ายเราก็ต้องจ้างรถ 6 ล้อขนหมาไป ค่าใช้มันเยอะ เราก็ไปกู้เขา ขอบริจาคบ้าง การที่เราเลี้ยงหมา มันไม่ได้มีคนมาบริจาคให้เราตลอด นอกจากวันเกิด วันสำคัญ ถึงจะมีมาช่วยเราบ้าง อย่างที่บอกเราไม่ได้เป็นที่รู้จักมากคนก็ไม่ค่อยมาเท่าไหร่”
แม้คุณป้าใจบุญจะได้ที่อยู่ใหม่ โดยที่ไม่ต้องเสียค่าเช่า แต่การสร้างหรือการเริ่มใหม่กับสุนัขและแมวกว่า 300 ตัว นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะรายได้ที่เธอมี ไม่พอต่อการสร้างโรงเรือนสำหรับสัตว์ แม้จะท้อต่ออุปสรรค แต่เจ้าตัวก็สัญญาที่จะดูแลสุนัขและแมวต่อไปจนกว่าจะไม่มีแรงทำ
“ป้าเองก็ไม่ได้ทำงาน แต่มันมีรายได้จากที่ป้า ขายของเล็กๆ น้อย เดือนนึงก็ได้ 7,000-8,000 บาท อย่างเจ้าของที่ดิน ที่บริจาคให้ป้า เขาก็มีลูกชายทำงาน ลูกชายเขาก็ทำบัตรเครดิตให้ป้า เวลาที่ป้าเดือดร้อนเรื่องเงิน
อย่างเวลาหมาแมวป่วย ไม่สบาย ก็สามารถที่จะกู้มารักษาได้ สมมุติกู้มาหมื่นนึงก็ผ่อนเดือนละ 650 บาท กู้แล้วผ่อนแบบนี้มากว่า10 ปีแล้ว
ตอนนี้เจ้าของที่ให้เวลาเราในการย้าย 4 เดือน ความจริง 6 เดือน แต่เวลามันผ่านมาแล้ว 2 เดือนมันก็ยังไปไม่ถึงไหนสักที เพราะตอนที่คนเขาจะมาช่วยเรา พอเขามาเจอค่าก่อสร้าง ค่าใช้จ่ายต่างๆ มันเยอะ เขาก็หายไปเลย ที่ช่างเขาตีราคาไว้ให้ก็อยู่ที่ 304,000 บาท”
ย้อนกลับไปถึงจุดเริ่มต้น ที่ทำให้คุณป้ารายนี้ยอมทิ้งงานผู้ช่วยพยาบาล มาดูแลสัตว์พิการ เริ่มจากที่ได้เห็นสุนัขพิการ นอนป่วยเร่รอนอยู่ข้างวัด ทำให้คิดว่าตัวเองที่อยู่สุขสบายใช้ชีวิตฟุ่มเฟือย แต่กลับกัน สุนัขบางตัวไม่รู้ว่าเคยได้กินข้าวกินน้ำรึเปล่า นั้นทำให้เจ้าตัวตัดสินใจมาดูแลสัตว์พิการเหล่านั้น
“ก่อนที่จะมาทำงานตรงนี้ ป้าเคยเรียนจบผู้ช่วยพยาบาลมาก่อน ไปทำงานเมืองนอก ไปประเทศฮ่องกง สิงคโปร์ ไต้หวัน แต่ตัวป้าเป็นโรคหอบหืดเป็นภูมิแพ้ เวลาอากาศมันเย็น เข้าหน้าหนาว เหมือนหลอดลมมันตีบ
ตอนนั้นบ้านป้าอยู่ใกล้วัด ป้าก็ไปเที่ยววัดไปทำบุญอะไรปกติ แล้วก็ไปเจอหมาที่เป็นอัมพาต ตอนที่เห็นเขาช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เลย แมลงวันก็ตรอมเต็มตัว มีชามข้าวชามน้ำอยู่ข้างๆ เขา แต่ตัวเขาเองก็ไม่สามารถที่จะยกหน้าหรือขยับตัวได้เลย
โดยส่วนตัวเราก็เป็นคนรักหมาอยู่แล้ว แต่พอไปเห็นภาพนี้มันสะท้อนใจเรา เราแต่งงานกับแฟน มีความสุข กินดีอยู่ดี พอมาเห็นหมาตัวนี้เรารู้สึกสงสารเขามาก รู้สึกเศร้า รู้สึกเสียใจ เราก็จบด้านพยาบาลมาก็เลยเอาความรู้ที่เรามี มาช่วยสุนัข
