ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ และความเพ้อฝัน แต่สิ่งที่ “คิง เพาเวอร์” คิดและวางแผน สร้าง “โครงการ 100 สนามฟุตบอลหญ้าเทียมสีน้ำเงินทั่วประเทศ” เป็นกลยุทธ์ CSR (Corporate Social Responsibility) ที่ชวนศึกษาวิเคราะห์และเรียนรู้ได้เป็นอย่างดี
การทำกิจกรรมต่อสังคม ถ้ามีเงินเพียงอย่างเดียวคงไม่พอ แต่ควรต้องทำโครงการที่มันเห็นผลต่อสังคม ชุมชน และควรให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมเป็นสำคัญด้วย
ลำพังจะทำกิจกรรมปลูกป่า มอบผ้าห่มกันหนาว คงจะเชยและไม่ตอบโจทย์ในยุคใหม่ ยิ่งเรามีแบรนด์ที่เริ่มแข็งแกร่งในด้านกีฬาอย่าง คิง เพาเวอร์ ที่เป็นเจ้าของสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ทีมดังในเกาะอังกฤษด้วยแล้ว การเริ่มและลุยกับการทำ CSR ด้านสปอร์ต ย่อมมีพลังในเชิงบวกที่เห็นผลอย่างน่าพอใจ
3 ปีแล้วที่คิง เพาเวอร์ ทำโครงการ 100 สนามหญ้าเทียม 7 คน โดยมีเป้าหมายสร้างสนามฟุตบอลหญ้าเทียม ให้กับโรงเรียนและชุมชนทั่วประเทศไทยให้ครบ 100 สนาม ภายในปี 2565
โดยปัจจุบันได้มีการประกาศส่งมอบสนามฟุตบอลหญ้าเทียมไปแล้ว 60 สนามทั่วประเทศ ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการก่อสร้างจำนวน 20 แห่ง
ล่าสุดเมื่อวันที่ 14 พ.ย.ที่ผ่านมา “คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย” เนรมิตสนามฟุตบอลหญ้าเทียมสีน้ำเงินมาตรฐานสากล กลางทะเลอันดามัน บนเกาะยาวใหญ่ ณ โรงเรียนอ่าวกะพ้อ อำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา
ที่นี่ "โรงเรียนอ่าวกระพ้อ" เป็นกรณีศึกษาหนึ่งที่ทีมงานคิง เพาเวอร์ ให้ข้อมูลว่า เป็นจุดการทำ CSR ที่ไม่เชื่อว่า จะได้ผลต่อจิตใจของคนในชุมชนอย่างมาก หลังจากที่ทางโรงเรียนอ่าวกะพ้อ ยื่นเรื่องขอสนามมาครั้งหนึ่งแต่ยังไม่ผ่าน
กระทั่งยื่นมาอีกครึ่งหนึ่งและผ่านเกณฑ์ จนถึงวันที่ทาง คิง เพาเวอร์ แจ้งไปยังโรงเรียนว่าผ่านและจะสร้างสนามให้ จึงเหมือนเป็นวันฉลองความสำเร็จ ที่ทำให้เหล่านักเรียน คุณครู และชาวบ้านในชุมชน ต่างออกมาไชโยแสดงความดีใจไปพร้อมๆ กัน
ที่น่าสนใจคือ สนามฟุตบอลหญ้าเทียมสีน้ำเงิน ที่โรงเรียนอ่าวกระพ้อ ถือเป็นสนามฟุตบอลหญ้าเทียมแห่งแรกและแห่งเดียวบนเกาะ
โดยทีมงานให้ข้อมูลว่า แต่ละสนามจะใช้ต้นทุนในการทำสนามแต่ละแห่งประมาณ 2-3 ล้านบาท มีเกณฑ์ว่าทุกสนามที่ผ่านการอนุมัติ จะต้องใช้ประโยชน์เพื่อชุมชนจริงๆ ไม่มีการเมืองท้องถิ่นมาอิงผลประโยชน์
ต้องถูกใช้เพื่อทุกคนในชุมชน และทาง คิง เพาเวอร์ จะส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปอยู่อาศัยในชุมชนเป็นเดือนๆ เพื่อให้แน่ชัดว่า สนามบอลที่พวกเขาอนุมัติ เป็นของชุมชนจริงๆ
ส่วนสนามที่สร้างบนเกาะที่โรงเรียนอ่าวกะพ้อ มีความค่อนข้างยากลำบากในการขนส่งวัสดุ คือต้องมาทางเรือ และต้องควบคุมระบบน้ำบริเวณรอบๆ สนาม
และนี่คือเบื้องหลังคิดเจ๋งๆ จาก อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์
“โครงการ 100 สนามฟุตบอล สร้างพลังเยาวชนไทย ภายใต้โครงการ ‘คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย’ ซึ่งเป็นกิจกรรมด้านความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) ของกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์
โดยโรงเรียนอ่าวกะพ้อ จังหวัดพังงาแห่งนี้ เป็นโรงเรียนที่ตั้งอยู่บนเกาะ ที่ได้รับมอบสนามฟุตบอลหญ้าเทียมเป็นแห่งแรกของโครงการ
