xs
xsm
sm
md
lg

ยังอยู่ในความเสี่ยง!! “4 เคสไทยในอู่ฮั่น” สู้วิกฤต-วอนเร่งพากลับบ้าน

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



รวม 4 เคส อัปเดตชีวิตคนไทย สู้วิกฤต “ไวรัสโคโรนา” แชร์ประสบการณ์ถูกกักตัวที่จีน หลังครูที่สอนติดเชื้อไวรัสโคโรนา ชี้คนจีนมีมาตรการป้องกันรัดกุมเต็มที่ หวั่นกลับไปสอบที่ไทยไม่ทัน รัฐเร่งช่วย เตรียมพาคนไทยกลับบ้าน เชื่อไม่น่ามีปัญหา

อัปเดตชีวิตคนไทยในอู่ฮั่น!!

สถานการณ์ “ ไวรัสโคโรนา” ยังมีการแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อง ทำให้คนไทยจำนวนมากยังคงตื่นกลัว และเฝ้าติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด
ล่าสุด นักศึกษาแพทย์ชาวไทยได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก “May Kira” แชร์ประสบการณ์ถูกกักตัวที่มณฑลเจ้อเจียง เมืองหังโจว ประเทศจีน 14 วัน หลังครูที่สอนติดเชื้อไวรัสโคโรนา ทั้งที่ตัวเองนั้นก็ต้องรีบบินกลับไทยไปสอบ



“ได้เวลาตีแผ่ความจริง ขอให้ทุกคนสนุกกับเรื่องราวของเมษ์ เรื่องเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 20 ม.ค.2020 ฉันและผองเพื่อนก็ไปเข้าเลกเชอร์ตามปกติ ตามประสาเด็กเรียน นั่งแถวหน้า เพราะไปช้า ไม่มีที่นั่ง



แต่หลังจากนั้น 6 วัน ข้อความโทรศัพท์ก็กระเด้งขึ้นมา บอกว่า คุณครูของอิฉัน ได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อ n-CoV ในวันที่ 26 ม.ค. ช็อกไป 3 วิ คิดไรไม่ออก เอาแล้ว ฉันตกเป็นผู้ต้องหาหรือ Closed contact ไปโดยปริยายเพราะฉันนั่งอยู่ในห้องนั้นไง ฉันผิดอะไรเนี่ย
ซึ่งตามกฎของ CDC ทุกคนที่อยู่ในห้องนั้น ใช้อากาศร่วมกับครูในห้องแคบสี่เหลี่ยมในวันนั้น ต้องแยกตัวเอง
หรือทำ Home quarantines 14 วัน เพื่อสังเกตอาการ (ตามระยะฟักตัวของโรค)”
นักศึกษาแพทย์ชาวไทยยังได้เล่าอีกว่า ได้ซื้อตั๋วเครื่องบินเตรียมเดินทางกลับไทยแล้ว เพราะต้องไปสอบโรงพยาบาลที่ไทย แต่แล้วก็ถูกให้ไปดูอาการที่โรงพยาบาล จากนั้นได้ย้ายไปดูอาการที่โรงแรม เนื่องจากสะดวกกว่า และในทุกๆ วันจะต้องรายงานอุณหภูมิร่างกายให้ครูทุกเช้า และมีจิตแพทย์ส่วนตัวให้เรารายงานสภาพจิตใจด้วย
อย่างไรก็ตาม นักศึกษาแพทย์รายเดิมยังย้ำอีกว่า อยากให้ส่งกำลังใจให้คนจีนเยอะๆ และอยากให้พยายามมองหาบทเรียนจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกัน


ก่อนหน้านี้ ก็ยังมี 3 นักศึกษาสาวชาวไทย จากมหาวิทยาลัย China University of Geosciences, Wuhan ได้ออกมาเปิดใจอีกว่า ความต้องการอย่างเร่งด่วน คือการอพยพไปในสถานที่ปลอดภัยจากเชื้อไวรัส
“ความช่วยเหลือที่ต้องการเร่งด่วนคือ หน้ากากอนามัย หรือการอพยพไปในสถานที่ปลอดภัยจากเชื้อไวรัส เพื่อป้องกันการติดเชื้อ เนื่องจากพวกเราได้อยู่ในเมืองต้นตอของการเกิดไวรัส และมีการระบาดอย่างหนัก
พวกเราได้เริ่มตุนอาหารตั้งแต่มีข่าวการแพร่ระบาดไวรัส และประกาศปิดเมืองอู่ฮั่น โดยอาหารที่เรากักตุนไว้คาดว่าจะอยู่ได้ประมาณ 2 อาทิตย์ การป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัส เราได้ใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ออกไปข้างนอก หรือจำเป็นต้องสื่อสารกับบุคคลอื่น
หากยังมีการขยายเวลาการปิดเมืองต่อไป พวกเราความกังวลถึงอาหาร น้ำดื่ม ยารักษาโรค และหน้ากากอนามัยจะไม่เพียงพอ ซึ่งเสี่ยงต่อการติดเชื้อเป็นอย่างสูงค่ะ



