ชื่อ “จิ๋ว” แต่ “นม” ไม่จิ๋ว ด้วยขนาดเต้า 600 ซีซี ไม่แปลกที่ใครหลายคนจะตกตะลึงจนหลุดอุทานออกมาเสียงดัง ไม่เพียงแต่ผู้ชาย ผู้หญิงยังโอ้...ว้าว! มันใหญ่มาก หรือต่างชาติยังร้องโอ้มายก็อด เรากำลังพูดถึง “จิ๋ว” ภัทรญา ชญากรนันทร์ สาวอุดรฯ วัย 25 ปีที่ปังจากกระแสคลิป “นมยาน” และตอนนี้สังคมกำลังจับจ้องและตัดสินตัวตนจากขนาด “เต้า” ของเธอ
พูดได้เต็มปาก มีวันนี้ เพราะ “นม”
“เพราะนมเลยจริงๆ ค่ะ (หัวเราะ)” จิ๋วเอ่ยขึ้นในชุดเดรสสายเดี่ยวสีส้ม เปิดให้เห็นเนินนมสุดเซ็กซี่ขยี้หัวใจ ก่อนจะเผยให้ฟังต่อไปว่า คลิป “นมเด้งสโลโมชัน” เป็นจุดเริ่มต้นสู่กระแสวิพากษ์วิจารณ์เรื่อง “นมยาน” และอีกสารพัดคำติเรื่องความพิการทางนม ตกผลึกเป็น “จิ๋ว 600 ซีซี” ที่ใครหลายคนติดตามทั้งเข้ามาส่อง เข้ามาชม และเข้ามาด่าไปพร้อมๆ กัน
“คลิปนมสโลโมชันเมื่อช่วงเดือนสิงหาคม คือจุดเริ่มต้นของความเป็นจิ๋ว 600 ซีซีค่ะ เป็นคลิปที่จิ๋ววิ่งสโลโมชัน ทำให้นมสั่นไหวกลายเป็นจุดสนใจขึ้นมา นำไปสู่กระแสดรามาทั้งบวกและลบ โดยเฉพาะประเด็น “นมยาน” ที่มีคนพูดถึงกันเยอะมาก (หัวเราะ) ทางเพจที่จิ๋วไปถ่ายก็รู้สึกกังวล กลัวว่าเราจะไม่โอเค ทักมาถามว่าจิ๋วโอเคมั้ย ให้พี่ลบออกมั้ย เราก็บอกไม่เป็นไรค่ะ ไหนๆ ก็มาถึงขั้นนี้แล้ว จิ๋วว่าเราปล่อยไปดีกว่า หลังจากนั้นผ่านไปไม่กี่วัน คนดูคลิป 5 ล้านวิว จิ๋ว 600 ซีซีก็ถือกำเนิดขึ้น”
สาวน้อยผู้มีนมอันเป็นเอกลักษณ์ เล่าด้วยความเฟรนด์ลี่ อารมณ์ดี ว่าแม้นมจะเป็นจุดเด่นกว่าส่วนอื่น แต่หน้าตาก็สวยหวานจนอดสงสัยไม่ได้ว่าสวยธรรมชาติหรือสวยด้วยมีดหมอ แต่ก่อนจะลงลึกไปกว่านั้น “นม” ของเธอมีประวัติที่น่าสนใจ และเธอก็พร้อมจะเปิดอก เอ๊ย! เปิดใจถึงเบื้องหลังของ “เต้า” ที่ใครหลายคนอยากรู้ แม้มันจะไม่ใช่สาระอะไรเลยก็ตาม
“สองเต้านี้ (ทำท่าดันนม) เข้าปีที่สองแล้วค่ะ ถามว่าคิดยังไงถึงทำ ต้องบอกก่อนว่าจิ๋วเป็นคนอกใหญ่อยู่แล้ว แม่ให้มาก็ 36 แล้วค่ะ (ยิ้มเขินๆ) แต่ตอนที่ตัดสินใจทำ ยอมรับเลยว่าทำตามกระแส คือตอนนั้นกำลังฮิตกันมาก เราจึงตัดสินใจไปทำ 450 ซีซีก่อน แรกๆ ก็สวยนะ หลังๆ เริ่มมีปัญหา พังผืดเริ่มมา นมเริ่มห่าง หัวนมชี้ไปคนละทิศละทาง พอไปแก้ก็บอกหมอว่าเจ็บตัวทั้งทีขอเป็น 600 ซีซีเลยละกัน
ตอนแรกที่ทำออกมาก็ตกใจนะ มันใหญ่มาก (ลากเสียงยาว) ปกติเป็นคนฐานนมต่ำ และไม่ค่อยใส่ชุดชั้นในอยู่แล้ว นมของจิ๋วก็เลยดูยานๆ ผิดแปลกไปจากชาวบ้าน แต่ส่วนตัวเรามองว่ามันก็ไม่ได้ยานมากนะ พอใส่ชุดชั้นในแล้วก็ดูโอเค แต่คลิปที่เป็นกระแส เราไม่ได้ใส่ชุดชั้นในไง มันก็เลยดูยานๆ ซึ่งตอนที่จิ๋วตัดสินใจทำ เราชอบทรงนี้ และไม่ได้ทำเพื่อเอาใจใคร หรือทำเพื่อจะเดินสายพริตตี้ เน็ตไอดอล จิ๋วทำเพราะชอบทรงนี้จริงๆ
ส่วนการแต่งตัวที่เห็นว่าเซ็กซี่จนบางภาพอาจดูหวือหวานั้น “จริงๆ แล้ว จิ๋วไม่ใช่คนที่แต่งตัวเซ็กซี่ตั้งแต่แรก ถ้ามีถ่ายงานก็เซ็กซี่เพราะตัวงาน แต่ชีวิตจริงไม่ได้อะไรแบบนั้นเลยค่ะ ลำพังแค่นม คนก็มองจนบางครั้งอยากจะบอกว่า มองหน้าบ้างก็ได้นะคะ (หัวเราะ)” พูดจบก็เผยถึงสองเต้าที่ต้องแลกมาด้วยความเจ็บปวด ดังนั้นใครอยากทำนมเธอบอกว่าต้องไตร่ตรองดูให้ดีๆ
“เราเลือกเองอะเนอะ เจ็บก็ต้องทน เงินก็ต้องจ่าย ทำสองครั้ง ไหนจะแก้อีก หมดไปเป็นแสนๆ เสื้อผ้า ชุดชั้นในก็หาซื้อยาก คือมันมีทั้งดีและอุปสรรคในการใช้ชีวิตนะ ถ้าใครคิดจะทำ ลองดูดีๆ ค่ะ เลือกหมอ เลือกขนาด เพราะทำแล้วมันอาจผิดคาด หรือไม่พอใจได้ แล้วตอนไปแก้มันก็ต้องเสียเงิน เสียเวลาเข้าไปอีก” เธอบอก
เต้าเรียกทรัพย์! “นมยาน” สู่ “นมปัง”
แม้จะโดนกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า “นมยาน” แต่ก็จุดกระแส “นมปัง” ให้มีงานเข้ามาไม่ขาดสาย เริ่มจากงานรีวิวสินค้า ตามมาด้วยงานถ่ายแบบ และไลฟ์สดตามงานต่างๆ
“พอคลิปนมกระเพื่อมดังในชั่วข้ามคืน ผ่านไป 3 วันมีคนส่งสินค้ามาให้รีวิว 20 ตัว ตอนนั้นยอมรับเลยว่าไม่รู้เรื่องการรีวิวสินค้าอะไรเลย เพราะหนูไม่ใช่เน็ตไอเอล หนูไม่ใช่พริตตี้ เรตราคาเราก็ไม่มีความรู้เลย ใครที่ให้จิ๋วรีวิวในช่วงนั้นคือ คุณคุ้มมากๆ (หัวเราะ) ส่วนคลิปก็ทำกันไม่ทัน เพราะมีงานเข้ามาให้ทำเยอะมาก”
