ใครจะไปเชื่อว่าคลิปวิดีโอเพียงแค่นาทีกว่าๆ จะทำให้ นางแก้วคำ สาวน้อยน่าฮักผมยาวชาวไทใหญ่วัย 20 จากเมืองล่าเสี้ยว รัฐฉาน ประเทศเมียนมา โด่งดังเป็นพลุแตกได้ในชั่วข้ามคืนทันทีที่คลิปแนะนำตัวเพียง 1.25 นาที ถูกแชร์! และปัจจุบันนี้ยอดคลิกทะลุล้านแล้วจ้า
นางแก้วคำ หรือชื่อเมียนมาว่า คิน ซานดิ จ่อ ซอ ที่ตอนนี้เป็นขวัญใจหนุ่มสยามไปแล้ว เพราะด้วยสำเนียงการ “พูดไต” ตามแบบฉบับไทใหญ่ที่เป็นเอกลักษณ์และ “ภาษาไต” ที่คล้ายกับสาวเหนือ ที่ฟังแล้วเคลิบเคลิ้มน่าฮักน่าเอ็นดู บวกรอยยิ้มที่เห็นแล้วใจแทบละลาย แถมกิริยามารยาทและการแต่งกายที่งดงามพร้อมยกมือไหว้อย่างเรียบร้อย
ฮอตกระหึ่มชายแดนไทย-พม่าขนาดนี้ ทีมผู้จัดการ Live จึงต้องรีบติดต่อขอสัมภาษณ์ เพื่อทำความรู้จักนางแก้วคำให้มากขึ้นเป็นการด่วน ต้อนรับสู่ CLMV!
หน้าสวย โปรไฟล์เลิศ
“เซอร์ไพรส์ และดีใจมากค่ะ ที่คลิปวิดีโอที่พี่คนไทยถ่ายหนูไว้โด่งดัง ทำให้นางแก้วคำเป็นที่รู้จักในเมืองไทย ขอบคุณทุกคนอย่างที่สุดที่ติดตาม”
นางแก้วคำ เล่าถึงวินาทีทราบข่าว และตกใจสุดแรง เพราะเพียงแค่ข้ามคืนยอดคนติดตามในเฟซบุ๊กส่วนตัวของเธอพุ่งเกือบครึ่งแสนจาก 2,000 คน พร้อมกับหนุ่มไทยมาขอแอดเฟรนด์อีกเพียบ!
บอกเลยโปรไฟล์เลิศ เพราะเธอเป็นนักศึกษาแห่งมหาวิทยาลัยทางการแพทย์ University of Medical Technology , Mandalay
“หนูมีพี่น้อง 3 คน เป็นคนโต บ้านเกิดอยู่ที่เมืองล่าเสี้ยว รัฐฉาน ตอนนี้เรียนอยู่ในเมืองมัณฑะเลย์ ส่วนสาเหตุที่เลือกเรียนคณะกายภาพบำบัด เพราะตอนเด็กๆ มีความฝันว่า อยากช่วยเหลือผู้ป่วย คนเจ็บ หรือคนที่ตกทุกข์ได้ยาก หากเรียนจบไปแล้วจะได้รีบทำตามความฝันในการช่วยเหลือผู้คนต่อไป”
เธอเล่าว่า เคยมาเที่ยวเมืองไทยทั้ง จ.เชียงใหม่ และกรุงเทพฯ โดยเธอมองว่าไทใหญ่ และคนไทย เหมือนพี่น้องกัน อีกทั้งประเพณีวัฒนธรรมก็มีความคล้ายคลึงกันอีกด้วย หนำซ้ำตอนนี้เธอกำลังฝึกพูดภาษาไทยให้คล่องขึ้นอีกด้วย
“หนูสนใจภาษาไทยมากในตอนนี้ กำลังศึกษาภาษาไทยและการพูดอยู่ เป็นศึกษาด้วยตัวเองทางแอปพลิเคชัน และจากการดูภาพยนตร์ และละคร ตอนนี้ถ้าหนูพูดอะไรผิดไปขออภัยด้วยนะคะ
“หนูชอบประเทศไทยมาก เคยมาเที่ยวประเทศไทย หนูชอบที่สุดคือวัดพระแก้ว ชอบศึกษาวัฒนธรรมประเพณีไทย หนูเป็นคนไทใหญ่คนหนึ่งที่ชอบการอยู่การกินของคนไทย คนไทยเป็นกันเองมาก และความรู้สึกของหนู คิดว่าคนไทใหญ่กับคนไทยเป็นพี่น้องกัน
