จากคลิปวิดีโอความยาวเกือบ 15 นาที เด็กหญิงตัวน้อยช่างพูดวัย 4 ขวบที่ใช้ชื่อว่า “น้องแพรพาเพลิน” สอนแต่งหน้าลงยูทิวบ์ ที่ใครหลายคนมองว่า “น่าเอ็นดู” บ้างก็ว่า “แก่แดด” กระทั่ง 6 ปีผ่านไปน้องแพรยังมุ่งมั่นกับสิ่งที่รักตั้งมั่นกับเส้นทางเมกอัปไม่มีเปลี่ยนแปลงบัดนี้ ด.ญ.ณัฏฐนันท์ สนุ่นรัตน์ ในวัย 10 ขวบ ก้าวขึ้นสู่การเป็น Makeup Artist มืออาชีพให้กับแบรนด์ดังใน London Fashion Week 2018 และกำลังผงาดสู่วงการฮอลลีวูดในไม่กี่เดือนนี้
พรสวรรค์ ที่มาพร้อม พรแสวง!
จากการหลงใหลชื่นชอบและยืนหยัดในสิ่งที่รักมาตั้งแต่ 4 ขวบ โดยเริ่มจากเอาบลัชออน ลิปสติกของคุณป้ามาเล่น จนบัดนี้ของเล่นเครื่องสำอางเหล่านั้นได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเด็กน้อยไปแล้ว
“หนูไม่รู้ว่าเด็กๆ ทำไมหนูถึงอยากเอาเครื่องสำอางมาเล่น รู้แต่ว่าชอบ อยากเอามาเล่น ถามว่าทำไมหนูชอบแต่งหน้า คือจริงๆ หนูเป็นคนที่ชอบวาดรูปอยู่แล้ว แล้วหนูก็ชอบสีสันด้วยพอเห็นเครื่องสำอางหนูก็เลยชอบ
หนูชอบดูรีวิวแต่งหน้ามากค่ะ ชอบดูซ้ำๆ ดูจนเกิดความเคยชิน ดูไปเรื่อยๆ จนจำได้ พี่ๆ ที่เป็นไอดอลของหนูก็หลายคนเลย ทั้งพี่แพรี่พาย พี่โมเมพาเพลิน พี่เมอาร์ พี่มิเชล ฟาน คนแรกที่หนูชอบดูคลิปเขาจะเป็นพี่มิเชล ฟาน พี่เขาเป็นคนแรกเลยที่ทำให้น้องแพรชอบการแต่งหน้า หนูจะดูซ้ำไปซ้ำมาตลอดค่ะ ส่วนชื่อหนูก็มาจากพี่โมเมพาเพลินค่ะ เลยกลายมาเป็นน้องแพรพาเพลินอย่างทุกวันนี้”
จุดเริ่มต้นของการมาร่วมงาน London Fashion Week 2018 ของน้องแพรมามาจากการเรียนพิเศษภาษาอังกฤษที่ Sharp English School โรงเรียนสอนภาษาใน จ. จันทบุรี กระทั่งเจ้าของโรงเรียนเห็นแววจึงชวนน้องแพรมาเรียนแต่งหน้าที่อังกฤษ ที่สถาบันสอนแต่งหน้า Melvicmakeup Academy ในเมืองวอร์ริงตัน ไม่นานนักครูสอนแต่งหน้าก็เห็นความสามารถอันน่าทึ่งของน้องแพรจึงชักชวนให้ไปร่วมงานลอนดอนแฟชั่นวีค
เรียกว่าไม่ได้มาเรียนเล่นๆ เพราะน้องแพร มีความจริงจังสูง เรียนในระดับที่ผู้ใหญ่จะทึ่ง เรียนรู้ทฤษฎีการแต่งหน้าอย่างจริงจัง เรียนแต่งหน้า สเปเชียลเอฟเฟกต์ แต่งหน้าแฟนซี ทำผม ต่อขนตา เรียกได้ว่าครบสูตร
น้องแพรเป็นเด็กวัย 10 ขวบเพียงคนเดียวที่อาจารย์ที่สอนเล็งเห็นพรสวรรค์ จึงชักชวนให้ไปร่วมแต่งหน้าแฟชั่นโชว์ในครั้งนี้ด้วยเลย นางแบบจึงมีทั้งเด็ก และผู้ใหญ่
แม้น้องแพรจะบอกว่า ตื่นเต้น กลัว เพราะไม่ค่อยมีโอกาสแต่งหน้านางแบบชาวต่างชาติมาก่อน แต่ผลงานที่ออกมานั้น ระดับฝีมือผู้ใหญ่เลยทีเดียว นอกจากนี้ น้องแพรยังไม่คาดคิดว่าก่อนด้วยทีมงานจะพาขึ้นไปเดินโชว์ตัวบนเวทีพร้อมนางแบบ คิดว่าจะอยู่แต่หลังเวทีเท่านั้น หลังจากภาพออกสื่อไปจึงทำให้หลายคนชื่นชมความสามารถของน้องแพร พร้อมคำชมล้นหลาม
ทว่า ความฝันของน้องแพรยังไม่จบแต่เพียงเท่านี้ เพราะในเดือนกรกฎาคม เธอจะไปเรียนแต่งหน้าที่ฮอลลีวูด แหล่งอุตสาหกรรมภาพยนตร์ของโลก แห่งประเทศสหรัฐอเมริกา แม้อายุจะน้อยมาก ไม่ถึงเกณฑ์ที่สถาบันนี้จะรับ แต่เมื่ออาจารย์ที่สอนได้เห็นฝีมือของน้องแพร ถึงกับอึ้ง จึงรีบรับน้องแพรเป็นนักเรียนในคลาสโดยพลัน!
แน่นอนพรสวรรค์ที่มีอยู่ในตัวน้องแพรตั้งแต่เกิดจะไม่บังเกิดผลใดๆ หากไม่ก้าวเดินสานต่อความฝันต่อด้วยพรแสวง บอกเลย เธอจะไม่จบแค่ลอนดอนแฟชั่นวีค เพราะความฝันของเด็กสิบขวบยิ่งใหญ่กว่านั้น นั่นคือการได้ทำงานที่ฮอลลีวูด ได้ร่วมงานกับนักแสดงและนางแบบชื่อดังของโลก
“หลายคนบอกน้องแพรมีพรสวรรค์แต่พรสวรรค์จริงๆ แล้วน้องแพรมีมาแค่นิดเดียว แต่ที่เหลือมาจากที่น้องแพรไปหาเทคนิคเพิ่ม และน้องแพรก็พัฒนาฝีมือด้วยการไปเรียนค่ะ คือเรามีพรสวรรค์แต่อีกส่วนหนึ่งเราต้องเรียนรู้ด้วยตัวเองด้วยค่ะ”
คำพูดของน้องแพร ตอกย้ำถึงความคิดโตเกินตัว จึงไม่น่าแปลกใจที่ทำให้เธอถึงรู้ว่าตัวเองชอบอะไรแล้วเดินตามความฝันตั้งแต่เด็ก โดยตั้งเป้าไว้ว่า จะแบรนด์เครื่องสำอางของตัวเองและทำธุรกิจออนไลน์
ขอบคุณเสียงกร่นด่าที่ทำให้เข้มแข็ง
ความสามารถในการแต่งหน้าของเด็กวัย 10 ขวบนั้นทำให้เธอที่มีผู้ติดตามกว่า 7.5 แสนคน จากเพจเฟซบุ๊ก "น้องแพรพาเพลิน" แม้จะดูเป็นเส้นทางไร้อุปสรรค แต่ไม่ใช่เลย เพราะแม้จะมีคนชื่นชอบแต่ก็มีคนวิจารณ์แรงจนเธอรับไม่ได้เช่นกัน!
“ขอบคุณเสียงก่นด่าที่ทำให้น้องแพรเข้มแข็ง”
เสียงก่นด่าที่น้องแพรกล่าวถึงนั้น มาจาก ตอนอายุ 7 ขวบเธอได้กลับมาอ่านข้อความในโลกโซเชียลฯ ถึงคลิปแต่งหน้าของเธอในวัย 4 ขวบ ทำให้เห็นคำวิจารณ์ในทางลบ ซึ่งส่วนใหญ่บอกว่าเธอ “แก่แดด” อายุยังน้อยแต่งหน้าแน่นขนาดนี้ไม่กลัวหน้าพังแต่เด็กเหรอ
การวิจารณ์ต่อว่าเด็กที่อายุเพียงแค่ 4- 5 ขวบจากผู้ใหญ่จึงไม่ต่างอะไรกับหอกที่คอยทิ่มแทงเด็กน้อยที่แค่ชอบแต่งหน้า คุณแม่ณัชชา สนุ่นรัตน์ เล่าว่า เรื่องที่น้องแพรร้องไห้จะเป็นเรื่องที่คอมเมนต์ในยูทิวบ์เพราะส่วนใหญ่จะเป็นคำแรงๆ คำหยาบ
“แม่เห็นเองแม่ยังโกรธเลย อย่างบางคนไม่ได้ติดตามว่าน้องทำอะไร บางคนก็นึกว่าน้องแพรวันๆ เอาแต่นั่งแต่งหน้า หรือไม่ก็แต่งหน้าไปโรงเรียน ประเด็นนี้เยอะมาก อย่างน้องแพรใส่แหวนข้างขวาเวลาถ่ายมันเหมือนไปอยู่ด้านซ้ายเขาก็จะถามว่ามีแฟนแล้วเหรอ อะไรประมาณนี้ค่ะ
คนว่าแก่แดดเยอะมาก จะว่าแก่แดดไหมเราก็ไม่รู้ ไม่ได้คิดตรงนั้น เราคิดแต่ว่าเราดูอยู่ ลูกเราไม่ได้ออกไปไหน ไม่ได้แต่งหน้า แต่งตัวออกไปเที่ยวกับเพื่อน ไม่ได้อะไรที่มันเกิดเด็ก เขาแค่ชอบทางนี้ ซึ่งที่บ้านก็เปิดใจพอสมควร ซึ่งแรกๆ อย่างทีบอกเราก็กลัวเหมือนกันกลัวว่าหน้าเขาจะเสียแต่เราก็ต้องดูแล ไม่ใช่ว่าเราไม่ห่วง เราก็ห่วงค่ะเพราะเขายังเด็ก
ตอนเด็กๆ 6-7 ขวบน้องก็มีท้อนะคะไม่อยากแต่งแล้ว แต่ก็อดไม่ได้ทำอีก เหมือนเมื่อก่อนเขาจะอ่านคอมเมนต์แม่ก็จะเตือนว่าอ่านทำไม ไม่ต้องไปอ่านหรอก อ่านแล้วจะจิตตกป่าวๆ เลือกที่จะไม่รับเข้ามาดีกว่าเพราะรับเข้ามาแล้วมันก็ยากแล้วที่จะเอาออกไปเพราะว่าเขายังเด็กเขาก็ไม่มีวิธีที่แข็งแรงขนาดนั้น ป้องกันตัวเองขนาดนั้น จะค่อยๆ สอนไปเรื่อยๆ”
คุณแม่ย้ำว่า ทุกวันนี้น้องแพรแกร่งขึ้นเยอะ ภูมิใจลูกเอาความชอบมาทำจนได้ดี ลบคำสบประมาท
"น้องแพรก็เคยไปนั่งอ่านคอมเม้นท์แล้วก็แอบไปนั่งร้องไห้ น้ำตาไหลเลยก็มีค่ะ แต่ตอนนี้น้องแพรก็โอเคขึ้นเยอะแล้วค่ะ " น้องแพร เล่าย้อนอารมณ์ในช่วงที่ผ่านมา
เช่นเดียวกับคุณแม่ณัชชา สนุ่นรัตน์ ที่เสียใจ แต่ก็คอยเป็นกำลังใจให้ลูกสาวในวันที่ท้อแท้ พักเสียใจได้ แต่ต้องลุกเดินไปต่อ จึงตัดสินใจให้น้องแพรเรียนแต่งหน้าจริงจังในตอนอายุ 7 ขวบ กับสถาบัน Sister Makeup จนจบหลักสูตร
“น้องแพรไม่ได้สนใจว่าอัดคลิปแต่งหน้าไปแล้วจะไม่มีคนดู เขาก็จะอัดคลิปลงยูทิวบ์อยู่ตลอด เขาทำในสิ่งที่เขาชอบ เสมอต้น เสมอปลาย เขาชอบด้วยของเขาเอง เขาไม่ได้แคร์ว่าจะต้องดังนะ เขาไม่ได้สนใจตรงนี้เลย แต่เขารัก เขาชอบแล้วเขาก็ทำ แม่ก็เลยมองว่าเขาชอบจริงๆ เขาทำของเขาจริงๆ ก็เลยตัดสินใจพาเขาไปเรียน
พอรู้ว่าลูกชอบจริงๆ แม่ก็เลยถามเขาว่าเขาอยากจะเรียนไหม เขาก็บอกว่าอยากเรียน ซึ่งแม่ถามประมาณ 3-4 ครั้งเหมือนกัน เพราะว่าแม่ก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะชอบจริงๆ ไหม แต่เขาก็ตอบเหมือนกันทุกรอบ เราก็โอเค ให้เรียน เลยส่งให้เขาไปเรียนที่ SISTER MEKEUP ลงเรียนจนจบหลักสูตร เรียนประมาณ 4 คอร์สค่ะ มีเรียนตั้งแต่แต่งหน้าทั้ง Basic, Advance, Professional และ Fancy
เรียนดี กิจกรรมแน่น
นอกจากจะเป็นเด็กมีพรสวรรค์เรื่องการแต่งหน้าแล้ว กิจกรรมอย่างอื่นของน้องแพรก็เป็นเลิศ เช่นการร้องเพลง อีกทั้งการเรียนของน้องแพรก็อยู่ในขั้นดีเลิศอีกด้วย
“ชอบการเรียนนะคะ สนุกดีค่ะ เกรดจะอยู่ที่ 4.00 ทุกปีค่ะ น้องแพรจะแบ่งเวลาให้กับกิจกรรมที่ชอบกับการเรียนแต่ว่าการเรียนยังไงก็ต้องมาก่อนอยู่แล้วค่ะ คือกลับบ้านมาหนูจะต้องมาเคลียร์การบ้านก่อน”
เช่นเดียวกับคุณแม่ที่จะเน้นย้ำเรื่องเรียนต้องมาก่อนอันดับหนึ่ง
“อย่างวันธรรมดาแม่จะไม่ให้เล่น แต่ก็จะมีแอบดูละคร ดูคลิปแล้วทำการบ้านไปบ้าง หมดเวลาแม่ก็จะบอกว่าน้องแพรพอแล้วนะแม่เก็บโทรศัพท์แล้วนะ
ส่วนกิจกรรมที่เขาชอบก็จะให้ทำ ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ แม่จะปล่อยเขาบ้างแต่ว่าการบ้านจะต้องเสร็จนะคะ ต้องรับผิดชอบงานหลักก่อน สิ่งที่ชอบ งานอดิเรกก็ไว้ทีหลัง คือกิจกรรมหรืออะไรที่ชอบทำได้ แต่หน้าที่หลักต้องห้ามเสีย ปิดเทอมก็จะได้ live เยอะขึ้น
แม่ว่ามันมีทั้งโทษและประโยชน์นะคะ การปล่อยเด็กไว้กับสื่อมันมีสองด้านอยู่แล้ว เราก็ต้องคอยดู คอยควบคุม ถ้ามากไปแม่ก็ดุค่ะ ไม่ใช่ไม่ดุ หลังฉากนี่ทะเลาะกันประจำ ต้องคอยดูเพราะเขาก็ยังคือเด็กคนหนึ่ง ยังไงเขาก็คือเด็ก เขาก็ยังอยากดู อยากเล่นอะไรไปตามเรื่อง มากไปก็ต้องโดนว่าเพราะบางทีดึกแล้วก็มี”
