“โรคฆ่าสัตว์หรือสำนักคนโรคจิต”?! “หมอปลา” ร้องตำรวจ หลังเจอมือดีปล่อยภาพล่ามโซ่ผู้ป่วยในบ้าน ยอมรับ ล่ามจริงแต่ไม่ได้ล่ามเอง คาดฝีมือกลุ่มร่างทรงองค์เทพที่เคยฉะกันมาก่อน สังคมตั้งคำถาม “หมอปลา” กับ “ร่างทรง” ต่างกันตรงไหน?
ค้าน เปล่าล่ามโซ่ โนฉีดยา ไม่ใช่โรงฆ่าสัตว์!
กลายเป็นประเด็นดรามาขึ้นมาทันที เมื่อ “หมอปลา มือปราบสัมภเวสี” ขอทวงคืนความยุติธรรมให้ตนเอง หลังเพจสำนักข่าวและแฟนเพจบนโลกโซเชียลฯ แฉชายผู้นี้ว่า บ้านที่เปิดเป็นสถานที่รักษาโรค มีการล่ามโซ่ผู้ป่วย จับฉีดยา จนไม่ต่างอะไรจากโรงฆ่าสัตว์?!
จีระพันธ์ เพชรขาว หรือที่รู้จักกันในชื่อ “หมอปลา มือปราบสัมภเวสี” พร้อมด้วย รณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ทนายความชื่อดัง เดินทางเข้าแจ้งความ ณ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) เพื่อแจ้งความเอาผิดและดำเนินคดีตามกฎหมายกับสื่อโซเชียลมีเดีย ในข้อหานำเข้าขอมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14
สาเหตุทำให้เขาเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่นั้น อันเนื่องมากจาก มีสำนักข่าว 1 แห่ง และแฟนเพจอีก 1 เพจ แต่ไม่ขอเปิดเผยชื่อ ได้ทำการเผยแพร่ภาพที่อ้างว่า หมอปลาได้มีการกักขังหน่วงเหนี่ยวคนไข้ที่มาขอรับการรักษาที่บ้านด้วยการล่ามโซ่ และภาพที่อ้างว่าจับผู้ป่วยฉีดยาโดยที่ไม่ได้เป็นแพทย์ ซึ่งสถานที่เกิดเหตุคือ บ้านพักของหมอปลา ใน อ.บ้านลาด จ.เพชรบุรี ซ้ำยังกล่าวหาว่า บ้านนี้เป็นโรงฆ่าสัตว์หรือสำนักคนโรคจิต
“หมอปลา” ได้ชี้แจงต่อสื่อว่า สิ่งที่เพจทั้ง 2 กล่าวหา ทำให้เขาต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง ซึ่งการล่ามโซ่นั้น ยอมรับว่ามีการล่ามจริง แต่ผู้ที่ล่ามคือญาติของผู้ป่วย ไม่ใช่ตนเอง เนื่องจากผู้ป่วยมีอาการคุ้มคลั่ง ทำลายข้าวของ ทำร้ายคนใกล้ตัว เมื่ออาการดีขึ้นจึงปล่อย ส่วนเรื่องการฉีดยา ยืนยันว่า เป็นเพียงการจับให้อยู่นิ่ง ไม่เคยฉีดยาหรือให้น้ำเกลือ
“คนตายเขาไปตายที่อื่น เรื่องล่ามโซ่ญาติหรือพ่อแม่เขาล่ามมาเอง เพราะเขาจะหนีหรือไปทำร้ายคนใกล้ตัว ผมบำบัดโดยใช้สมุนไพรและจิตวิทยา ก็ช่วยบรรเทาให้และไม่เก็บเงินสักบาทเลย” มือปราบสัมภเวสีกล่าว
ส่วนสาเหตุการถูกปล่อยภาพและข้อความที่ทำให้เสื่อมเสียนั้น หมอปลาเชื่อว่า “กลุ่มร่างทรง” ที่เคยปะทะกับตนเองผ่านรายการหนึ่งเป็นผู้ทำ คาดว่าหลังออกอากาศไป ทำให้คนเหล่านี้เสียผลประโยชน์
