xs
xsm
sm
md
lg

จิ๋วแต่แจ๋ว “น้องแพรพาเพลิน” ช่างแต่งหน้าวัยใสอนาคตไกล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เรียกได้ว่าเป็นเมกอัพ อาร์ทิสต์รุ่นจิ๋ว ที่ชื่นชอบการแต่งหน้ามาตั้งแต่ 3 ขวบ โดยเริ่มจากเอาเครื่องสำอางของคุณป้ามาเล่น ประกอบกับดูรีวิวการแต่งหน้าจากเมกอัพ อาร์ทิสต์รุ่นใหญ่ อย่าง โมเมพาเพลิน แพรี่พาย มิเชล ฟาน และอีกหลายๆ คน จนมีโอกาสได้อัดคลิปลงสื่อโซเชียลจนโด่งดัง น้องแพร-ณัฏฐนันท์ สนุ่นรัตน์ หรือ น้องแพรพาเพลิน

ช่างแต่งหน้าตัวน้อยที่เราเคยเห็นในคลิปวิดีโอเมื่อนานมาแล้ว ซึ่งเธอได้มีโอกาสไปเรียนแต่งหน้าเพิ่มเติมกับสถาบัน Sister Makeup จนจบหลักสูตร เพื่อพัฒนาฝีมือการแต่งหน้าของตัวเองให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป เพื่อที่จะเดินตามความฝันในอนาคตนั่นก็คือการเป็นช่างแต่งหน้า หรือไม่ก็ครูสอนแต่งหน้า

ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้หลายคนอาจรู้จักชื่อของน้องแพรพาเพลินในฐานะเด็กน้อยแต่งหน้าเก่งที่ปัจจุบันเธอยังอัดคลิปแต่งหน้าลง Youtube และ live ลงเพจเฟซบุ้คให้แฟนคลับที่ติดตามเป็นหลักแสนชมอยู่เนืองๆ

        • ก่อนจะมาเป็นน้องแพรพาเพลิน เมกอัพ อาร์ทิสต์รุ่นจิ๋ว

คุณแม่ : น้องแพรชอบแต่งหน้าตั้งแต่ยังไม่ 3 ขวบเลยค่ะ เริ่มจากไปเอาบลัชออน เอาลิปสติกของคุณป้ามาเล่น
เขาจะชอบเล่นเครื่องสำอางของคุณป้าเพราะว่าแม่จะไม่แต่งหน้า เวลาเจอญาติๆ อย่างงานตรุษจีนจะได้ไปเจอญาติ เขาคุยด้วยจะไม่คุยกับเขา ไม่เล่นด้วย ไม่อะไร พอเขาเอาลิปสติกออกมาเท่านั้นแหละถึงจะยอมไปคุย ยอมให้เขาอุ้ม จะเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เล็กๆ เลยค่ะ

อีกอย่างน้องแพรจะชอบเล่นเกมแต่งหน้า พอเล่นเกม ด้านข้างเกมที่เล่นจะมีคลิปสอนแต่งหน้า มีรีวิว มีแนะนำเครื่องสำอาง เขาก็จะเปิดดูเอง ดูไปเรื่อยๆ ดูทั้งวัน ดูจนหลับคาเลยก็มีค่ะ แม่ว่าเขาน่าจะชอบสีสัน ชอบลิปสติกสีสวยๆ มันน่าจะดึงดูด เขาก็นั่งดู ดูทั้งวัน ดูจนต้องเก็บ i-pad ซุก

น้องแพร : หนูไม่รู้ว่าเด็กๆ ทำไมหนูถึงอยากเอาเครื่องสำอางมาเล่น รู้แต่ว่าชอบ อยากเอามาเล่น ถามว่าทำไมหนูชอบแต่งหน้า คือจริงๆ หนูเป็นคนที่ชอบวาดรูปอยู่แล้ว แล้วหนูก็ชอบสีสันด้วยพอเห็นเครื่องสำอางหนูก็เลยชอบ

หนูชอบดูรีวิวแต่งหน้ามากค่ะ ชอบมากๆ แต่ตอนนี้ก็พยายามลดอยู่นะคะ ก็จะพยายามเล่นน้อยลง (หัวเราะ) หนูจะชอบดูซ้ำๆ ดูจนเกิดความเคยชิน ดูไปเรื่อยๆ จนจำได้

พี่ๆ ที่เป็นไอดอลของหนูก็หลายคนเลยนะคะ ก็มีพี่แพรี่พาย พี่โมเมพาเพลิน พี่เมอาร์ พี่มิเชลฟาน คนแรกที่หนูชอบดูคลิปเขาจะเป็นพี่มิเชล ฟาน พี่เขาเป็นคนแรกเลยที่ทำให้น้องแพรชอบการแต่งหน้า หนูจะดูซ้ำไปซ้ำมาตลอดค่ะ ส่วนชื่อหนูก็มาจากพี่โมเมพาเพลินค่ะ เลยกลายมาเป็นน้องแพรพาเพลินอย่างทุกวันนี้ค่ะ

        • ทำไมถึงชื่นชอบการแต่งหน้าคะ ไปหลงเสน่ห์อะไรในการแต่งหน้า

คุณแม่ : แม่ว่าเขาอยากเอามาเล่นมากกว่า เหมือนเด็กๆ เขาจะชอบสีสัน แล้วเขาก็จะมีพฤติกรรมเลียนแบบ พอได้ดูคลิปบ่อยๆ เขาก็เริ่มมาอัดคลิปเอง ตอนแรกแม่ก็ไม่รู้เลยนะคะเพราะเราไม่ได้เป็นคนให้เขาทำ ไม่ได้มาตั้งกล้องให้ เขาทำเอง แม่ไม่รู้เลย เหมือนกับว่าพอเดินมาเจอเราถึงได้รู้ว่าเขาอัดคลิปอยู่