บางอย่างมีประเพณีคล้ายๆกันแยกกันไม่ออก สิ่งนี้แหละทำให้หนูอยากมาเที่ยวเมืองไทยบ่อยๆ”
กวาดรางวัลเรียบเวทีนางแบบ
ออร่าความสวยแรงกระแทกตาขนาดนี้ไม่แปลกใจเลยที่เธอได้เป็นดาวมหาวิทยาลัย และดีกรีนางแบบ การจากประกวดหลายเวที ล้วนคว้ารางวัลชนะเลิศมาครอง ดังนั้นความฝันอีกอย่างนอกจากเป็นนักกายภาพบำบัดแล้ว “นางแบบ” ก็เป็นอีกอาชีพที่เธอรัก
“หนูเป็นดาวมหาวิทยาลัยที่กำลังศึกษาอยู่ มีประสบการณ์ทางการเดินแบบ ถ่ายแบบมา เพราะเคยเข้าแข่งการประกวด Beauty Contest 2014 ได้รางวัล ชนะเลิศ ต่อมาเป็นตัวแทนเข้าประกวดของมหาวิทยาลัยของไทใหญ่ ปี 2015 ชนะเลิศเช่นกัน จากนั้นปี 2016 เข้าประกวด Online Miss Union ก็ได้รางวัลชนะเลิศ และได้เป็นนางแบบของ Sia Cosmetic”
เธอย้ำว่า การได้รางวัลมาทุกเวที เพราะการ “หมั่นฝึกฝน” หน้าตาอย่างเดียวอาจไม่ช่วยอะไรหากไม่ตั้งใจทำสิ่งนั้นอย่างเต็มที่
“ตลอดเส้นทางการเป็นนางแบบที่ผ่านมา หนูฝึกฝนตัวเองมาตลอด ตอนเด็กๆฝันอยากเป็นนางแบบอยู่แล้ว หนูเคยเรียนเดินแบบมาด้วย และตอนนี้ก็หนูได้เป็นนางแบบแล้ว
ส่วนอนาคตก็มีความฝันอยากเข้าวงการบันเทิง อยากเป็นดารา นักแสดงด้วย
ส่วนดาราไทยที่หนูชื่นชอบนั้น คือ มาริโอ้ เมาเร่อ และ ใหม่ - ดาวิกา โฮร์เน่ และถ้าเป็นดาราพม่าก็จะชอบมิตเมียด และโพยโพย”
ธรรมชาติถาวร! ไร้ศัลย์ สวยของจริง
แม้ผู้หญิงสมัยนี้ส่วนใหญ่จะถือคติว่า “ทำบุญสวยชาติหน้า ทำหน้าสวยชาตินี้” จึงแห่กันเข้าคลินิคศัลยกรรมความงามเพื่ออัปเลเวลความสวย แต่สำหรับนางแก้วคำ เธอบอกเราเลยว่า “ขนาดคิ้วยังไม่เคยกันเลย”
“หนูไม่เคยศัลยกรรมใบหน้าเลย ขนาดคิ้วยังไม่เคยทำเลยเอาไว้แบบธรรมชาติ ฟันก็ไม่เคยดัด หนูคิดว่าทุกคน พระเจ้าให้มาเป็นคนเท่ากัน แต่ความสวยไม่เท่ากัน(หัวเราะ)
คนสมัยใหม่ชอบทำศัลยกรรมกันมากอยู่แล้ว ซึ่งไม่ผิดเพราะทำให้เขามีความมั่นใจมากขึ้น แต่สำหรับหนู คิดว่า บางคนทำแล้วดูไม่เป็นธรรมชาติ ยังไงก็สวยสู้ธรรมชาติไม่ได้หรอก ธรรมชาติถาวรกว่า
หนูชอบความเป็นธรรมชาติของตัวเองอยู่แล้ว หนูชอบรอยยิ้ม และฟันของตัวเองมากที่สุดเลย”
สำหรับเคล็ดลับความสวย ผิวใส ของนางแก้วคำ เธอแนะนำว่า ให้ดื่มน้ำวันละ 3 ลิตร และกินผักผลไม้ปลอดสารพิษ ออกกำลังกายเข้ายิมเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรง และหมั่นบำรุงผิวพรรณด้วยการใช้สกินแคร์
“การดูแลสุขภาพของหนูคือการดื่มน้ำ การดื่มน้ำมากๆเป็นผลดีต่อร่างกายทุกส่วน ในแต่ละวันหนูจะดื่มน้ำวันละ 3 ลิตร ทุกวัน
หนูคิดว่าน้ำช่วยล้างสารพิษในร่างกายของคนเราได้ และกินผักผลไม้ที่ปลอดสารพิษ และจะไม่ชอบกินอาหารสำเร็จรูปเลย ชอบอาหารที่ปรุงสดใหม่
ส่วนเวลาว่าง ชอบปลูกต้นไม้ เวลาดูต้นไม้ทำให้สบายใจ ดูแล้วสดชื่น และมีความสุขมาก”
ทว่า เคล็ดลับความสวยใสอีกอย่างของเธอที่อยากแนะนำผู้หญิงทุกคน คือ
“การมองโลกในแง่ดีและสวยงามเสมอ จะทำให้เราสวยขึ้นค่ะ”
นับถือ “ในหลวง ร. ๙” สุดหัวใจ
เมื่อถามถึงบุคคลที่เคารพนับถือและเป็นต้นแบบในประเทศไทย เธอตอบอย่างไม่ลังเลเลยว่า “ในหลวง ร.๙ พ่อหลวงของชาวไทย”
“พระองค์เป็นพระมหากษัตริย์ที่มีความเมตตาต่อประชาชนเป็นอย่างมาก เป็นบุคคลที่ทั่วโลกนับถือ หนูภูมิใจแทนคนไทยจริงๆ”
ชาวไทใหญ่ให้ความเคารพนับถือพ่อหลวงของชาวไทยอย่างมาก ดังจะเห็นได้จากเมื่อวันที่ 26 ต.ค.2560 ซึ่งเป็นวันที่ชาวไทยทุกคนเศร้าโศกกับงานพระราชพิธีถวายเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร
เช่นเดียวกับชาวไทใหญ่ที่สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ กองทัพรัฐฉานจึงจัดพิธีถวายดอกไม้จันทน์ ในหลวงร.๙ น้อมส่งสู่สวรรคาลัย ถวายอาลัยบนดอยไตแลง
นำโดย พล.ท.จายยี่ รองผู้บัญชาการกองกำลังกองทัพกู้ชาติแห่งรัฐฉาน รับมอบหมายจาก พล.อ.ยอดศึก ผู้บัญชาการกองกำลังกองทัพกู้ชาติแห่งรัฐฉาน ให้เป็นประธานในงานพระราชพิธีถวายเพลิงพระบรมศพ ณ ฐานที่มั่นดอยไตแลง เขตรัฐฉาน สหภาพเมียนมา ตรงข้ามกับบ้านปางคาม ต.ปางมะผ้า อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน โดยมีกำลังพลทหาร และเหล่าเยาวชน รวมถึงครอบครัวของเหล่าทหารไทใหญ่ และผู้นำด้านการทหาร เข้าร่วมถวายดอกไม้จันทน์ กว่า 1,000 คน
สำหรับกองทัพกู้ชาติแห่งรัฐฉาน มี พล.อ.ยอดศึก เป็นผู้นำ และมีฐานที่มั่น กองบัญชาการใหญ่ที่ฐานดอยไตแลง มีกำลังพลราว 15,000 คน กระจายอยู่ตามหมู่บ้านและอำเภอต่างๆ ในรัฐฉาน ปัจจุบันทำสัญญาหยุดยิงกับทางการเมียนมา เป็นกองกำลังชนกลุ่มน้อยอีกกลุ่มหนึ่ง ที่ให้ความเคารพต่อในหลวง ร.๙ เป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ บุคคลในเมียนมาที่เธอนับถือแน่นอนคือ ออง ซาน ซูจี หญิงแกร่งที่นางแก้วคำชื่นชม บุคคลสำคัญทางการเมืองที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในเมียนมา และเธอได้นำพาพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย หรือ เอ็นแอลดี ชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลายในปี 2015