ทางมหาวิทยาลัยได้ประกาศห้ามออกนอกที่พักโดยไม่จำเป็น และรวบรวมรายชื่อนักศึกษาต่างชาติที่ยังคงพักอาศัยอยู่ในอู่ฮั่น ทั้งในและนอกมหาวิทยาลัย โดยมีการตรวจวัดไข้ ก่อนกลับเข้าที่พัก
ในส่วนของทางการไทยนั้น เราก็ได้รับการติดต่อจากเจ้าหน้าที่สถานทูตไทยในปักกิ่ง และมีการจัดตั้งกลุ่มสื่อออนไลน์ ก็คือวีแชต เพื่อพูดคุยระหว่างนักเรียนไทยและเจ้าหน้าที่สถานทูต เพื่อรับฟังปัญหาและแลกเปลี่ยนข้อมูลกันและกัน”



ไม่เพียงท่านี้ ทิวากร วุฒิพันธ์ นักศึกษาปริญญาโท มหาวิทยาลัยอู่ฮั่น ก็ได้ออกมาเปิดใจถึงการแพร่ระบาดของไวรัส ในฐานะที่อยู่ในจุดอันตรายเช่นเดียวกัน ว่า มีความกังวล หากยังคงมีการปิดเมือง อาจจะได้รับผลกระทบในระยะยาว
“พวกเราอยู่ที่นี่ก็มีการดูแลตัวเองในระดับหนึ่ง มีการสวมหน้ากาก มหาวิทยาลัยก็มีการจัดหน้ากากให้บางส่วน แต่ก็ไม่เยอะมาก พวกเราก็ซื้อมาเองบ้าง ในช่วงที่พอจะมีขายอยู่
ส่วนเรื่องอาหารการกิน ปัจจุบันที่เราอยู่ก็ยังพอมีอาหารอยู่บ้าง เราสามารถซื้ออาหารได้ที่ร้านสะดวกซื้อ แต่ในระยะยาวถ้ายังมีมาตรการในการปิดเมืองนานกว่านี้ ก็อาจจะได้รับผลกระทบ เพราะไม่ได้มีแค่เราที่เป็นนักศึกษาไทย มีนักศึกษาต่างชาติคนอื่น และก็มีชาวเมืองอู่ฮั่นอีกเยอะ ก็อาจจะมีผลกระทบในระยะยาว”


รัฐเร่งช่วย คนไทยอยากกลับบ้าน!!

ขณะที่สำนักข่าว AFP ออกมาเปิดเผยบทสัมภาษณ์ของ อภิญญา ทาศรีเพชร หญิงไทยที่ตกค้างอยู่ในเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ของประเทศจีน ได้วอนขอให้หน่วยงานรัฐบาลไทยประสานช่วยเหลือให้ได้กลับบ้าน อีกทั้งอาหารและของใช้ที่จำเป็นเริ่มขาดแคลน ในอนาคตอาจจะหาซื้อไม่ได้



“ตอนนี้รู้สึกไม่ปลอดภัยแล้วค่ะ กังวล เครียดทุกวัน อยากจะกลับไทยเร็วๆ แล้ว อยากจะให้หน่วยงานของทางรัฐบาลไทยเรารีบเร่งประสานงานเพื่อที่จะช่วยทุกคนในหูเป่ย-อู่ฮั่น ให้ได้กลับบ้าน ได้กลับเมืองไทยของเราค่ะ เพราะว่าในระยะอันใกล้นี้ ในระยะ 2-3 วันนี้ คิดว่าอาหารก็น่าจะเริ่มขาดแคลนแล้ว ผ้าปิดจมูกก็เริ่มจะหาซื้อไม่ได้แล้ว
ก็คือทำได้ดีที่สุดตอนนี้ก็คือ พยายามไม่ป่วย พยายามดูแลสุขภาพของตัวเอง ไม่ออกไปไหน แต่ก็รอค่ะ ก็หวังว่าจะได้รับข่าวดีจากรัฐบาลไทยในเร็วๆ นี้ค่ะ ช่วยพวกเราด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ”

และสาวไทยรายเดิมนี้เอง เธอใช้ชื่อว่า “น้องยุ้ย” วิดีโอคอลข้ามประเทศ เปิดใจผ่านรายการ “โหนกระแส” ได้ออกมาเผยว่าตัวเองนั้นร้องไห้แทบทุกวัน เพราะมีคนติดเชื้ออยู่ใกล้ๆ บ้าน แถมตอนนี้ตัวเองยังตั้งท้อง 2 เดือนอีกด้วย พร้อมรอทางการไทยเข้าช่วยอย่างเร่งด่วน
"ห่างจากที่บ้านไม่กี่กิโลก็มีผู้ติดเชื้อแล้วค่ะ ตอนนี้กังวลมาก ยาก็จะหมด วีซ่าก็จะหมด อยากกลับบ้าน ตอนนี้สถานทูตเขารวบรวมรายชื่อว่าเราเป็นคนไทยคนหนึ่งที่ประสงค์จะกลับเมืองไทย"
คิดในแง่ดีว่าทุกฝ่ายก็พยายามช่วยเหลือ แต่ไม่อยากรอ เพราะมันมาใกล้แล้ว มันเร็วมาก รู้สึกว่ามันจะมาถึงเราเร็วๆ นี้ ไม่อยากรอแล้ว ในบ้านมีอยู่ 8 คน มีเด็ก 2 คน ทุกคนมีหน้ากากแต่ตลาดขาดแคลนแล้ว ตอนนี้พร้อมกลับมากค่ะ ตอนนี้แจ้งสถานทูตแล้วค่ะ รออยู่นะคะ”
ขณะที่ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงความชัดเจนในการเดินทางรับคนไทยกลับจากเมืองอู่ฮั่น ว่ามีกำหนดบินรับคนไทยในวันที่ 4 ก.พ.นี้ เชื่อว่าไม่น่ามีปัญหา