ตอนนั้นน้องอัดคลิปเล่นยังไม่ได้ลงสื่อนะคะ อัดไปนานแล้วเหมือนกันแม่ถึงได้ลองเอามาทำดู หลังจากนั้นเราเลยสมัครชาแนลทำเล่นๆ ขึ้นมา ซึ่งตอนนั้นเราคิดชื่ออะไรไม่ออก แม่ก็เลยตั้งชื่อตามพี่โมเม เลยมาเป็นน้องแพรพาเพลิน ซึ่งตอนที่เราทำลงครั้งแรกเราก็ลงไปเล่นๆ ไม่ได้คิดอะไร ลงไปเป็นประมาณเกือบปี แล้วตอนหลังคลิปก็มาดัง ได้ออกรายการทีวีแต่เราก็ไม่ได้หวังผลอะไรก็แค่ทำไปเฉยๆ แล้วตั้งแต่เอาไปลงในยูทูปแล้วมีคนดูเยอะ เขาก็เริ่มอัดคลิปไปเรื่อยๆ ตอนหลังเขาก็ทำเองหมดเลย อัดคลิปเอง เริ่มตัดต่อเอง ลงยูทูปเอง แม่ไม่ได้ยุ่งเลยค่ะ
หลังๆ 2-3 ปีมานี้น้องทำเองทั้งหมดเลย ก็ไม่เคยเข้าไปดูเลย พอสักปลายๆ ปีที่แล้วลองเข้าไปดู พิมพ์ว่า น้องแพรพาเพลินเข้าไป โอ้โห! คลิปเยอะมาก ไม่รู้ว่าลูกเราลงคลิปเยอะขนาดนี้เลยเหรอ เรียกได้ว่าเขาเข้าขั้นหลงใหลเลยค่ะ

        • ตอนแรกที่เห็นลูกแต่งหน้า อัดคลิป รู้สึกยังไงบ้างคะ

คุณแม่ : ตอนแรกที่เห็นโมโหมาก โกรธสุดๆ บ่นลูกตลอด เราห็ห้ามแอบเก็บทุกอย่าง เพราะว่าเราเป็นห่วงเขา กลัวว่าหน้าเขาจะเสีย เราจะโกรธแบบนั้นมากกว่า กลัวแบบว่าหน้าเขาจะพังตามเรื่องเลย เราก็เลยเก็บเครื่องสำอางเก็บซุกไว้หลังตู้เสื้อผ้าด้านบนเลย เก็บ I-Pad ซุกบ้าง นานๆ เข้าเขาก็จะขอว่าแม่หนูขอนิดนึงนะ เราถึงจะหยิบมาให้

น้องแพร : แรกๆ จะโดนดุและบ่นตลอดเลยนะคะว่าไปกินข้าวนิดเดียว ทำไมต้องแต่งหน้าด้วย แต่หลังๆ คุณพ่อ คุณแม่จะเริ่มไม่ค่อยว่าอะไรแล้ว เริ่มสนับสนุนมากขึ้น ไม่ว่าอะไรแล้วค่ะ (หัวเราะ)

        • แล้วทางบ้านเริ่มมาสนับสนุนตอนไหนคะ ยากไหมที่จะทำให้คุณพ่อ คุณแม่เข้าใจว่าเราชอบทางด้านนี้จริงๆ

น้องแพร : คือน้องแพรรักมาตั้งแต่เด็กเราก็จะทำมาตลอด แต่ตอนแรกๆ พ่อกับแม่ก็บ่นว่าทำไมต้องแต่งหน้าด้วยอะไรแบบนี้ค่ะ แม่จะบอกว่าน้องแพรแต่งหน้าอีกแล้ว น้องแพรแต่งหน้าอีกแล้วนะ ยายก็จะบ่น บ่นทุกคนเลยค่ะ แต่ทีนี้เขามารู้ว่าน้องแพรชอบจริงๆ แล้วก็เลยสนับสนุน

คุณแม่ : เพิ่งเริ่มมาสนับสนุนตอนช่วงหลังๆ นี่เองค่ะ แม่ก็ห้ามมาก่อนนะคะ ไม่ได้ว่าจะสนับสนุนเลย ถามว่ายอมรับได้ยังไง ที่เรายอมเพราะเราเห็นเขารัก ก็ใช้ช่วงเวลามาตั้งแต่น้องเขาอายุ 4-5 ขวบ ก็ใช้เวลามาสักพักเหมือนกันนะคะ ตั้งแต่อนุบาล 1 ประมาณสองปีที่แม่ดูเขาอยู่ แต่บางทีเราก็ไม่ได้ใส่ใจมากเพราะคิดว่าเด็กเล่นธรรมดา แต่พอดูไปเรื่อยๆ เราก็ได้เห็นพัฒนาการของเขาว่าเขาทำได้ดีขึ้น ไม่ได้สวยเหมือนทุกวันนี้หรอกแต่ก็โอเค ดีขึ้น

เราต้องมีข้อจำกัดด้วยเพราะไม่ใช่แค่เรา แค่คนในครอบครัวที่เป็นห่วง เพราะแฟนคลับก็เป็นห่วง กลัวว่าน้องจะไปก่อนวัย กลัวว่าผิวจะเสีย แต่คุณแม่จะคอยดูและน้องก็จะเช็ดจนสะอาด เช็ดจนสำลีขาว เช็ดให้สะอาดแล้วก็ล้างหน้านอนปกติ เพราะมันต้องดูแลด้วย

ตอนหลังก็เริ่มปล่อยเขาแต่ง แต่ก็มีข้อตกลงกันว่า ไม่แต่งมาก ไม่แต่งเยอะ ไม่แต่งบ่อย คือเราจะมีข้อตกลงระหว่างกัน แต่ทุกวันนี้ที่น้อง live ลงเพจแม่ก็จะให้ทำแค่ ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ นอกจากวันธรรมดาที่ไม่มีการบ้านจริงๆ นานๆ ก็จะโผล่มาสักทีนึง

        • คือต้องมีข้อจำกัดและความพอดีระหว่างกันใช่ไหมคะ

คุณแม่ : ใช่ค่ะ ปกติชีวิตประจำวันน้องแพรจะไม่ได้แต่งหน้าเลยนะคะ ก็ไปโรงเรียนตามปกติ แม่ไม่ชอบให้แต่งพร่ำเพรื่อ ไม่แต่งออกไปไหน แต่หลังๆ เวลาไปเที่ยวก็มีบ้างที่น้องแพรจะขอเขียนคิ้วหน่อยนึงเพราะคิ้วแหว่งรับตัวเองไม่ได้ (หัวเราะ) ก็มีแต่งบ้าง เล็กๆ น้อยๆ ที่พอรับได้ค่ะ ถ้าเข้มๆ แม่จะไม่ให้แต่งออกไปไหนค่ะ ห้ามเลย เวลาที่แต่งน้อยๆ แม่ก็จะบอกว่ากำลังดี กำลังสวย แม่ชอบให้น้องแต่งแบบเหมือนไม่แต่งแบบนั้นสวยดี ถ้าเยอะเกินไปแม่ก็จะเริ่มติง เริ่มถามว่าจะแต่งหน้าเยอะทำไม

น้องแพร : อย่างมีตอนหนึ่งจะไปทานอาหารเช้ากัน น้องแพรก็แต่งนะคะ แต่จะแต่งนิดเดียว ใช้แค่เมจิเขียนถมที่คิ้ว พอขึ้นรถไปก็ไม่มีใครทักอะไร น้องแพรก็เลยถามแม่ว่าวันนี้แพรแต่งหน้าเข้มไหม ซึ่งแม่ก็บอกมาว่าแต่งแบบนี้ได้ แต่งอ่อนๆ ได้ บางทีแต่งไปเรื่อยๆ ก็เข้มเฉยเลยก็ต้องลบออก (หัวเราะ) แต่แต่งแล้วก็ต้องล้างหน้าให้สะอาดด้วย

คุณแม่ : อย่างอุปกรณ์การแต่งหน้าก็เหมือนกันค่ะ คืออันนี้เริ่มจากที่แม่ซื้อให้เขาเพราะเห็นว่ามีงานโรงเรียน ที่ซื้อตอนนั้นเพราะไม่ใช่ว่าแม่จะให้เขาแต่งหน้านะคะ แต่ว่าน้องแพรมีงานโรงเรียนแม่ก็เลยจะหัดแต่ง เราจะได้ไม่ต้องไปที่ร้านเพราะว่าตอนอนุบาลมีงานบ่อย ถ้าไปที่ร้านบ่อยๆ ก็จะเปลืองเงิน เราก็เลยแต่งเองแล้วกันจะได้ไม่ต้องไปจ้างที่ร้าน ก็เริ่มจากตอนนั้น เราก็ซื้อเครื่องสำอางมาเซตหนึ่ง ซื้อมาทั้งเซตเลยแต่ก็ไม่ได้มีครบทุกอย่าง จะเอาแค่พื้นฐาน

ตอนเล็กๆ ไปเดินห้างสรรพสินค้ายังไม่มีร้องเอาเครื่องสำอางนะคะ แต่พอโตขึ้นมาเนี่ยตลอดเลยค่ะ (หัวเราะ) ชอบไปดูเครื่องสำอาง ชอบลองนั่น ลองนี่ ปล่อยไปเถอะ หายจมไปเลย

น้องแพร: ส่วนมากที่หนูจะซื้อจะเป็นลิปสติกค่ะ จะอยากซื้อให้ครบทุกสี แล้วก็มีอายแชร์โดร์ที่หนูชอบไปดู ชอบไปลอง ตอนนี้ก็มีเยอะมากเลยค่ะ เต็มไปหมด เพราะไปทีไรก็จะซื้อทุกที (หัวเราะ) ก็จะมีที่หนูซื้อเองด้วยและก็มีที่สปอนเซอร์ส่งมาด้วย

หนูจะคอยอัปเดตการแต่งหน้าตลอดเวลา จะคอยดูว่าเทรนด์ไหนกำลังมา เพี่อที่หนูจะได้เอาไปแชร์เทคนิคที่ว่าแต่งง่ายๆ ให้พี่ๆ ดูกันทางยูทูปบ้าง ทาง live บ้าง ก่อนที่หนูจะซื้อหนูจะดูจากรีวิวด้วยค่ะว่าพี่ๆ ส่วนใหญ่เขาบอกว่าดีหรือไม่ดียังไงค่ะ

คุณแม่ : ซื้อจนต้องตกลงกันว่าน้องแพรคราวนี้เราไม่ซื้อได้ไหม เพราะมันเยอะมาก ซึ่งเราก็คุยกันอยู่ ตั้งใจว่าจะเอาของที่น้องแพรเริ่มไม่ใช้แล้วเอามาประมูล เอาเงินไปทำบุญ

น้องแพร : ใช่ค่ะก็จะมีเอามาประมูลบ้าง เพราะใช้แล้วไม่หมดสักที (หัวเราะ) อย่างบางตัวน้องแพรคิดว่าจะใช้ตัวนี้ไปเรื่อยๆ แต่พอใช้ๆ ไปมันก็ยังเหลือเท่าเดิมเพราะใช้แต่ละครั้งก็แค่นิดเดียวด้วย

คุณแม่ : แม่มองว่าการซื้อเครื่องสำอางแต่ละครั้งมันก็เป็นการสิ้นเปลืองนะคะ เพราะด้วยราคา ด้วยอะไรด้วย แต่ว่าถ้าเขาไม่ได้ลองใช้เองเขาก็จะไม่รู้ว่าอันไหนดี หรืออันไหนไม่ดียังไง อันไหนติดทน หรืออย่างอันไหนเขาใช้ถูก อันไหนเขาแพ้ เขาจะไม่สามารถตอบคำถามคนอื่นๆ เพราะฉะนั้นเขาเลยต้องลองด้วยตัวเองเพราะบางคนผิวหน้าไม่เหมือนกัน บางคนอาจจะใช้แล้วไม่โอเคแต่น้องแพรอาจจะชอบ มันก็เป็นการลงทุนอย่างหนึ่ง แต่แม่จะมีข้อจำกัดในการซื้อนะคะ เดี๋ยวนี้ก็จะซื้อเวลามากรุงเทพฯ มาบ่อยก็จะซื้อบ่อย แต่ถ้าไม่ได้มาเลยก็จะหายเงียบไปเลย จะไม่มีไปสั่งซื้อทางอินเทอร์เน็ตค่ะ

        • แล้วมาเริ่มแต่งหน้าจริงจังตอนไหนคะ เห็นว่าทางบ้านสนับสนุนถึงขั้นส่งไปเรียนกับสถาบันสอนแต่งหน้ามืออาชีพเลย

คุณแม่ : เราก็เห็นว่าการลงคลิปบางทีมันก็เป็นกระแสเนอะ เดี๋ยวดังบ้าง เดี๋ยวหายบ้าง แต่แม่กลับเห็นว่าช่วงที่น้องแพรทำแล้วเงียบ เขาไม่ได้สนใจว่าจะไม่มีคนดู เขาก็จะอัดคลิปลงยูทูปอยู่ตลอด เขาไม่ได้มานอยว่าช่วงนี้เขาไม่ดังนะหรืออะไร ไม่มีเลย แต่เขากลับทำในสิ่งที่เขาชอบ เสมอต้น เสมอปลาย เขาชอบด้วยของเขาเอง เขาไม่ได้แคร์ว่าจะต้องดังนะ เขาไม่ได้สนใจตรงนี้เลย แต่เขารัก เขาชอบแล้วเขาก็ทำ แม่ก็เลยมองว่าเขาชอบจริงๆ เขาทำของเขาจริงๆ ก็เลยตัดสินใจพาเขาไปเรียน

พอรู้ว่าลูกชอบจริงๆ แม่ก็เลยถามเขาว่าเขาอยากจะเรียนไหม เขาก็บอกว่าอยากเรียน ซึ่งแม่ถามประมาณ 3-4 ครั้งเหมือนกันนะคะ เพราะว่าแม่ก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะชอบจริงๆ ไหม แต่เขาก็ตอบเหมือนกันทุกรอบ เขาโอเค เราก็โอเค ก็ให้เรียน แม่ก็เลยส่งให้เขาไปเรียนที่ SISTER MEKEUP ลงเรียนจนจบหลักสูตรก็จะเรียนอยู่ประมาณ 4 คอร์สค่ะ มีเรียนตั้งแต่แต่งหน้าทั้ง Basic, Advance, Professional และ Fancy

น้องเลยได้ไปเรียนแต่งหน้าจริงๆ จังๆ ก็เมื่อตอนอายุ 7 ขวบค่ะ แต่ตอนแรกๆ น้องจะลองผิด ลองถูก แต่งด้วยตัวเองอย่างเดียว พอไปเรียนมาก็เป๊ะขึ้น แล้วก็ฝึกไปเรื่อยๆ ใหม่ๆ เรียนมาก็ไม่ได้แบบนี้นะคะ มันต้องฝึกบ่อยๆ ตอนนี้ก็เรียนจบคอร์สแล้วค่ะ ก็มีอยากไปเรียนเพิ่มอีก แต่ว่าก็ยังไม่มีเวลา

น้องแพร : ถ้าเริ่มแต่งหน้าเป็นจริงๆ ก็น่าจะตอนหนูจะอายุประมาณ 7 ขวบได้แล้วค่ะ แต่ก่อนหน้านั้นช่วงแรกๆ หนูจะแค่ทดลองแต่งเองไปก่อนค่ะ แต่ตอนนี้ถามว่าจริงจังกับเรื่องแต่งหน้าไหม ตอนนี้หนูจริงจังนะคะ เต็มร้อยหนูชอบแต่งหน้า 99 เปอร์เซ็นเลยค่ะ ส่วนที่เหลืออีก 1 เปอร์เซ็นเพราะว่าหนูขี้เกียจล้าง (หัวเราะ)

        • เรียนจบหลักสูตรแล้วฝีมือพัฒนามากขึ้นยังไงบ้างคะ

น้องแพร : หนูฝึกนานอยู่นะคะ เพราะแรกๆ มันไม่สวยเลยค่ะ เขียนคิ้วยังไม่เท่ากันเลยค่ะ พอไปเรียนมาแล้วหนูก็จะได้เรียนรู้มากขึ้น ได้เทคนิคการวัดคิ้ว การทาตา การลงรองพื้น การเทียบสีรองพื้น การวัดสีรองพื้นอะไรต่างๆ ครูจะสอนเทคนิคแล้วหนูก็จะกลับมาฝึกเองต่อค่ะ ซึ่งตอนนี้คุณครูที่สอน ก็จะบอกว่าน้องแพรแต่งหน้าได้ดีขึ้น เป๊ะขึ้น (ยิ้ม)

น้องแพรจะจำรายละเอียดมาจากคุณครูเลยค่ะ เพราะคุณครูจะสอนทุกอย่าง ส่วนในคลิปทุกวันนี้ก็ยังชอบดูรีวิวของพี่ๆ หลายคนเลยค่ะ แต่หนูดูแล้วไม่ได้แต่งตามนะคะ แต่ว่าจะจำเทคนิคที่พี่ๆ เขาสอนมา แล้วน้องแพรก็จะเอามาแชร์ต่อให้พี่ๆ ในเพจ ในยูทูปอีกทีค่ะ