นับเป็นเรื่องที่คิง เพาเวอร์ รู้สึกภาคภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมในการมอบโอกาสที่ดีให้แก่เยาวชน และคนในชุมชน ซึ่งไม่ว่าจะอยู่พื้นที่ใดของประเทศไทย เช่น บนเกาะที่ห่างไกลและขาดสนามฟุตบอลที่มีมาตรฐาน”
ขณะที่ตัวแทนจากโรงเรียนอ่าวกะพ้อ อุดม กูลดี ผู้อำนวยการโรงเรียนอ่าวกะพ้อ จ.พังงา ได้แต่แสดงความรู้สึกขอบคุณ ต่อการเอื้อเฟื้อน้ำใจคร้งใหญ่ในครั้งนี้
“ชาวเกาะยาวใหญ่ต้องขอบคุณคิง เพาเวอร์ ที่สนับสนุนการสร้างสนามฟุตบอลหญ้าเทียมบนเกาะอย่างเต็มที่ ขนอุปกรณ์ต่างๆ มาด้วยความยากลำบาก เพื่อให้เด็กๆ มีพื้นที่ในการฝึกซ้อมเตะฟุตบอลให้เก่งยิ่งขึ้น
หลังจากที่ก่อนหน้านี้เด็กๆ ต้องเตะฟุตบอลบนสนามดินที่ไม่ได้มาตรฐาน หากฝนตกสนามจะกลายเป็นดินโคลนทันที เด็กๆ จึงต้องย้ายไปเตะฟุตบอลริมชายหาดแทน
ดังนั้น สนามฟุตบอลหญ้าเทียม จึงเป็นสิ่งที่ทุกคนรอคอย และเชื่อว่าสนามแห่งนี้จะสร้างนักเตะสู่ทีมชาติไทยได้อย่างแน่นอน พร้อมจะช่วยกันดูแลรักษาสนามฟุตบอลให้อยู่คู่กับเกาะยาวใหญ่ให้ได้นานที่สุด
เพราะเราเข้าใจว่าการเดินทางมาสร้างสนามฟุตบอลหญ้าเทียมบนเกาะ ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก ต้องขนส่งอุปกรณ์ต่างๆ ในการก่อสร้าง ขึ้นเรือข้ามฝั่งไปยังเกาะยาวใหญ่ อาทิ เครื่องจักรใหญ่ในการปรับหน้าดิน เครื่องจักรในการติดตั้งหญ้าเทียม เสาไฟฟ้า หิน และทราย และอุปกรณ์ก่อสร้างสนามทุกชนิด”
ใช้ระยะเวลาในการขนทั้งหมด 6 รอบ รอบละ 2 ชั่วโมง ประกอบกับช่วงที่ก่อสร้างทางภาคใต้มีฝนตกหนัก ทำให้ระยะเวลาในการสร้างสนามฟุตบอลหญ้าเทียม ใช้เวลานานขึ้นจาก 60 วัน เป็น 75 วัน
นอกจากนี้ในช่วงการก่อสร้าง ยังได้ความร่วมมือจากนักเรียน คุณครู รวมไปถึงคนในชุมชน อาสาเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวก และมีส่วนร่วมในการสร้างสนามฟุตบอลของพวกเขา
ช่วยกันหยิบจับคนละไม้คนละมือ เช่น การยกเม็ดทรายส่งต่อไปใส่ในเครื่องจักร ทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยความอบอุ่นด้วยพลังของชุมชน
ขณะที่เด็กๆ ในโรงเรียน ด.ช.นรากรณ์ จิตรนาวี นักเรียนชั้น ป.6 โรงเรียนอ่าวกะพ้อ จ.พังงา เปิดเผยความในใจว่า รู้สึกดีใจและขอบคุณต่อโครงการนี้มากขนาดไหน
“ผมรู้สึกดีใจมากครับ ที่โรงเรียนของผมมีสนามฟุตบอลหญ้าเทียมแล้ว ผมอยากเล่นมานานแล้วครับ เคยเห็นแต่ในทีวี
ปกติผมได้เล่นแต่สนามที่เป็นดิน มีแต่หลุมขรุขระ เวลาลื่นมันก็จะทำให้บาดเจ็บ ผมตั้งใจว่าจะมุ่งมั่นซ้อมฟุตบอลทุกวันให้มีฝีเท้าที่เก่งขึ้น เพื่อเดินตามเส้นทางฝันสู่การเป็นนักเตะทีมชาติครับ”
เหนือสิ่งอื่นใดนั้น นอกจากพลังความรู้สึกที่ชาวชุมชนยินดีปรีดากับโครงการนามฟุตบอลแห่งนี้แล้ว พลังอีกอย่างหนึ่งที่เป็นเหมือนเกลียวคลื่นแห่งความดีงาม ในการสร้างแบรนด์ คือ การใช้ “ตูน-อาทิวราห์ คงมาลัย” เป็นตัวขับเคลื่อนในการเข้าร่วมในกิจกรรมการมอบสนาม
ทั้งการเข้ามาเล่นฟุตบอลในวันส่งมอบสนาม การพูดคุยกับชาวบ้านในชุมชน เด็กนักเรียน ทำให้สิ่งเหล่านี้เป็นกิจกรรม CSR ที่ตอบโจทย์ได้ผลดีที่สุด
เสียงเรียก “พี่ตูนๆๆๆ” และความเฟรนด์ลี่ของพี่ตูน ซึ่งเข้าถึงทุกคนได้อย่างอบอุ่น ทำให้โครงการสนามฟุตบอล คิง เพาเวอร์ ดูดีมีพลังบวกมากยิ่งขึ้นไปอีก
และปฏิเสธไม่ได้ว่า เงินลงทุนถึงเกือบ 300 ล้านบาท ในการทำกิจกรรมโครงการสนามฟุตบอล 100 สนามครั้งนี้ ถือว่าเกินคุ้มและเกินคาด!!
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **