“เห็นแก่ของถูก-ซื้อไม่ตรงความต้องการ-ขาดการซ่อมบำรุง” สังคมร่วมตีแผ่สาเหตุเครื่องมือแพทย์ขาดแคลน จากกระแสวิ่งเพื่อ "รพ.บางสะพาน" ยังไม่รวมการจัดการงบที่ไม่มีประสิทธิภาพ “ตูน บอดี้สแลม” แนะโมเดลร่วมบริจาค อุดช่องโหว่สำเร็จ สานฝันทุกโรงพยาบาลขาดแคลน
เครื่องมือแพทย์ขาดแคลนเพราะระบบการจัดการ?
โครงการ “ก้าวคนละก้าว” ที่ “ตูน - อาทิวราห์ คงมาลัย” หรือ “ตูน บอดี้สแลม” ซุป’ตาร์ขาร็อกของเมืองไทย เป็นกำลังสำคัญในการเปิดโครงการขอรับบริจาคเงิน เพื่อระดมทุนสำหรับซื้ออุปกรณ์การแพทย์ ไปมอบให้แก่โรงพยาบาลบางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งโครงการนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี และได้รับเงินบริจาค จากผู้มีจิตศรัทธาไปถึง 70 ล้านบาท!
แม้โครงการนี้จะจบลงไปแล้ว แต่ก็ยังมีคำถามตามมาว่า ‘ทำไมโรงพยาบาลของรัฐจึงขาดแคลนเครื่องมือแพทย์’ ยังคงเป็นประเด็นสำคัญที่ทำให้ต้องย้อนกลับมาทบทวนถึงสาเหตุปัญหา ซึ่งไม่เพียงแต่โรงพยาบาลบางสะพานเท่านั้นที่ขาดแคลนเครื่องมือแพทย์ ยังมีอีกหลายโรงพยาบาลที่เครื่องมือแพทย์ไม่เพียงพอเช่นกัน
[ ขอบคุณภาพประกอบ : เฟซบุ๊กแฟนเพจ"Every Bodyslam" ]
เฟซบุ๊กแฟนเพจ ‘Street Hero Project’ เพจผู้ให้ความรู้ด้านงานสาธารณสุข คือผู้ที่มาชี้แจงเกี่ยวกับประเด็นนี้ โดยสาเหตุที่ทำให้โรงพยาบาลของรัฐขาดแคลนเครื่องมือแพทย์นั้น มาจากหลายส่วนด้วยกัน อย่างแรกคือ ส่วนกลางที่ทำหน้าที่จัดซื้อเครื่องมือแพทย์ไม่ถามความต้องการของโรงพยาบาลว่าต้องการหรือขาดแคลนอะไร บางครั้งก็ซื้อเครื่องมือมาซ้ำกับที่มีอยู่ จึงกลายเป็นว่าเครื่องมือที่ได้มานั้น ไม่ตอบโจทย์ความต้องการของโรงพยาบาล รวมถึงการเห็นแก่ของราคาถูก ที่เมื่อส่วนกลางจัดซื้อมาแล้วกลับไม่ตรงตามสเปกที่แพทย์ต้องการใช้ จึงทำให้เป็นการสิ้นเปลืองมากกว่าเดิม
ต่อมาเป็นเรื่องของเครื่องมือแพทย์ ตรงนี้ผู้โพสต์ต้องการให้มองถึงเรื่องการใช้งานระยะยาว ไม่ใช่จัดซื้อมาเป็นรุ่นที่อะไหล่สำรองเลิกผลิตไปแล้ว เมื่อเครื่องเกิดชำรุดขึ้นมาก็ไม่สามารถซ่อมได้ สุดท้ายก็ต้องกองทิ้งไว้ และอีกเรื่องที่อยากให้มีการพิจารณาคือการให้โรงพยาบาลต่างๆ จัดให้มีการตรวจสอบเครื่องมือแพทย์เป็นระยะ เพื่อยืดอายุการใช้งานให้นานยิ่งขึ้น เพราะราคาเครื่องมือแพทย์แต่ละชิ้นนั้นมีราคาแพงมาก
และเรื่องสุดท้ายที่ฝากไว้ คือผู้ที่ใช้เครื่องมือคือแพทย์ ผู้โพสต์บรรยายไว้ว่า แพทย์หลายคนอีโก้เยอะ ต้องใช้เครื่องมือแพทย์รุ่นนี้เท่านั้น นอกจากนี้ยังยกตัวอย่างว่า แพทย์บางคนที่มีเหตุต้องย้ายโรงพยาบาล เมื่อเจอรุ่นที่ไม่คุ้นเคยก็จะไม่ใช้ จึงอยากให้ปรับตัวและใช้เครื่องมือแพทย์ที่มีอยู่ ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