เธอเป็นผู้ตัดสินใจเรื่องส่วนใหญ่ภายในพรรคและในคณะรัฐมนตรี และยังดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศเมียนมาด้วย นิตยสารฟอบส์จัดให้เธอเป็นหญิงทรงอำนาจที่สุดในโลกอันดับที่ 61
“ท่านเป็นผู้หญิงที่คนเมียนมานับถือและชื่นชม ได้รางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ หนูนับถือจิตวิญญาณท่านมาก
อยากมีจิตใจแข็งแกร่งเหมือนท่าน เสียสละเพื่อประชาชนโดยไม่นึกถึงความสุขของตัวเอง”
สาวไทใหญ่ชวนเที่ยว
นอกจากเราจะเห็นชัดถึงความสวยงามของนางแก้วคำแล้ว คลิปวิดีโอนี้ยังสะท้อนถึงวัฒนธรรมของชาวไทใหญ่ที่ยังไม่ถูกโลกสมัยใหม่กลืนหายไปด้วย หนำซ้ำเธอยังคล้าย “ทูตวัฒนธรรม” สานสัมพันธ์ชาวไทใหญ่กับคนไทยให้ใกล้ชิดกันขึ้นอีกด้วย
“หนูอยากเชิญชวนนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวโลกมาเที่ยวกันที่เมียนมา มีเจดีย์พุกาม มีเจดีย์สีทองสวยงามมากมาย พระธาตุอินทร์แขวน และทะเลสาบอินเล
สถานที่ในรัฐฉานสวยงามมากๆ หนูอยากให้ชาวโลกและชาวไทยมาศึกษาวัฒนธรรมชาวไทใหญ่ด้วย”
รัฐฉานนั้นเป็นภูมิภาคที่มีความหลากหลายในตัวเองเป็นอย่างมาก จัดเป็นภูมิภาคของกลุ่มชนชาวไทใหญ่ ที่ตั้งรกรากอยู่ในดินแดนแห่งนี้มายาวนานแล้ว ความน่าสนใจของรัฐฉานนั้นมีทั้งภูมิประเทศที่สวยงาม วิถีชีวิต ประเพณีของผู้คนที่ยังคงเรียบง่าย และคงความเป็นธรรมชาติไว้อย่างเป็นเอกลักษณ์
ตองยีคือเมืองหลวงของรัฐฉานภาคใต้ตั้งอยู่ห่างจากเมืองมัณฑะเลย์ไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 140 กิโลเมตร ความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,400 เมตร ทำให้ตองยีมีอากาศที่ค่อนข้างเย็นสบายตลอดทั้งปี เมืองตองยีมี
สถานที่พักตากอากาศแบบรีสอร์ทที่น่าสนใจอยู่มากมาย สิ่งที่ค่อนข้างน่าสนใจอีกอย่างหนึ่งของเมืองก็คือ เมืองตองยีเป็นเมืองที่มีวัฒนธรรมอันหลากหลายผสมผสานกันอยู่มากมาย ทั้งชาวพม่า ชาวไทใหญ่ ชาวกะเหรี่ยง ชาวว้า
ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆที่เป็นที่นิยมได้แก่ พิพิธภัณฑ์ตองยี ซึ่งจัดแสดงความเป็นมาของวิถีชีวิตผู้คนเมืองนี้ได้อย่างน่าสนใจ และอีกสถานที่หนึ่งที่เหมาะมากสำหรับผู้ที่ต้องการจับจ่ายใช้สอยคือ ตลาดเฮโฮ เป็นตลาดที่เปิดในช่วงกลางคืน
ทะเลสาบอินเล ที่นางแก้วคำแนะนำให้ชาวไทยมาเที่ยวนั้น อยู่ท่ามกลางหุบเขาที่สวยงามของรัฐฉาน อยู่ห่างจากเมืองตองยีประมาณ 25 กิโลเมตร
เหมาะแก่การมาเที่ยวชมเพื่อศึกษาชีวิตความเป็นอยู่ของชาวพม่าที่เรียกได้ว่ากลมกลืนกับธรรมชาติเป็นอย่างยิ่ง ทะเลสาบแห่งนี้เป็นที่อาศัยของกลุ่มชนที่เรียกตนเองว่า ชาวอินทา ชนเผ่านี้อาศัยอยู่ในทะเลสาบอินเลมานานนับร้อยปีแล้ว โดยใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางการทำเกษตรบนเกาะวัชพืชที่พวกเขาสร้างขึ้นมาเองกลางลำน้ำในทะเลสาบ
วิถีชีวิตชาวประมงในทะเลสาบที่เป็นเอกลักษณ์โดยเฉพาะวิธีการหาปลานั้น เรียกได้ว่าไม่มีชาวประมงที่ใดในโลกจะสามารถเลียนแบบเช่นการพายเรือด้วยเท้าของพวกเขาได้ นี่คือหนึ่งในสถานที่มหัศจรรย์ที่ควรไปเยือนสักครั้ง
ขอ “อิสรภาพ” จงมีแด่ “ชาวไทใหญ่”
ไทใหญ่ คือกลุ่มชาติพันธุ์ในตระกูลภาษาไท-กะได ซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ขนาดใหญ่อันดับสองของพม่า ส่วนมากอาศัยในรัฐฉาน ประเทศพม่า และบางส่วนอาศัยอยู่บริเวณดอยไตแลง ชายแดนระหว่างประเทศไทยกับประเทศพม่า คนไทใหญ่ในประเทศพม่ามีประมาณ 3- 4 ล้านคน แต่มีไทใหญ่หลายแสนคนที่ได้อพยพเข้าสู่ประเทศไทย เพื่อหนีปัญหาทางการเมืองและการหางาน
ตามภาษาของเขาเองจะเรียกตัวเอง ไต มีหลายกลุ่มเช่น ไตขืน ไตแหลง ไตคัมตี ไตลื้อ และไตมาว แต่กลุ่มใหญ่ที่สุดคือ ไต หรือที่คนไทยเรียกว่า ไทใหญ่
จะเห็นได้ว่าภาษาไตและภาษาไทยคล้ายกันบ้างแม้คนไทยจะสามารถฟังเข้าใจบ้างแต่ไม่เหมือนกัน เมืองหลวงของรัฐฉานคือ ตองยี มีประชากรประมาณ 150,000 คน ส่วนเมืองสำคัญอื่น ๆ ได้แก่ สีป้อ ล่าเสี้ยว เชียงตุง และท่าขี้เหล็ก
ทุกวันที่ 7 ก.พ. ถือเป็นวันชาติรัฐฉาน เป็นการรำลึกถึงระหว่างการประชุมของบรรดาเจ้าฟ้าที่ปกครองหัวเมืองต่างๆ พร้อมด้วยตัวแทนประชาชนในรัฐฉานที่เมืองปางโหลง ภาคใต้ของรัฐฉาน เมื่อวันที่ 3 - 12 ก.พ. 2490
โดยในวันที่ 7 ก.พ. ที่ประชุมร่วมกันออกแถลงการณ์จัดตั้งสภาสหพันธรัฐ และขุนปานจิ่ง เจ้าฟ้าชาวปะหล่อง ซึ่งปกครองเมืองน้ำสั่น ทางภาคเหนือรัฐฉาน และเป็นประธานสภาสหพันธรัฐฉานขณะนั้นได้กำหนดให้ผืนธงสีเหลือง เขียว แดง และวงกลมสีขาว พร้อมด้วยเพลงชาติที่ใช้อยู่ในปัจจุบันเป็นของชาวรัฐฉานทั้งมวล และชนชาติในรัฐฉานได้ถือเอาวันที่ 7 ก.พ. เป็นวันชาติรัฐฉานพร้อมจัดงานฉลองทุกปี
ขณะที่หลังจากมีการตั้งสหภาพพม่าในปี 2491 ในรัฐฉานก็มีความพยายามทั้งในทางการเมืองและการทหารขอแยกตัวออกจากสหภาพพม่ามาอย่างยาวนาน โดยในวันที่ 21 พ.ค. ปี 2501 เจ้าน้อยซอหยั่นต๊ะ ได้ตั้งกองกำลังต่อต้านรัฐบาลพม่าในนามกลุ่ม "หนุ่มศึกหาญ" ขึ้นที่อำเภอเมืองหาง เขตเมืองโต๋น ในรัฐฉานตอนใต้ ด้านตะวันออกของแม่น้ำสาละวิน
โดยกองทัพรัฐฉาน หรือ SSA ที่นำโดย พล.ท.เจ้ายอดศึก นั้น เกิดขึ้นหลังจากนำทหารจำนวนหนึ่งแยกตัวออกจากขุนส่า ภายหลังจากที่ขุนส่านำกองทัพเมิงไต วางอาวุธแก่รัฐบาลพม่าในเดือนมกราคมปี พ.ศ. 2539 และต่อสู้กับกองทัพรัฐบาลพม่า กระทั่งต่อมาหลังจากมีการเลือกตั้งทั่วไปในพม่าเมื่อ 7 พ.ย. ปี 2553 และเต็ง เส่ง เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีเมียนมาเมื่อ 31 มี.ค. 2554 นั้น รัฐบาลของเต็ง เส่ง ได้มีการเจรจาหยุดยิงกับกองกำลังของกลุ่มชนชาติในพม่าหลายกลุ่ม รวมทั้งกองทัพรัฐฉานด้วย
โดยเมื่อวันที่ 19 พ.ย. ปี 2554 มีการเจรจาครั้งแรกระหว่างฝ่ายสภาเพื่อการกอบกู้รัฐฉาน โดยทั้งสองฝ่ายตกลงหยุดยิง และหลังจากนั้นมีการเจรจากันอีกหลายครั้ง โดยกองทัพรัฐฉานเสนอขอพื้นที่ปกครองตนเอง 2 แห่ง คือเมืองเต๊าะ (หัวเมือง) และเมืองทา
ขณะเดียวกัน ยังคงมีการรายงานการปะทะกันระหว่างกองทัพรัฐฉาน และกองทัพพม่าอยู่ประปราย ดังนั้นความฝันของสาวไทใหญ่อย่างนางแก้วคำ จึงอยากขอเพียง “อิสรภาพ” ให้ชาวไทใหญ่
“อยากให้คนไทใหญ่เป็นอิสรภาพ ไม่อยากให้เกิดการสู้รบ ถ้าเป็นไปได้หนูอยากช่วยเหลือผู้ลี้ภัยในการสู้รบ และช่วยเหลือคนยากจนด้วย
หนูไม่ชอบคนเห็นแก่ตัว และคนทะเลาะกัน เห็นแล้วไม่สบายใจอย่างยิ่ง” นางแก้วคำ กล่าว
ขอบคุณโลกโซเชียลฯ
โด่งดังชั่วข้ามคืนเพราะโลกโซเชียลฯ นางแก้วคำยืนยันว่า โลกออนไลน์สำคัญมาก นอกจากจะทำให้เธอมีคนรู้จักมากขึ้นจนตั้งตัวแทบไม่ติดแล้ว ยังทำให้สามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้อย่างฉับไว
ส่วนบุคคลที่เป็นผู้ถ่ายคลิปวิดีโอ ผู้นำช้างเผือกออกมาจากป่าใหญ่นั้น คือ คุณน้อง - ปริญญา อัครชิโนเรศ นักธุรกิจนำเที่ยวชาวไทย ผู้เดินทางระหว่างประเทศไทยกับเมียนมาอยู่เป็นประจำ กล่าวผ่านทีมผู้จัดการ Live ว่า
นี่จะเป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ทำให้คนไทยรู้จักเพื่อนบ้าน ให้เกียรติมากขึ้น นอกเหนือจากการเป็นแรงงาน!