ไม่ถามไม่ได้ นอกจาก “นม” แล้ว หน้าสวยๆ ผ่านอะไรมาบ้าง “มีจมูกกับตาที่ผ่านมีดหมอเท่านั้น” เธอยอมรับ “ส่วนหน้าก็มีโบท็อกซ์บ้างอะไรบ้าง ได้การดัดฟันช่วยให้หน้าเรียวบ้าง เพราะถอนฟันไปเกือบ 10 ซี่”
ปัจจุบันทำธุรกิจที่สานต่อมาจากครอบครัว (รับซื้อพืชผลทางการเกษตร เช่น ข้าว มัน รวมถึงขายปุ๋ยด้วย) ควบคู่กับการถ่ายแบบ หรืองานไลฟ์สดต่างๆ ก่อนจะย้ำว่าไม่รับงานพริตตี้ ไม่รับงานกินข้าว เพราะไม่ใช่ทาง และไม่คิดจะเดินสายนี้อยู่แล้ว
“จิ๋วช่วยธุรกิจครอบครัวมาตั้งแต่อายุ 19 ปี ก่อนนมจะพาดังจนมีงานถ่ายแบบ ไลฟ์สดเข้ามา ต้องบอกก่อนว่า จิ๋วมีความชัดเจนในขอบเขตงาน เคยมีคนมาติดต่อให้ไปกินข้าว บางคนนี่ทุ่ม 3-4 หมื่นเลยนะ หรือบางคนโอเค ไม่รับกินข้าว แต่ไปถ่ายนู้ด หรือขอถ่ายส่วนตัวแทนได้มั้ย โอ้โห! ทักเข้ามากันเพียบเลย แต่จิ๋วรู้ทาง รู้ทัน
บางคนจะเอาโน่นเอานี่ ให้ใส่ชุดนอนใสๆ ถามว่าต้องปิดจุกมั้ย เราก็ตอบกลับไปว่าต้องปิดสิคะ ไม่ปิดได้ไง จากนั้นก็ไม่ตอบอีกเลย เพราะเราไม่โอเคกับคนกลุ่มนี้ ส่วนตัวเรามองว่ามันเยอะเกินไป ไม่เฉพาะแต่คนไทยนะคะ ฝรั่งก็เข้ามาเยอะเหมือนกัน เราไม่เล่นด้วยก็ส่งภาพไอ้จ้อนมาให้ดู แบบ..โรคจิตมาก (ทำหน้าเซ็งๆ)”
นมใหญ่ ใช่ว่าจะแรดเสมอไป!
แม้จะดูเป็นสาวแรงๆ บวกกับขนาดนมที่หนุ่มๆ เกิดอาการหวั่นไหวจนบางคนอาจจินตนาการไปไกล ไม่แปลกที่ใครจะมองว่าเป็นเธอเป็นผู้หญิงเปิดเผย เข้าถึงง่าย ทั้งที่จริงๆ แล้ว “จิ๋ว” มีโลกส่วนตัวสูงมาก ที่สำคัญเธอเติบโตในครอบครัวที่ค่อนข้างเคร่งในเรื่องของการแต่งตัว โดยเฉพาะคุณแม่ที่จะคอยคุมเข้มในเรื่องนี้อยู่ตลอด
“ตอนอยู่บ้านที่อุดรฯ จิ๋วจะเป็นอีกลุคหนึ่งเลย ใส่เสื้อยืดกางเกงยีนส์ เพราะเราต้องคุมลูกน้อง ต้องติดต่องาน แล้วอีกอย่างด้วยความที่นมเราใหญ่ เราก็ต้องหาเสื้อผ้าตัวใหญ่ๆ เพื่อให้ภาพลักษณ์เราดูเหมาะสม พูดง่ายๆ คือ ขาสั้นยังไม่ใส่เลย ชุดนอนก็ขายาว แม่บอกว่าอยู่ที่บ้านห้ามแต่งโป๊เด็ดขาด ใส่แขนกุดไปธนาคารยังไม่ได้เลยค่ะ แต่ถ้าเป็นที่อื่นก็ไม่ว่าอะไรนะ แค่ต้องมีขอบเขต