แน่นอนการจะโกอินเตอร์ได้นั้นภาษาอังกฤษต้องเป๊ะ! หลายคนที่เคยดูคลิปสอนแต่งหน้าของน้องแพร จะรู้สึกได้เลยว่า น้องแพรพูดภาษาอังกฤษได้ดีมาก สำเนียงเป๊ะ นั่นเป็นความชอบ รักการเรียนรู้
“มันอาจจะเป็นโชคดีของน้องและโชคดีของแม่ด้วยที่ลูกค้นพบตัวเองเร็ว เร็วมาก เร็วกว่าเด็กวัยเดียวกัน แต่อย่างเด็กวัยเดียวกันบางคนเขาก็จะโดดเด่นเรื่องกีฬา เรื่องดนตรี เรื่องศิลปะ หรือแม้แต่ว่าไปเน้นการเรียนเลยก็มี เหมือนกันนะคะ แต่บางคนก็มีบ้างที่ไม่รู้ตัวเองว่าชอบกิจกรรมอะไร แม่ก็ถือว่าเป็นโชคดีของน้อง แม่คิดว่ามันเป็นพรสวรรค์ เขาเป็นของเขาเอง
ส่วนภาษาอังกฤษนั้น น้องแพรจะอาศัยคอยดูยูทิวบ์ เพราะว่าเขาฟัง พอฟังบ่อยๆ เรื่อยๆ เขาก็จะจำได้ มีหลายคนจะสอบถามเรื่องภาษาของน้องแพรว่าน้องแพรเก่งภาษาอังกฤษ จริงๆ น้องแพรก็เรียนธรรมดา เรียน EP สองภาษา แต่ไม่ได้เรียนอินเตอร์ แต่ภาษาคงได้มาจากในคลิปด้วยเพราะเขาชอบดู ชอบฟังบ่อยๆ ฟังซ้ำๆ ค่ะ”
ชอบอะไร ต้องลงมือทำ!
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ครอบครัวของน้องแพรมีส่วนช่วยผลักดันให้น้องแพรมาอยู่จุดนี้ เพราะคุณแม่จะสนับสนุนทุกอย่างทั้งการเรียน และกิจกรรม แม้ตอนแรกที่รู้ว่าน้องแพรชอบเล่นแต่งหน้าจะโมโหสุดๆ จนแอบนำเครื่องสำอางไปซ่อนไว้ เพราะเป็นห่วงว่าหน้าจะพัง สุดท้ายต้องยอม เพราะ “เราเห็นเขารักจริงๆ”
“แรกๆ จะโดนดุและบ่นตลอดเลยว่าไปกินข้าวนิดเดียว ทำไมต้องแต่งหน้าด้วย ทุกคนบ่นหมด แต่หลังๆ คุณพ่อ คุณแม่จะเริ่มไม่ค่อยว่าอะไรแล้ว เริ่มสนับสนุนมากขึ้น เพราะคุณพ่อ คุณแม่เข้าใจว่าเราชอบทางด้านนี้จริงๆ
หนูจะคอยอัปเดตการแต่งหน้าตลอดเวลา จะคอยดูว่าเทรนด์ไหนกำลังมา เพี่อที่หนูจะได้เอาไปแชร์เทคนิคที่ว่าแต่งง่ายๆ ให้พี่ๆ ดูกันทางยูทิวบ์บ้าง ทาง live บ้าง ก่อนที่หนูจะซื้อหนูจะดูจากรีวิวด้วยค่ะว่าพี่ๆ ส่วนใหญ่เขาบอกว่าดีหรือไม่ดียังไงค่ะ”
น้องแพรยังเล่าถึงการแต่งหน้าอีกว่า การฝึกฝนเป็นสิ่งที่สำคัญ พร้อมแนะนำเคล็ดลับการเลือกเครื่องสำอาง
“เมื่อก่อน เขียนคิ้วยังไม่เท่ากันเลยค่ะ พอไปเรียนมาแล้วหนูก็จะได้เรียนรู้มากขึ้น ได้เทคนิคการวัดคิ้ว การทาตา การลงรองพื้น การเทียบสีรองพื้น การวัดสีรองพื้นอะไรต่างๆ ครูจะสอนเทคนิคแล้วหนูก็จะกลับมาฝึกเองต่อค่ะ ซึ่งตอนนี้คุณครูที่สอน ก็จะบอกว่าน้องแพรแต่งหน้าได้ดีขึ้น เป๊ะขึ้น