เคล็ดลับก็มีอย่างเช่น ถ้าแต่งหน้าในชีวิตประจำวันก็ให้เริ่มจาก ลงแป้งธรรมดา วาดทรงคิ้ว เขียนคิ้ว กรีดอายไลเนอร์ ดัดขนตา ปัดแก้ม ทาปาก ในลุค every day ก็ไม่ต้องแต่งอะไรเยอะจะแค่เขียนคิ้วเอาแบบฝนลางๆ หน่อยก็ได้ค่ะ แค่นี้ แค่บางๆ พอ หรืออย่างถ้าคนไม่เคยแต่งหน้ามาก่อน น้องแพรอยากให้เริ่มจากการเขียน Point Makeup ก็คือ คิ้ว ตา ปากแค่นี้ก่อน ให้เป็น ให้ได้ก่อน แล้วเราค่อยไปฝึกรายละเอียดต่างๆ
ส่วนเทคนิคการเลือกเครื่องสำอาง อย่างถ้าจะเลือกสีรองพื้น คนส่วนใหญ่จะวัดตรงมือซึ่งตรงนี้ต้องเปลี่ยนมาวัดตรงคอหรือว่าตรงใต้กรามแทน เพราะว่าบางทีมือสีเข้มหรือขาวกว่าหน้ามันก็จะทำให้เราเลือกสีรองพื้นผิดได้ ก็เลยต้องเปลี่ยนมาลองที่น้องแพรบอกไปแทนค่ะ ซึ่งเทคนิคเหล่านี้น้องแพรก็ได้มาจากคุณครูและจากพี่ๆ เมคอัพ อาร์ทิสต์อีกทีค่ะ

ส่วนตัวตอนนี้หนูจะชอบสไตล์การแต่งหน้าแบบ Make up no Make up ค่ะ จะเป็นการแต่งหน้าแต่เหมือนไม่ได้แต่ง แล้วหนูก็จะชอบโทนส้มอิฐที่ตอนนี้เป็นเทรนด์ของ 2017 ด้วยค่ะ

คณแม่ : ครูก็จะมีทริคมาบอก อย่างตอนแรกน้องแพรยังเขียนคิ้วไม่เก่ง ไม่ได้สวยอะไรมากมาย ก็มาเริ่มเป็นเพราะหัดไปเรื่อยๆ ไปเรียนมาใหม่ๆ ก็ยังไม่ได้สวยเหมือนทุกวันนี้เลย บางทีน้องแพรเขียนคิ้วไม่ค่อยเท่ากัน ครูเขาก็จะคอยบอก คอยสอน เอาทริคมาให้ตลอด ซึ่งน้องแพรก็จะเอาเคล็ดลับต่างๆ ที่ครูบอกมาปรับปรุงแล้วฝึกตาม

        • นอกจากฝึกฝนการแต่งหน้าให้ตัวเองแล้ว มีไปรับจ้างแต่งหน้าที่ไหนบ้างไหมคะ เพราะเห็นว่าน้องแพรรับจ๊อบแต่งหน้าด้วย

น้องแพร : หนูรับจ้างแต่งหน้าเมื่อปีที่แล้วค่ะ แต่ว่างานจะยังไม่ค่อยมีหรอกค่ะ เพราะว่าน้องแพรทำผมไม่ได้ แถมไม่ค่อยมีเวลาด้วย อีกอย่างคนจ้างอยู่คนละจังหวัด ส่วนใหญ่ลูกค้าจะอยู่ในกรุงเทพฯ บ้านน้องแพรอยู่จันทบุรี ระยะทางและอะไรไม่ได้หลายอย่าง ก็เลยเพิ่งได้รับไปแค่ไม่กี่งาน ส่วนใหญ่จะเป็นคนรู้จัก สนิทกันมาจ้างแต่งให้ ซึ่งเขาไว้ใจฝีมือน้องแพรมาก (หัวเราะ) พอแต่งเสร็จพี่เขาก็จะบอกว่าโอเคนะ สวยนะ แต่ว่าแพรก็จะให้พี่เขาเพิ่มในจุดที่เขาต้องการอย่างถ้าเขาอยากเพิ่มอะไรก็สามารถบอกแพรได้

จริงๆ น้องแพรอยากจะรับงานประจำแต่คงต้องรอช่วงที่ปิดเทอมก่อน อาจจะมีรับงานในตัวจังหวัดที่อยู่ค่ะ (ยิ้ม)

น้องแพรว่าการแต่งหน้าให้คนอื่นกับแต่งหน้าให้ตัวเองต่างกันนะคะเพราะว่าเราชินกับหน้าเราที่เราแต่งอยู่ทุกเกือบทุกวัน แต่ของคนอื่นเราจะยังไม่ชิน แพรจะไม่ค่อยชินกับพวกโหนกแก้ม บางคนโหนกแก้มสูง บางคนโหนกแก้มต่ำเราก็ต้องทำความเข้าใจเพราะเทคนิคจะแตกต่างกัน หนูก็จะต้องอาศัยดูโครงหน้าของแต่ละคนค่ะ

การแต่งหน้ายากไหม หนูว่ามันก็ยากนะคะ น้องแพรจะติดเรื่องเขียนคิ้วอย่างเดียวเลยค่ะ เพราะโครงคิ้วคนไม่เหมือนกัน แล้วตอนแรกๆ น้องแพรก็กันคิ้วไม่เป็นด้วยก็เลยให้คนที่มาแต่งหน้ากับน้องแพรกันคิ้วมาก่อน แพรจะต้องคอยดูรูปตลอดเลยว่าเขียนยังไง แต่ตอนนี้น้องแพรกันคิ้วเป็นแล้วนะคะ แต่ก็เคยกันคิ้วแหว่งด้วย (หัวเราะ)

        • มันไม่ง่ายเลยนะที่จะรู้ตัวเองตั้งแต่ยังเด็กว่าชอบอะไร แบบนี้คิดว่าเป็นพรสวรรค์หรือเปล่าคะ

คุณแม่ : มันอาจจะเป็นโชคดีของน้องและโชคดีของแม่ด้วยที่ลูกค้นพบตัวเองเร็ว เร็วมาก เร็วกว่าเด็กวัยเดียวกัน แต่อย่างเด็กวัยเดียวกันบางคนเขาก็จะโดดเด่นเรื่องกีฬา เรื่องดนตรี เรื่องศิลปะ หรือแม้แต่ว่าไปเน้นการเรียนเลยก็มี เหมือนกันนะคะ แต่บางคนก็มีบ้างที่ไม่รู้ตัวเองว่าชอบกิจกรรมอะไร แม่ก็ถือว่าเป็นโชคดีของน้อง แม่คิดว่ามันเป็นพรสวรรค์ เขาเป็นของเขาเอง

การเลียนแบบอาจจะมาจากคนใกล้ตัวซึ่งคุณแม่ไม่แต่งหน้าเลย แต่น้องจะอาศัยคอยดูยูทูป อย่างภาษาอังกฤษเขาก็จะได้มาจากมในยูทูปเพราะว่าเขาฟัง พอฟังบ่อยๆ เรื่อยๆ เขาก็จะจำได้ มีหลายคนจะสอบถามเรื่องภาษาของน้องแพรว่าน้องแพรเก่งภาษาอังกฤษ จริงๆ น้องแพรก็เรียนธรรมดา เรียน EP สองภาษา แต่ไม่ได้เรียนอินเตอร์ แต่ภาษาคงได้มาจากในคลิปด้วยเพราะเขาชอบดู ชอบฟังบ่อยๆ ฟังซ้ำๆ ค่ะ

น้องแพร : หลายคนบอกน้องแพรมีพรสวรรค์แต่พรสวรรค์จริงๆ แล้วน้องแพรมีมาแค่นิดเดียว แต่ที่เหลือมาจากที่น้องแพรไปหาเทคนิคเพิ่ม และน้องแพรก็พัฒนาฝีมือด้วยการไปเรียนค่ะ คือเรามีพรสวรรค์แต่อีกส่วนหนึ่งเราต้องเรียนรู้ด้วยตัวเองด้วยค่ะ

        • นอกจากกิจกรรมการแต่งหน้าที่ชื่นชอบแล้ว แล้วเรื่องเรียนล่ะคะเป็นยังไงบ้าง แบบนี้แบ่งเวลาให้กับเรื่องการเรียนและกิจกรรมที่ชอบยังไงบ้างคะ

น้องแพร : น้องแพรชอบการเรียนนะคะ ก็ดี สนุกดีค่ะ เกรดจะอยู่ที่ 4.00 ทุกปีค่ะ แต่ไม่รู้ว่าปีนี้จะตกไหม (หัวเราะ) น้องแพรจะแบ่งเวลาให้กับกิจกรรมที่ชอบกับการเรียนแต่ว่าการเรียนยังไงก็ต้องมาก่อนอยู่แล้วค่ะ คือหนูจะต้องกลับมาเครียร์การบ้านก่อน หรือไม่ก็เหลือไว้นิดนึงมา live ก่อนแล้วก็กลับไปทำ

คุณแม่ : แม่จะคอยช่วยแบ่งเวลาให้ด้วยค่ะแต่ช่วงหลังๆ น้องแพรมีน้องแม่ก็จะต้องแบ่งเวลาไปเลี้ยงลูก น้องแพรก็จะต้องแบ่งเวลาและดูแลตัวเองเพิ่มขึ้นเพราะจากที่แม่ดูแลเขาคนเดียวก็ต้องแบ่งเวลาให้น้องเขาด้วย แม่จะเน้นเรื่องเรียนของน้องแพรมากกว่า อย่างวันธรรมดาแม่จะไม่ให้เล่น แต่ก็จะมีแอบดูละคร ดูคลิปแล้วทำการบ้านไปบ้าง หมดเวลาแม่ก็จะบอกว่าน้องแพรพอแล้วนะแม่เก็บโทรศัพท์แล้วนะ

ส่วนกิจกรรมที่เขาชอบก็จะให้ทำ ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ แม่จะปล่อยเขาบ้างแต่ว่าการบ้านจะต้องเสร็จนะคะ ต้องรับผิดชอบงานหลักก่อน สิ่งที่ชอบ งานอดิเรกก็ไว้ทีหลัง คือกิจกรรมหรืออะไรที่ชอบทำได้ แต่หน้าที่หลักต้องห้ามเสีย ปิดเทอมก็จะได้ live เยอะขึ้น

แม่ว่ามันมีทั้งโทษและประโยชน์นะคะ การปล่อยเด็กไว้กับสื่อมันมีสองด้านอยู่แล้ว เราก็ต้องคอยดู คอยควบคุม ถ้ามากไปแม่ก็ดุค่ะ ไม่ใช่ไม่ดุ หลังฉากนี่ทะเลาะกันประจำ ต้องคอยดูเพราะเขาก็ยังคือเด็กคนหนึ่ง ยังไงเขาก็คือเด็ก เขาก็ยังอยากดู อยากเล่นอะไรไปตามเรื่อง มากไปก็ต้องโดนว่าเพราะบางทีดึกแล้วก็มี

        • โตขึ้นอยากเป็นอะไร มีความฝันอยากเป็นเมคอัพอาร์ทิสต์หรือเปล่าคะ

น้องแพร : น้องแพรอยากรับจ้างแต่งหน้าค่ะ ซึ่งถ้าเป็นไปได้น้องแพรก็อยากเป็นครูสอนแต่งหน้าด้วยค่ะ เพราะน้องแพรรักและอยากอยู่กับการแต่งหน้า แต่ถ้าอย่างอื่นที่ไม่ใช่การแต่งหน้าน้องแพรอยากเป็นไกด์ค่ะ เพราะชอบภาษา อยากพาแม่เที่ยวด้วยค่ะ ก็คือรวมๆ หนูอยากอยู่กับการเมคอัพและอยากเป็นไกด์ค่ะ

คุณแม่ : แม่บอกน้องแพรอย่าทิ้งแม่นะลูก ไปไหนพาแม่ไปด้วยนะ (หัวเราะ) เพราะแม่ชอบเที่ยว ก็มีแพลนอยากให้เขาไปเรียนภาษาเพิ่มอยู่ค่ะ

        • รู้สึกยังไงที่มีคนมาคอยติดตามและเรียกเราว่าเมคอัพ อาร์ทิสต์รุ่นจิ๋ว

น้องแพร : น้องแพรดีใจมากและก็อยากขอบคุณพี่ๆ ทุกคนที่คอยติดตาม คอยชื่นชม คอยติน้องแพร น้องแพรรู้สึกดีใจและภูมิใจในตัวเองมากค่ะที่คนอื่นมองว่าน้องแพรแต่งหน้าสวย ดีใจและภูมิใจในตัวเองมากๆ เลยนะคะ มาถึงจุดนี้ได้ยังไงก็ไม่รู้ แต่ก็น่าจะมาเพราะด้วยความพยายามของหนู มาด้วยความรัก

ตรงนี้ทำให้หนูมีโอกาสได้เจอพี่ๆ เมคอัพ อาร์ทิสต์หลายคน ไม่ว่าจะเป็นพี่แพรี่พาย พี่โมเม อย่างพี่แพรี่พายหนูเจอตอนที่พี่เขาไปสอนแต่งหน้าเป็นคราสที่ห้างสรรพสินค้าก็เลยไม่ได้พูดคุยกันเท่าไหร่ ส่วนพี่โมเมมีโอกาสไปเจอกันในรายการ พี่เขาก็ชมว่าหนูเป็นเด็กตัวแค่นี้แต่แต่งหน้าเก่งมากๆ เลย ก็ดีใจค่ะ

ตอนนี้ก็มีแฟนคลับบ้าง มีสองคนค่ะ (หัวเราะ) ก็มีเยอะนะคะ มีทั้งคนไทยบ้าง ต่างประเทศบ้าง ก็จะมีแฟนคลับแอบส่งของมาให้ด้วยค่ะบางทีหนูก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร มีพี่ก็ซื้อเสื้อกันหนาวให้ มีป้าที่อยู่เชียงใหม่ก็โอนเงินมาให้ตอนปีใหม่ ล่าสุดมีแฟนคลับจากซาอุอาระเบียโทรมาหาด้วยค่ะ มาเลเซีย โมรอกโก อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น โทรจากอังกฤษก็มี

อย่างในเพจมีคนติดตามหนูเกือบหกแสนคน ในยูทูปตอนแรกประมาณ 20,000 คนได้ค่ะ ตอนนี้จะเกือบแสนแล้วก็ดีใจ คือตอนแรกหนูไม่ได้ดูยอดคนติดตามเลยนะคะ จะลงคลิปอย่างเดียว หนูไม่ได้หวังดัง แค่อยากทำไปเรื่อยๆ ทำด้วยความชอบจริงๆ แต่คนไม่ชอบก็เยอะมากๆ เหมือนกันนะคะ (หัวเราะ)

        • คนไม่ชอบเยอะมาก? คือบางกระแสก็ชื่นชม แต่ในทางกลับกันบางกระแสก็ไม่ชอบแบบนี้มีวิธีรับมืออย่างไรบ้างคะ

คุณแม่: มีคนมาชื่นชมลูกแม่ก็รู้สึกดีใจนะคะ ลูกมีคนรักแม่ก็ดีใจไปกับเขาด้วย ภูมิใจมากๆ ค่ะ ที่ลูกเอาความชอบมาทำจนได้ดี ก็ได้ลบคำสบประมาทไปด้วยเพราะว่าคนที่ไม่ชอบน้องก็เยอะ มันมีสองด้านเนอะ

ตอนเล็กๆ เลยใครมาทักเขาเรื่องแต่งหน้าเขาจะไปอยู่ข้างหลังแม่เลย น้องเขาจะหน้างอเลย โกรธ ไม่พูดไม่คุยเลยเพราะว่าเขาเห็นในสื่อ ในยูทูป คอมเม้นท์มาไม่ดี เขาก็จะรู้สึกว่าไม่รู้ใครมาว่าเขาเพราะตอนนั้นเขาก็ยังเด็กมากๆ เลย ฉะนั้นใครทักจะไม่ได้เลยหน้าจะเปลี่ยนทันทีเพราะเขาไม่รู้เหตุผลว่า ใครว่า ว่าทำไม แต่แม่จะค่อยๆ สอน เขายังเด็กเขายังรับการต่อต้าน การถูกว่าไม่ได้หรอกค่ะ ถามว่าทุกวันนี้สตรองขึ้นไหมก็เยอะแล้วนะคะ แต่ว่าก็ยังไม่เต็มร้อยหรอกค่ะ พอมีคนมาว่าเขาก็จะพูดประมาณว่าโดนว่าอีกแล้ว ก็จะบ่นๆ บ้าง

ส่วนมากคนที่เข้ามาว่าเขาจะใช้คำพูดที่รุนแรง คำหยาบ แม่ก็จะปลอบจะถามว่าเราเป็นแบบที่เขาพูดไหมลูก ถ้าเราไม่เป็น ก็ช่างเขาปล่อยเขาไป เขาอยากว่าก็ให้เขาว่าไป ส่วนอันไหนที่เป็นเรื่องจริงเราก็ต้องโอเค ต้องยอมรับ อย่าไปคิดมาก ปล่อยเขา เมื่อก่อนแม่ก็รับไม่ได้เหมือนกันนะคะ ก็พิมพ์ไปว่าบ้าง อย่างตอน live สดก็มีแรกๆ มีคนพิมพ์มาเขาก็จะรับไม่ค่อยได้ หน้าเขาก็จะเครียด ไม่ค่อยยิ้ม แม่ก็จะบอกว่าน้องแพรไม่เป็นไรลูกทีหลังเขาเข้ามาน้องแพรก็ไม่ต้องอ่าน ให้ข้ามไปแต่บางทีก็อาจจะมีเผลอไปอ่านเราก็ไม่ต้องหงุดหงิด ถ้าเผลออ่านก็อ่านไปเลย ให้บอกว่าชื่อนี้เขาว่ามาแบบนี้เราก็ขอบคุณค่ะแล้วก็บล็อกเขาไปเลย หลังๆ มาเลยบอกเอาใหม่ก็ขอบคุณค่ะเขาไปเลยแต่ไม่ต้องบล็อกนะ อย่างมีบางคนว่าอะไรสักอย่างน้องแพรก็จะบอกประมาณว่ามาๆ มาดูเดี๋ยวน้องแพรแต่งให้ดู เหมือนเอาความสามารถเอาชนะเขาว่าเราไม่ได้ทำเล่นๆ อย่างมีคนว่าน้องแพรก็จะมีคนมาช่วยน้องแพร น้องแพรก็จะบอกว่าพี่ๆ ไม่ต้องสนใจนะคะมาดูหนูดีกว่า หลังๆ น้องแพรก็จะไม่ค่อยอะไรมากกับเรื่องโดนว่าเท่าไหร่แล้วค่ะ

เรื่องที่น้องแพรร้องไห้จะเป็นเรื่องที่คอมเม้นท์ในยูทูปมากกว่าเพราะส่วนใหญ่จะเป็นคำแรงๆ คำหยาบมากกว่า แม่เห็นเองแม่ยังโกรธเลย อย่างบางคนไม่ได้ติดตามว่าน้องทำอะไร บางคนก็นึกว่าน้องแพรวันๆ เอาแต่นั่งแต่งหน้า หรือไม่ก็แต่งหน้าไปโรงเรียน ประเด็นนี้เยอะมาก (ลากเสียงยาว) อย่างน้องแพรใส่แหวนข้างขวาเวลาถ่ายมันเหมือนไปอยู่ด้านซ้ายเขาก็จะถามว่ามีแฟนแล้วเหรอ อะไรประมาณนี้ค่ะ

คนว่าแก่แดดเยอะมาก จะว่าแก่แดดไหมเราก็ไม่รู้ ไม่ได้คิดตรงนั้น เราคิดแต่ว่าเราดูอยู่ ลูกเราไม่ได้ออกไปไหน ไม่ได้แต่งหน้า แต่งตัวออกไปเที่ยวกับเพื่อน ไม่ได้อะไรที่มันเกิดเด็ก เขาแค่ชอบทางนี้ ซึ่งที่บ้านก็เปิดใจพอสมควร ซึ่งแรกๆ อย่างทีบอกเราก็กลัวเหมือนกันกลัวว่าหน้าเขาจะเสียแต่เราก็ต้องดูแล ไม่ใช่ว่าเราไม่ห่วง เราก็ห่วงค่ะเพราะเขายังเด็ก

ตอนเด็กๆ 6-7 ขวบน้องก็มีท้อนะคะไม่อยากแต่งแล้ว แต่ก็อดไม่ได้ทำอีก เหมือนเมื่อก่อนเขาจะอ่านคอมเม้นท์ทีนึงแม่ก็จะเตือนว่าอ่านทำไม ไม่ต้องไปอ่านหรอก อ่านแล้วจะจิตตกป่าวๆ เลือกที่จะไม่รับเข้ามาดีกว่าเพราะรับเข้ามาแล้วมันก็ยากแล้วที่จะเอาออกไปเพราะว่าเขายังเด็กเขาก็ไม่มีวิธีที่แข็งแรงขนาดนั้น ป้องกันตัวเองขนาดนั้น จะค่อยๆ สอนไปเรื่อยๆ ทุกวันนี้ก็จะแกร่งขึ้นเยอะแล้วค่ะ (ยิ้ม)

น้องแพร : น้องแพรก็เคยไปนั่งอ่านคอมเม้นท์แล้วก็แอบไปนั่งร้องไห้ น้ำตาไหลเลยก็มีค่ะ แต่ตอนนี้น้องแพรก็โอเคขึ้นเยอะแล้วค่ะ (ยิ้ม)

ภาพจาก : Page Facebook : น้องแพรพาเพลิน
ภาพจาก : Page Facebook : น้องแพรพาเพลิน
ภาพจาก : Page Facebook : น้องแพรพาเพลิน
ภาพจาก : Page Facebook : น้องแพรพาเพลิน
คลิปแรกๆ ของน้องแพรพาเพลินที่ทำให้หลายคนรู้จัก


คลิปผลงานการแต่งหน้าของน้องแพรพาเพลิน



Profile

ชื่อ : ณัฏฐนันท์ สนุ่นรัตน์
วันเกิด : 9 เมษายน พ.ศ. 2550
อายุ : 9 ขวบ
การศึกษา : โรงเรียน สฤษดิเดช จันทบุรี
ติดตามผลงานได้ที่ : Nongparepaplern, Page Facebook : น้องแพรพาเพลิน, Yotube Pareploy sanunrat / น้องแพรพาเพลิน
เรื่อง : วรัญญา งามขำ
ภาพ : พลภัทร วรรณดี

กำลังโหลดความคิดเห็น