โดยขณะนี้การเตรียมความพร้อมทางฝั่งไทยเรียบร้อยหมดแล้ว และทางการจีนกำลังประสานกับสถานทูตไทย ในการส่งเจ้าหน้าที่ไปที่เมืองอู่ฮั่น ซึ่งถือว่าต้องพร้อมทั้งสองฝ่าย ถ้าไม่อย่างนั้นจะวุ่นวาย ซึ่งในวันที่ 4 ก.พ.จะรับกลับมาเลย ถือเป็นการกำหนดในส่วนของเรา ขณะที่ทางการจีนก็บอกว่าพร้อมคุยกับอุปทูตจีนด้วยความเข้าใจหมดทุกอย่างแล้ว เชื่อว่าไม่น่ามีปัญหา
จำนวนคนไทยอยู่ที่อู่ฮั่น 160 คน เมื่อวันที่ 31 ม.ค. แจ้งเจตจำนงไว้ 130-140 คน ใครกลับต้องดูแลหมด กลับมาแล้วถ้าจำเป็นต้องกักตัวก็ต้องทำตามมาตรฐานสากลทุกอย่าง ส่วนสถานที่กักตัวเพื่อควบคุมโรคหากกลับมาทั้งหมด 160 คน จะหารือในวันที่ 3 ก.พ.นี้ กับนายกฯ ว่าหน่วยงานใดจะมาช่วยดู เบื้องต้นถ้ามีการกักตามอาการ สถาบันบำราศนราดูรรับได้อยู่แล้ว และกระทรวงสาธารณสุขมี 2-3 โรงพยาบาลที่รองรับได้
พร้อมยืนยันมาตรการการควบคุมของไทยเกินหลักมาตรฐาน เราทำดีที่สุด เพราะเป้าหมายคือ ทำให้คนไทยปลอดภัยมากที่สุด ขอให้เชื่อมั่น ส่วนมาตรการป้องกันหลังพบมีการแพร่เชื้อจากคนสู่คนไทยแล้วคือ กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ ปฏิบัติตามหลักป้องกัน เรื่องโอกาสที่จะมีการติดเชื้อก็มีอยู่ แต่ไม่ใช่จะง่ายเท่าไร ถ้ารู้จักระมัดระวังตามหลักสุขอนามัย และควรถ้าควรหลีกเลี่ยงไปในที่มีแหล่งคนจีน



สำหรับสถานการณ์ล่าสุดในไทย กระทรวงสาธารณสุข แถลงพบผู้ป่วยไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ที่ติดเชื้อในประเทศรายแรกเป็นคนขับแท็กซี่ คาดว่าได้รับเชื้อจากผู้โดยสารชาวจีน
นอกจากนี้ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข รายงานตัวเลขล่าสุด พบผู้ติดเชื้อในไทยทั้งหมด 19 ราย ยังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล 12 ราย สามารถกลับบ้านได้แล้ว 7 ราย และยังมีผู้ป่วยเข้าเกณฑ์ต้องเฝ้าระวังทั้งหมด 344 ราย
ส่วนสถานการณ์ล่าสุด จากทางการจีน มียอดผู้ติดเชื้อ 14,380 ราย ผู้ต้องระวัง 19,544 ราย เสียชีวิตทั้งสิ้น 304 ราย ออกจาก รพ. แล้ว 328 ราย นอกจากนี้ยังมีผู้ใกล้ชิดผู้ป่วยและผู้รอคิวตามโรงพยาบาลที่กำลังจะได้รับการตรวจอีก 140,000
มีผู้ติดเชื้อนอกประเทศจีนแล้วทั้งหมด 24 ประเทศ คือ ไทย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อเมริกา อิตาลี เวียดนาม สิงคโปร์ แคนาดา ศรีลังกา กัมพูชา ออสเตรเลีย เยอรมนี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ฟินแลนด์ รัสเซีย สวีเดน สเปน มาเลเซีย อินเดีย ฟิลิปปินส์ แองโกลา เนปาล และฝรั่งเศส ทั้งนี้ ยังไม่ได้รวมฮ่องกง ทิเบต และ ไต้หวัน

ขอบคุณภาพ : AFP และเฟซบุ๊ก May Kira




** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **



กำลังโหลดความคิดเห็น