ตั้งแต่วันนั้น จนถึงตอนนี้ทำมา 26 ปีแล้ว ไม่ได้ทำอาชีพอื่นเลย ทำเรื่องหมาโดยเฉพาะ ทำตั้งเเต่เช้าจนเย็นตลอด เราทำเองคนเดียวหมด ดูแลทุกอย่าง ป้อนข้าว ป้อนน้ำ ทำแผล ฉีดยา ทำเองหมด แต่ตอนนี้ก็มีพี่สาวของเรามาช่วยเราดูแล ยิ่งเป็นสัตว์พิการ หรือบาดเจ็บมา เรายิ่งต้องคอยดูแลเขาอย่างใกล้ชิด”
เพราะไร้หน่วยงานยื่นมือมาช่วย ทำให้รายจ่ายต่อเดือนของป้าตกอยู่ที่หลายหมื่นบาท เธอจึงต้องหางานเล็กๆ น้อยๆ เพื่อที่จะได้นำเงินมาดูแลสุนัข แต่รายได้ก็ยังไม่พอกับค่าใช้จ่ายอยู่ดี หมาแมวในบ้าน ส่วนมากจะเป็นสัตว์พิการ โดนรถชน หาขัก ตาบอด บางตัวช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ป้าเอ๋ก็ต้องค่อยดูแล อาบน้ำ ป้อนข้าวทุกวัน
“หมาที่ป้าช่วยส่วนมากก็จะเป็นอัมพาต โดนรถชน พิการเป็นส่วนใหญ่ ทำให้เราไม่มีเวลาไปทำอะไรได้เลย เราต้องดูแลหมา 200 ตัว และแมวอีกกว่า 150 ตัว
รายได้ต่อเดือนที่ป้าต้องจ่ายค่าอาหารถ้าไม่มีใครมาบริจาค มันก็ประมาน 15,000 เลยนะ เพราะเพจหมาที่ป้าทำ เป็นเพจเล็กๆ ก็ไม่ค่อยมีคนรู้จักเท่าไหร่ แล้วเราเองก็ต้องดูแลหมาแมวอย่างเดียว ไม่ได้ออกไปไหน แต่ป้าก็มีเย็บผ้า เย็บหมอน เป็นของชำร่วย เวลาใครไปใครมาอย่างก็สามารถที่จะซื้อไป
บางคนเขาก็รู้ว่าบ้านเราไม่มีเงิน เขาก็จะเอาของมาให้ พวกพวกกระเป๋า เสื้อผ้ามือสอง มือหนึ่ง เขาเอามาให้เราขายเพื่อเป็นรายได้ ใช้จ่ายในบ้าน หน่วยงานที่จะมาช่วยเรื่องอาหารหรือค่าใช้จ่ายอะไรก็ไม่มีเลย เราหาเองแทบหมด”
เพราะต้องย้ายที่อยู่ภายในระยะเวลา 4 เดือน แม้ตอนนี้จะมีคนบริจาคเงินมาช่วยเหลือบ้าง แต่เมื่อรวบรวมแล้วก็ยังไม่ถึงจำนวนที่ต้องการ
“บางคนเขาคิดว่าเงินไม่มาก เขาอาจจะช่วยได้ แต่พอเขารู้ว่าเงินมันเยอะเขาก็เงียบหายไป ตัวเราไม่ได้มีเงินเก็บอะไรเลย เหมือนเรารอความหวังอย่างเดียว แล้วเงินที่เราได้จากที่คนบริจาคมา คนละนิดละหน่อย
ทุกครั้งที่ผ่านมาเวลาเจอปัญหา เจออุปสรรค ป้ามีแรงที่จะต่อสู้ เพราะตอนนั้นอายุป้ายังไม่เยอะ แต่ตอนนี้มันจะเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว ป้าไม่ต้องย้ายไปไหนแล้ว ไม่ต้องเสียค่าเช่าที่ ที่ปัจจุบันที่ป้าอยู่เช่าเดือนละ 7,000 บาท
แต่พอเราได้ย้ายไปอยู่ใหม่แล้ว เรากับหมาแมว อยู่ได้ตลอดชีวิตเลย ไม่ต้องเช่า ป้าก็จะทำต่อไป จนอายุ 70 ปี 80 ปี จะทำจนกว่าเราไม่มีแรงจะทำ”
ข่าวโดย MGR Live
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก “แฟนเพจ บ้านสงเคราะห์สุนัขป้าเอ๋”
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **