ถึงตอนนี้ คงไม่ต้องลุ้นกันให้เหนื่อยอีกต่อไป เพราะดูเหมือนว่าเสียงต่อต้านที่เคยดังสนั่นโลกออนไลน์จะไม่มีความหมายแล้ว สำหรับโรงภาพยนตร์เอเพ็กซ์ 2 โรงสุดท้ายในกรุงเทพฯ ใจกลางกรุงบริเวณย่านสยามสแควร์ อย่าง "ลิโด้" และ "สกาลา" ล่าสุดหมดสัญญาเช่าพื้นที่ และเตรียมที่จะปิดตัวลงในปี 2561 นี้ อีกทั้งยังมีข่าวทุบ "สกาลา" จนเกิดกระแสทวงคืนคุณค่าทางวัฒนธรรมกันขึ้น
สำหรับ "ลิโด้" นั้น ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าจะทุบทิ้ง และเนรมิตให้เป็นห้างสรรพสินค้าอีกแห่งเพื่อให้พื้นที่กว่า 60 ไร่บริเวณนั้นกลายเป็น "แหล่งชอปปิ้งสตรีททรงสูง" ได้อย่างที่เจ้าของกรรมสิทธิ์ต้องการ ส่วน "สกาลา" โรงภาพยนตร์ในเครือเอเพ็กซ์ (Apex) อีกแห่ง แม้แว่วๆ เรื่องขอขึ้นทะเบียนเพื่ออนุรักษ์ตัวอาคารกันอยู่ แต่ใจยังเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ ไม่น้อยกับข่าวที่จะทุบทิ้งในปี 61
"นี่สกาลานะ! จะทุบได้ลงคอจริงๆ เหรอ? จิตใจทำด้วยอะไร?" คือความรู้สึกของ "วีเจจ๋า-ณัฐฐาวีรนุช ทองมี" ที่ทำใจไม่ได้หากโรงหนังแห่งนี้ถูกทุบทิ้ง หลังเตรียมปิดตัวในเดือนมิถุนายน ปี 2561 ขณะที่ "ลิโด้" จะปิดตัวก่อนในเดือนพฤษภาคมปีเดียวกัน เนื่องจากหมดสัญญาเช่าพื้นที่กับสำนักงานจัดการทรัพย์สิน จุฬาฯ
เช่นเดียวกับสถาปนิกชื่อดัง "ดวงฤทธิ์ บุนนาค" วิจารณ์เรื่องดังกล่าวผ่านเฟซบุ๊ก โดยระบุว่า เสียดายที่สถาบันการศึกษาที่สร้างวิชาชีพสถาปัตยกรรมขึ้นมาในประเทศไทย กลับไม่เห็นค่าอาคารหลังนี้แม้แต่น้อย และวางแผนที่จะรื้อมันในปีหน้า
"ไม่สงสัยเลยว่าทำไมบัณฑิตจากสถาบันนี้ ถึงได้มี "ปัญญา" น้อยลงทุกวัน
มันเริ่มมาจากอาจารย์ที่มี "ปัญญา" น้อยลงนี่เอง รากของปัญญานั้นเกิดมาจากอดีตในฐานะบริบทที่สร้างความเป็นไปได้สำหรับอนาคต การอยู่กับอดีตโดยไม่ใช่ฐานะของต้นกำเนิด แต่ในฐานะบริบท เป็นหนทางเดียวที่จะพาเราไปสู่อนาคตใหม่ๆได้
ในวาระที่สถาบันการศึกษาตื่นตัวที่จะกลายมาเป็นนักพัฒนาที่ประสบความสำเร็จ ไม่ใช่ด้วยฝีมือ แต่เป็นเพราะ location ชั้นยอดที่ล้นเกล้าฯรัชกาลที่ 5 มอบให้ไว้เพื่อประโยชน์แห่งการศึกษาต่างหาก และในช่วงเวลาแห่งการพัฒนานั้น โรงหนังสกาล่าก็ถือกำเนิดขึ้นในฐานะบริบทใหม่ของการศึกษาสถาปัตยกรรม ขอบคุณเจ้าของโรงหนังที่รักษามันไว้ในสภาพที่ดีเยี่ยม เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิตที่ทรงคุณค่าแห่งหนึ่งในประเทศไทย
เสียดายที่ว่า สถาบันการศึกษาที่สร้างวิชาชีพสถาปัตยกรรมขึ้นมาในประเทศไทย กลับไม่เห็นค่าอาคารหลังนี้แม้แต่น้อย และวางแผนที่จะรื้อมันในปีหน้า
ช่วยกันแชร์ถ้าคุณรักสกาล่า
#SaveScala"
แน่นอนว่า ทุกสิ่งทุกอย่างมีเกิด มีดับ แต่เชื่อว่าหลายคนไม่อยากให้เกิดกับโรงหนังเก่าแก่ทั้งสองนี้ เพราะเสียดายในความคลาสสิก โดยเฉพาะ "สกาลา" ที่หากถูกทุบทิ้งคงน่าใจหายไม่น้อย โดยเฉพาะสถาปัตยกรรมที่ทางนิตยสารต่างประเทศยกให้เป็นโรงหนังที่สวยที่สุดในโลก แถมยังเคยได้รับรางวัลสถาปัตยกรรมดีเด่นจากสมาคมสถาปนิกสยามในปี 2555 อีกด้วย
ไม่แปลกที่พอมีข่าวว่าจะทุบโรงหนังแห่งนี้ทิ้ง ชาวโซเซียลฯ ทั้งคนรักหนัง และชื่นชอบในสถาปัตยกรรมแบบคลาสสิกต่างพากันติดแฮชแท็ก #SaveScala อีกครั้ง อาทิ เพจของกลุ่มสถาปนิกที่รักการออกแบบอย่าง Foto_momo แต่ทางเจ้าของโรงหนัง "สกาลา" อย่าง "นันทา ตันสัจจา" ดูเหมือนจะช่วยเซฟไว้ไม่ไหวแล้ว เพราะมีรายงานว่า เตรียมที่จะเอาส่วนประกอบทางสถาปัตยกรรมของโรงหนังสุดคลากสิกแห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็น ห้องตั๋ว, เสา, เพดาน, โคมไฟ, เก้าอี้ และอื่นๆ ภายในโรงหนัง ไปสร้างที่ "สวนนงนุช" พัทยา ซึ่งเป็นของน้องชาย "กัมพล ตันสัจจา"
สำหรับโรงหนัง "สกาลา" เป็นอาคารที่ออกแบบโดย พ.อ.จิระ ศิลป์กนก เปิดเมื่อ 31 ธ.ค. 2512 ฉายภาพยนตร์เรื่อง The Underfeated หรือชื่อไทยคือ “สองสิงห์ตะลุยศึก” เป็นเรื่องแรก ภายในโรงหนังประดับลวดลายศิลปะ Art Deco ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น คือ เสา และฝ้าเพดานสีทอง พร้อมทั้งแขวนแชนเดอเลียร์ขนาดใหญ่ ซึ่งต่อจากนี้อาจไม่หลงเหลือให้เห็นอีกแล้ว เพราะสุดท้าย เสียงของประชาชนที่ออกมาต่อต้านปาวๆ ยังไงๆ ก็คงเบากว่าเงินของ "นายทุน" วันยังค่ำ...