เคล็ดลับก็มีอย่างเช่น ถ้าแต่งหน้าในชีวิตประจำวันก็ให้เริ่มจาก ลงแป้งธรรมดา วาดทรงคิ้ว เขียนคิ้ว กรีดอายไลเนอร์ ดัดขนตา ปัดแก้ม ทาปาก ในลุค every day ก็ไม่ต้องแต่งอะไรเยอะจะแค่เขียนคิ้วเอาแบบฝนลางๆ หน่อยก็ได้ค่ะ แค่นี้ แค่บางๆ พอ หรืออย่างถ้าคนไม่เคยแต่งหน้ามาก่อน น้องแพรอยากให้เริ่มจากการเขียน Point Makeup ก็คือ คิ้ว ตา ปากแค่นี้ก่อน ให้เป็น ให้ได้ก่อน แล้วเราค่อยไปฝึกรายละเอียดต่างๆ
ส่วนเทคนิคการเลือกเครื่องสำอาง อย่างถ้าจะเลือกสีรองพื้น คนส่วนใหญ่จะวัดตรงมือซึ่งตรงนี้ต้องเปลี่ยนมาวัดตรงคอหรือว่าตรงใต้กรามแทน เพราะว่าบางทีมือสีเข้มหรือขาวกว่าหน้ามันก็จะทำให้เราเลือกสีรองพื้นผิดได้”
นอกจากการแต่งหน้าแล้ว ปัจจุบันนี้น้องแพรยังเรียนการทำผมอีกด้วย ฝึกฝนทุกอย่าง จนรู้ลึกรู้จริง รวมถึง “รับจ็อบแต่งหน้า”
“ส่วนใหญ่จะเป็นคนรู้จัก สนิทกันมาจ้างแต่งให้ ซึ่งเขาไว้ใจฝีมือน้องแพรมาก พอแต่งเสร็จพี่เขาก็จะบอกว่าโอเคนะ สวยนะ แต่ว่าแพรก็จะให้พี่เขาเพิ่มในจุดที่เขาต้องการอย่างถ้าเขาอยากเพิ่มอะไรก็สามารถบอกแพรได้
น้องแพรว่าการแต่งหน้าให้คนอื่นกับแต่งหน้าให้ตัวเองต่างกันนะคะเพราะว่าเราชินกับหน้าเราที่เราแต่งอยู่ทุกเกือบทุกวัน แต่ของคนอื่นเราจะยังไม่ชิน แพรจะไม่ค่อยชินกับพวกโหนกแก้ม บางคนโหนกแก้มสูง บางคนโหนกแก้มต่ำเราก็ต้องทำความเข้าใจเพราะเทคนิคจะแตกต่างกัน หนูก็จะต้องอาศัยดูโครงหน้าของแต่ละคน”แม้จะชอบแต่งหน้าเป็นชีวิตจิตใจ แต่ในชีวิตประจำวันน้องแพรก็ไม่ได้แต่งหน้าพร่ำเพรื่อ ข้อสำคัญในการแต่งหน้าต้องล้างเครื่องสำอางให้หมดจดจนหน้าสะอาด ไม่ทิ้งไว้บนหน้านาน
น้องแพรได้ทำให้เห็นว่า หากชอบหรือรักในสิ่งใด ต้องตั้งใจ มุ่งมั่น ล้วนประสบความสำเร็จ จนต่างประเทศยอมรับในผลงาน
“ถ้าชอบอะไร ลงมือทำเลย วางแผนเลยและบอกตัวเองว่าเป้าหมายของตัวเองคืออะไร แล้วต้องไปให้ถึง"
พร้อมทิ้งท้ายถึงความสำเร็จของเด็กไทยที่เป็นหนึ่งในทีมช่างแต่งหน้าบนเวทีแฟชั่นโชว์ระดับโลกว่า
“นี่ยังไม่ใช่ความสำเร็จในชีวิตนะคะ แต่เป็นบันไดอีกขั้นหนึ่งที่น้องแพรได้ก้าวขึ้นมา เพื่อสะสมประสบการณ์”
โดย ผู้จัดการ Live
เรื่องสวิชญา ชมพูพัชร
ขอบคุณภาพจาก เพจเฟซบุ๊ก น้องแพรพาเพลิน และ IG:nongparepaplern