ด้านความคิดเห็นบนโลกโซเชียลฯ หลังจากที่ข่าวนี้เผยแพร่ออกไป ก็นำมาซึ่งความคิดเห็นที่แบ่งออกเป็น 2 มุมในทันที โดยฝ่ายที่เห็นด้วยกับหมอปลา ต่างพากันเข้ามาให้กำลังใจอย่างล้นหลาม ในขณะที่อีกฝ่ายกลับมองว่า ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่หมอปลาทำอยู่
“การที่เราจะออกไปช่วยเหลือคนที่ตกทุกข์ได้ยากให้พ้นจากความทุกข์ เราจะต้องใช้ 2 มือและ 2 เท้า ไม่ใช่ใช้แค่ปากมานั่งวิพากษ์วิจารณ์คนอื่น ถ้าหมอปลาไม่ใช่ของจริงทางช่องทีวีคงไม่กล้านําหมอปลามาอัดรายการและออกทีวีหรอก”
“เป็นกำลังใจให้หมอปลาค่ะสู้ๆ”
“ต่างกับพวกร่างทรงตรงไหน”
“คนนะไม่ใช่สัตว์ ทำได้ไงวะ การรักษาที่ถูกที่ควร คนป่วยมีสิทธิ์ได้รับการดูแลนะ แต่รับไม่ได้ว่ะแบบนี้”
“ส่วนตัวคิดว่า อะไรที่ไม่มีอยู่ในหลักคำสอนพระพุทธองค์ มันคือสิ่งงมงาย มันไม่มีอยู่จริง”
“ที่คนไปหลงเชื่อเขา เพราะสื่อนี่แหละ มือปราบสัมภเวสีจากทุบศาล กลายมาเป็นรักษาคน บอกให้คนเลิกงมงาย นั่น นู่น นี่ ไม่มีจริง แต่ตัวเองหากินโดยการปราบผี?”
สำหรับการเข้าแจ้งความฐานถูกหมิ่นประมาทนี้ เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ได้สอบปากคำเพื่อหาข้อเท็จจริง และลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ปราบจริง หรือหากินกับผี ?!
นี่ไม่ใช่ครั้งแรก ชื่อของ “หมอปลา มือปราบสัมภเวสี” มีให้เห็นอยู่ตามหน้าสื่อ ยิ่งช่วงเวลาใดมีข่าวเหตุการณ์สิ่งเหนือธรรมชาติก็จะยิ่งได้เห็นเขาปรากฏตัวบ่อยมากขึ้น แต่หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่า ชายผู้นี้โด่งดังขึ้นมาได้อย่างไร ทีมข่าวผู้จัดการ Live ขอย้อนประวัติ ย้อนวีรกรรมของเขา ว่าคือใคร และเหตุใดเขาจึงได้ชื่อว่า “มือปราบสัมภเวสี”
“หมอปลา” มีชื่อจริงว่า จีระพันธ์ เพชรขาว ชื่อเล่นว่า ปลา เป็นชาวเพชรบุรี จบการศึกษาระดับปริญญาตรี จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี หลังเรียนจบ บัณฑิตวิศวะผู้นี้ ไม่ได้เลือกเดินในสิ่งที่ตัวเองศึกษามา หากแต่เลือกก้าวเข้าสู่เส้นทางสายตรงกันข้าม คือเส้นทางของสิ่งเร้นลับ และเรื่องราวที่วิทยาศาสตร์ไม่สามารถพิสูจน์ได้
ชื่อของ “หมอปลา” เริ่มเป็นที่รู้จักบนหน้าสื่อครั้งแรก เมื่อประมาณปี 56 หลังจากที่รายการ “บางอ้อ” ได้ไปตามรอยชีวิตของเขา เพราะในตอนนั้น มีเสียงร่ำลือว่า ที่ อ.บ้านลาด ใน จ.เพชรบุรี มีชายคนหนึ่งมีความสามารถพิเศษ สามารถเป็นสื่อกลางสื่อสารกับวิญญาณ อีกทั้งยัง “ขับไล่” ภูตผีปีศาจร้ายต่างๆ ที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้ที่มาขอความช่วยเหลืออีกด้วย