แม้ช่วงแรกๆ ที่ทำงานถ่ายแบบ ไลฟ์สดจะโดนดุบ้าง แต่หลังๆ แม่ก็เริ่มเข้าใจค่ะ รู้ว่ามันเป็นงาน แม่ก็โอเค เพราะส่วนตัวจิ๋วก็มีขอบเขตอยู่แล้วค่ะ อย่างเวลามาเดินซื้อของในศูนย์การค้า จิ๋วไม่เคยใส่โป๊มาเดินเลยนะ ใครที่รู้จักจิ๋ว ถ้าเจอจิ๋วในห้างจะเห็นจิ๋วใส่แต่เสื้อผ้าตัวใหญ่ๆ บางครั้งหน้ายังไม่แต่งเลยค่ะ ส่วนงานที่รับเราให้ได้แค่ท็อปบาร์กับกางเกงยีนส์ขาสั้น แต่หลังๆ ไม่ค่อยรับแล้วค่ะ เพราะมันดูเกลื่อน เดี๋ยวมันจะดูไม่แพง (ยิ้ม) อย่างนิตยสาร ALLURE ที่จะลงล่าสุด เซ็กซี่นะ แต่ก็ยังดูแพง”
แฟน? ไม่ได้เปิด แต่ก็ไม่ได้ปิด
“เรื่องนี้จิ๋วไม่ได้ปิดนะคะ เพียงแต่ไม่ได้บอกให้ใครรู้ เพราะอยากให้โฟกัสที่ตัวเรา และการทำงานของเรามากกว่า” จิ๋วพูดถึงหวานใจที่นั่งอยู่ข้างๆ “ถ้าเป็นงานที่รู้จักกับทีมงาน หรือเจ้าของงานอยู่แล้ว จิ๋วไม่ค่อยพาแฟนไปด้วยนะ เพราะจะทำให้ทีมงานเกร็ง เนื่องจากเกรงใจแฟน (หันไปมองหวานใจที่นั่งอยู่ข้างๆ) แรกๆ เขาก็ไม่เข้าใจค่ะ แต่หลังๆ ก็เริ่มเข้าใจมากขึ้น ส่วนถ้าเป็นงานที่ไม่รู้จักใครเลย เราก็ต้องพาเขาไปด้วยอยู่แล้ว อย่างน้อยๆ ก็สร้างความอุ่นใจให้แก่เรา”
ถามว่าแฟนหึงหรือหวงมั้ย “เขารู้ค่ะว่าเราก็มีขอบเขต” เธอบอก “เพราะไม่ใช่เปลือยเกลื่อนตลาดหนังสืออย่างที่เห็นๆ กัน เพราะจิ๋วไม่ใช่สายนี้ จริงอยู่ที่เรามีนมเป็นจุดขาย แต่ก็ไม่ได้ขายจนหมดคุณค่าในตัวเอง อย่างเวลาเดินห้าง เรารู้ว่าเราควรโป๊หรือไม่ หรือเวลาเราไปเที่ยวเราควรเปิดแค่ไหน ไม่ใช่โป๊ไปซะทุกที่ โป๊แบบไม่รู้กาลเทศะ ซึ่งตรงนี้จิ๋วให้ความสำคัญมาก”
เซ็กซี่ได้ แต่อย่าขาด “สติ”
อย่างไรก็ดี เธอยอมรับว่า “โป๊” กับ “ขาย” มันไปด้วยกันได้จริงๆ แต่ “เซ็กซี่” ที่ดูแพง มันก็ขายได้เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเลือกแบบไหน แต่สำหรับเธอนั้น “มาสายเซ็กซี่ ก็ขอเซ็กซี่แต่ดูแพงแล้วกันค่ะ” จิ๋วบอก “เราดังมาจากคลิปกระโดดแล้วนมกระเพื่อม แรกๆ ก็ให้กระโดดจนเรารู้สึกเหนื่อยอะ (หัวเราะ) จากนั้นก็มีงานถ่าย รีวิวสินค้าเข้ามาเรื่อยๆ”
แน่นอนว่าเส้นทางสายนี้ หากคำว่า “ชื่อเสียง” พัดผ่านเข้ามา อาจทำให้ใครบางคนหลงระเริงไปกับมัน และใช้โอกาสนั้นเปลืองจนในที่สุดชื่อเสียงที่เข้ามาก็ถูกพัดผ่านให้หายไปโดยไม่เกิดประโยชน์อะไร เช่นเดียวกับ “จิ๋ว” ที่บางครั้งสนุกกับงานจนลืมตัว แต่โชคดีมีผู้ใหญ่คอยดึงสติไม่ให้หลุดกรอบจนเกินงาม
“ผู้ใหญ่ท่านนี้ก็คือคุณหมอที่ทำหน้าให้จิ๋วค่ะ จิ๋วรู้จักกับคุณหมอมา 3 ปีแล้ว คุณหมอก็จะคอยบอกว่า จิ๋ว มันดูไม่แพงแล้วนะ จิ๋วลดลงตรงนี้นะ เวลาไลฟ์สดจิ๋วลดลงบ้างนะ บางทีเราก็หลุดแรง พอมาย้อนดูคลิป เราแรงไปจริงๆ ด้วย หรือการถ่ายแบบก่อนหน้านี้ เราถ่ายเซ็กซี่เยอะมาก หลังๆ จึงต้องลดลงบ้างเพื่อไม่ให้มันดูเยอะไป”
“จิ๋ว 600 ซีซี” รุ่นนี้ทนฝนทนแดด
ปัจจุบัน “จิ๋ว” จบการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาการตลาดจากวิทยาลัยสันตพล จ.อุดรธานี นอกจากจะใช้วิชาความรู้สานต่อธุรกิจครอบครัวแล้วยังเคยเป็นนักแข่งรถมือสมัครเล่นรุ่นเลดี้อีกด้วย
“ส่วนตัวชอบความเร็ว ความแรงค่ะ เมื่อก่อนลงแข่งตลอด แต่ตอนนี้ไม่ได้ลงแข่งมา 3 ปีแล้วค่ะ” เธอเผยอีกมุมให้รู้ ก่อนจะเปิดให้เห็นตัวตนที่ชัดเจนยิ่งขึ้น “คนที่รู้จักจิ๋ว เขาจะรู้เลยว่าจิ๋วสายลุยมากๆ ค่ะ บอกได้เลยว่ารุ่นนี้ รุ่นทนแดดทนฝน (หัวเราะ) เพราะที่บ้านเลี้ยงดูมาในแบบให้ช่วยเหลือตัวเอง พึ่งพาตัวเองตั้งแต่เด็ก พูดง่ายๆ คือจิ๋วคิดเงินเป็นตั้งแต่อยู่ ป.3 ไม่เคยได้รับการตามใจ อยากได้อะไรก็เก็บเงินซื้อเอง เวลาเจอปัญหาเราก็สามารถรับมือและผ่านมันไปได้
ด้วยวิธีการเลี้ยงดูแบบนี้ จิ๋วจึงโตมาเป็นคนที่ไม่กลัว ไม่อ่อนแอ ซึ่งเรามีความคิดความอ่านเป็นผู้ใหญ่ตั้งแต่เด็ก เพราะทำธุรกิจจริงจังตั้งแต่อายุ 19 ปี เวลาเที่ยวเล่นไม่ค่อยมี เพราะต้องบริหารงานตลอด สมัยนั้นนอกจากรับซื้อข้าวแล้ว ยังรับซื้อยางสดด้วย ดึกๆ ขับรถพกมีดไปคนเดียว หอบเงินสดเป็นล้านๆ ไปซื้อยาง ดังนั้นสิ่งที่จิ๋วเจอมันสอนให้จิ๋วอดทน ไม่กลัวความลำบาก”
วงการนี้ขอแค่ชั่วคราว ไม่เอาถาวร!