“ถ้าเราจะวิเคราะห์ว่า ทำไมน้องคนนี้ถึงดังชั่วข้ามคืนนะ น่าจะมาจากปัจจัยนี้ ไม่ใช่ความสวยอย่างเดียว"
“เจอน้องเขาตอนเช้า กินข้าวที่ โรงแรมในเมืองมัณฑะเลย์ ตัวจริง สวยมาก เจอไม่นานด้วยเพราะพี่ต้องรีบกินข้าว รีบไปออกทัวร์ พี่เดินผ่านเขาไปตักกับข้าว ผ่านไปมาหลายรอบ ก็มองคิดว่าเด็กคนนี้สวยมาก จึงเข้าไปทัก เขาบอกว่าเขาเป็นชาวไต พี่เลยถามว่า สัมภาษณ์ ได้มั้ย เขาบอกได้ พี่เลยลุยเลย ไม่ได้เตรียมคำถามก่อน แต่น้องก็ตอบเป็นธรรมชาติ
อัดคลิปไปแค่ 1.25 นาที พี่ถ่ายแค่ครั้งเดียวด้วย ใช้แค่ มือถือธรรมดา แต่ภาพออกมาดีมาก เขาเด่นมาก ไม่เคยเห็นสาวไตคนไหนใครสวยเท่าน้องคนนี้เลยจริงๆ
จากนั้นก็เอาคลิปลงเฟซบุ๊ก กับกลุ่มไลน์ กลุ่มเพื่อน มีคนดูคลิป เร็วมาก แล้วเพื่อนในกลุ่มไลน์เอาไป โพสต์ต่อ โดยคนชื่อ ปริญญา แสงคำ เขาได้คลิปจากกลุ่มไลน์ แล้วเขาเอาไปโพสต์ ในเฟซบุ๊กของตัวเอง จากนั้นถูกแชร์ไปเยอะและเร็วมาก คุณคนนี้ก็เป็นส่วนสำคัญในการกระจายคลิป ส่วนพี่เป็นอัดคลิป คิดว่า ฟ้าลิขิต มากกว่านะ เพราะก็ไม่เคยถ่ายคลิปใคร หรือทำอะไรแบบนี้”
คุณน้อง วิเคราะห์ถึงการโด่งดังของนางแก้วคำต่อว่า การได้การยอมรับจากคนไทย ทำให้ชาวไทใหญ่ปลาบปลื้ม
"น้องคนนี้ไม่ใช่เน็ตไอดอล เขาเหมือนตัวแทนของคนไทใหญ่ ที่ได้รับการชื่นชม และยอมรับจากคนไทย อันนี้เป็นสิ่งยิ่งใหญ่สำหรับชาวไทใหญ่เพราะปกติเราไม่เคยมองไทใหญ่ พม่า เขมร เลย เพราะเห็นเป็นแรงงานต่างด้าว ในมุมมองพี่ คิดว่า นางแก้วคำเป็นทูตวัฒนธรรม เชื่อมสัมพันธ์ ระหว่างประเทศได้เลย”
สัมภาษณ์โดย ผู้จัดการ l ive
เรื่อง : สวิชญา ชมพูพัชร
ขอบคุณภาพจากเฟซบุ๊ก Khin Sandi Kyaw Zaw , เพจเฟซบุ๊ก Nang Kaew Kham