เวลาสัมผัสได้ถึงสิ่งเร้นลับ ร่างกายของเขาก็จะตอบสนองด้วยการ หาว น้ำตาไหล น้ำมูกออก หรือสีหน้าที่แสดงออกถึงความเจ็บปวดทรมาน ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เขายึดอาชีพ “มือปราบสัมภเวสี” ก็เพราะหลังจากค้นพบว่าตนเองมีความสามารถพิเศษ สามารถติดต่อกับสิ่งลี้ลับต่างๆ ได้ จึงต้องก้มหน้ายอมรับโชคชะตา และเดินหน้าช่วยเหลือผู้คนโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความบังเอิญ หรือเป็นพลังที่แท้จริงของเขากันแน่ เพราะในหลายคดีฆาตกรรมที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถไขได้ แต่พอหลัง “หมอปลา” เข้ามาช่วยแล้ว ทำให้สามารถจับกุมคนร้ายตัวจริงได้ในที่สุด
ในเวลาต่อมา ชื่อเสียงของ “มือปราบสัมภเวสี” ผู้นี้ ยิ่งโด่งดังไกลออกไปมาขึ้นอีก ตั้งแต่นั้นมาก็มีผู้คนเดินทางมาที่บ้านของหมอปลา ใน จ.เพชรบุรี เพื่อขอความช่วยเหลืออย่างไม่ขาดสาย ทั้งเรื่องปราบผี และบำบัดอาการเจ็บไข้ได้ป่วยที่แพทย์แผนปัจจุบันไม่สามารถรักษาให้หายได้
และอีกวีรกรรมที่เรียกได้ว่าเป็น “เอกลักษณ์” ของชายผู้นี้ คือการเดินสายไล่ทุบศาลพระภูมิไปทั่ว โดยอ้างเหตุผลว่า เป็นการปลดปล่อยดวงวิญญาณที่อยู่ในศาลนั้นให้ไปสู่สุขคติ ซึ่งความโด่งดังของ “หมอปลา” นั้น ไม่ใช่เล่นๆ เพราะถึงขั้นมีรายการเป็นของตัวเอง โดยใช้ชื่อรายการเช่นเดียวกับสมญานามของเขาคือ มือปราบสัมภเวสี
แต่ถึงอย่างนั้น ตัวเขาเองก็เป็นไม้เบื่อไม้เมากับผู้ที่ไม่เชื่อเรื่องสิ่งเหนือธรรมชาติอย่างกลุ่ม “FuckGhost ฟักโกสต์ : สมาคมต่อต้านสิ่งงมงาย” ที่เพจดังกล่าวว่า จะหมอปลาหรือบรรดาผู้ที่อ้างว่าสื่อสารกับสิ่งเร้นลับได้ ทั้งริว จิตสัมผัส หรือเจน ญาณทิพย์ ก็เพ้อเจ้อไม่ต่างกัน
หรือแม้แต่ผู้ที่อยู่ในแวดวงเดียวกัน ก็ยังมีเหตุการณ์ปะทะฝีปากให้เห็นตามหน้าสื่อเป็นระยะ ทั้งในกรณีของการออกมาฉะกับคนที่บูชาตุ๊กตาลูกเทพ ว่าคนเหล่านั้นโง่งมงายจนกระทั่งมาถึงเหตุการณ์ล่าสุด ที่หมอปลาปะทะฝีปากกับเหล่าร่างทรงองค์เทพ ในรายการต่างคนต่างคิด โดยบอกว่า เอาเวลาไปหาเห็บหมาดีกว่า ร่างทรงเป็นเรื่องเพ้อเจ้อ ไม่มีอยู่จริง เป็นเพียงการแสดง อย่างแรกที่อยากถามคือ เมื่อยังไม่ประทับทรง เทพเหล่านั้นไปอยู่ที่ไหน สิ่งที่ตนทำเพื่อรักษาคนมาก่อนหน้านี้ ไม่ได้มีองค์มาทรง ซึ่งสามารถพิสูจน์ได้ว่าตนทำแล้วหายจริง
และจากเหตุการณ์นี้เอง ทำให้หมอปลาคาดว่า อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ตนเองถูกปล่อยภาพและข้อความหมิ่นประมาท จนต้องเข้าแจ้งความดำเนินคดี ยืนยันว่า ตัวเองเป็นมือปราบ ไม่ใช่มือล่ามแต่อย่างใด