เมื่อถามถึงอนาคตต่อจากนี้ “จิ๋วคงไม่ทำมันไปตลอด” เธอบอก “เพราะจิ๋วยังมีธุรกิจที่ต้องรับผิดชอบ เพราะถ้าหวังแค่ตรงนี้มันก็คงไม่ได้ แต่ในเมื่อโอกาสมาแล้วเราก็ต้องคว้าเอาไว้ จริงมั้ยคะ ช่วงนี้อาจมีงานเข้ามาเรื่อยๆ แต่อนาคตมันก็ไม่แน่ไม่นอน วันนี้ดัง วันหน้าอาจซา ไม่มีงานเข้ามาเลยก็ได้ แล้วอีกอย่างในวงการนี้ ถ้าเผลอตัวอาจหลงจนลืมตัวได้ เพราะคนที่เข้ามาหาจิ๋วระดับวีไอพีทั้งนั้นเลย
โชคดีที่พื้นฐานเราไม่ใช่คนง่าย ถ้าง่ายก็คงไปตั้งนานแล้ว (ยิ้ม) เพราะคนที่เข้ามา เขาเปย์เราได้สบายๆ เลยนะ แต่จิ๋วไม่เอา หนึ่งคือเราไม่ใช่คนแบบนั้น สองคือวงการนี้มันแคบ พ่อแม่เราไม่ได้สอนแบบนั้น คนอื่นอาจจะมองที่ตัวเงินของผู้ชาย สำหรับจิ๋ว เราอาย อาจเพราะจิ๋วทำงานหาเงินเองตั้งแต่เด็ก และสนุกกับการหาเงินเอง แม้จะแลกมาด้วยความเหนื่อยยาก แต่สิ่งที่ได้มันทำให้เรามีคุณค่า
ดังนั้น ผู้ชายที่เข้ามาโดยใช้เงินเป็นตัวล่อ สักวันเขาก็เอาเงินไปซื้อคนอื่นได้เหมือนกัน สู้ทำงานหาเงิน และอยู่กับคนที่รักเราจริงๆ ดีกว่า มันมีความสุขมากกว่า และไม่ต้องละอายแก่ใจในภายหลังด้วย ซึ่งมันก็น่าคิดนะว่า ในวันที่เรามีชื่อเสียง หรือเป็นที่รู้จัก คุณเข้ามาหวังอะไรจากเราหรือเปล่า คุณรักเราจริงหรือเปล่า แม้ใครบางคนจะเจอคนรวยที่รักจริง แต่คนรวยที่เห็นแก่ตัว หวังแต่ได้ก็ทำลายชีวิตใครหลายคนมาแล้ว ทางที่ดี ทำงานหาเงินด้วยความสุจริต ได้น้อยแต่ค่อยๆ เก็บ มันมีความสุข และมีคุณค่ามากกว่า”
ดูตัวละคร “ก้านแก้ว” จากซีรีส์หลงไฟก็ช่วยเตือนสติได้เหมือนกันนะ สำหรับคนที่ไม่รู้จักพอ จุดจบชีวิตจะเป็นอย่างไร จิ๋วไม่อยากเป็นแบบนั้น และไม่อยากให้ใครตกอยู่ในสถานะแบบนั้น แม้จะรับงานกินข้าวก็ตาม ส่วนตัวจิ๋วมองว่า จิ๋วไม่ทำ เพราะจิ๋วกลัวคนเอาไปนินทา ยอมทำงานเหนื่อย ค่อยๆ เก็บเงินไปทีละนิด มันภูมิใจมากกว่าเยอะ” สาวอกโตทิ้งท้าย เผยให้เห็นความคิด ที่ใหญ่กว่านมหลายเท่า แต่แค่คำพูดใครๆ ก็พูดได้ ต่อจากนี้คงต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ตัวตนของเธออีกที
เรื่อง : ปิยะนันท์ ขุนทอง
ภาพ : พลภัทร วรรณดี / เฟซบุ๊ก ภัทรญา ชญากรนันทน์