หลังจากที่โพสต์นี้เผยแพร่ออกไปบนสังคมออนไลน์ ก็มีผู้คนให้ความสนใจและแสดงความคิดเห็นกันมากมาย ส่วนใหญ่เห็นด้วยตามข้อความดังกล่าว และมีบางคนได้เข้ามาให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ไม่เพียงแค่ประเด็นข้างต้นที่เป็นปัญหา การจัดสรรงบประมาณที่ได้รับมาให้เหมาะสมและโปร่งใส ก็เป็นอีกเรื่องที่อยากให้ผู้ที่เกี่ยวข้องหันกลับมาทบทวนเช่นกัน และบรรทัดต่อจากนี้คือความคิดเห็นบนโลกโซเชียลฯ ที่มีต่อเหตุการณ์นี้
“คนเลือกspecอุปกรณ์ต้องให้หมอแผนกที่ใช้มาเลือก ถ้าคนไม่ได้ใช้ ซื้อไม่เป็น ได้ของจีนเฮงซวยหรือของถูกพังเร็วแน่นอน”
“เพราะวิทยาการการแพทย์ที่มีความรู้ใหม่เกิดทุกวัน จึงต้องมีของที่ทันสมัยไว้บริการให้ใกล้เคียงมาตรฐานการรักษาที่สุด รวมถึงปริมาณคนไข้ความเจ็บป่วยที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ส่วนงบฯพอหรือไม่นั้น มีหลายปัจจัย เอาตัวรอดกันไปแล้วแต่บริบทของ รพ.”
“นี่แหละประเทศไทยถึงมีแต่ผู้ป่วยนอนรอความตาย เพราะความกระจอกของคนเบื้องบน”
“บุคลากรอยากได้ของดี แต่ถ้าเบื้องบนไม่อนุมัติงบก็จบ ใช้ปลวกๆ ต่อไป”
“ปัญหาหลักครับ ผู้มีอำนาจ ขาดคุณธรรมในการทำหน้าที่ รากหญ้าก็รับกันไป”
“ตอนนี้ เปลี่ยนความคิดแล้ว แทนที่จะเอาเงินไปบริจาควัด มาบริจาคที่โรงพยาบาลดีกว่า”
ถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับปัญหานี้ ต้องหันมาใส่ใจการเข้าถึงบริการสาธารณสุขขั้นพื้นฐานของประชาชนให้มากกว่านี้เสียที...
"ร่วมบริจาค" อุดช่องโหว่โรงพยาบาลรัฐ
“ผมทำเป็นตัวอย่างว่ามีปัญหาอยู่ และปัญหามันจะต้องถูกแก้ด้วยพวกเรา รัฐบาลเขาช่วยอยู่แล้วแต่มันไม่เพียงพอ ง ปัญหาคือทุกคนยังไม่รู้ แต่พอรู้แล้ว ภาพที่เกิดขึ้นก็อย่างที่ทุกคนเห็น ทุกคนอยากช่วยคนไทยด้วยกัน ทุกคนอยากทำให้มันดีขึ้น สมมติคนรู้ 10 ล้านคน เราคนละ 10 บาท ก็จะได้ 100 ล้าน ไปช่วยสัก 2-3 ที่ได้ มันก็ต่อยอดไปช่วยโรงพยาบาลอื่นๆ ได้อีก
ทีนี้คุณภาพชีวิตของคนไทยจะดีขึ้น การรักษาจะดีขึ้น นั่นหมายถึงว่ารอยยิ้ม การสร้างงาน การศึกษามันก็จะดีขึ้นตามไปด้วย แต่สุดท้ายแล้วที่ผมออกวิ่ง อย่าใช้โรงพยาบาลกันเยอะนักเลย เรามาดูแลสุขภาพกันด้วย โรงพยาบาลมันแค่ปลายทาง สุดท้ายแล้วต้องมาดูแลสุขภาพตัวเองกันก่อนแล้วโรงพยาบาลก็จะ ไม่ต้องเหนื่อยกับการที่ต้องมาดูแลรักษา การดูแลสุขภาพตัวเองมันคือต้นทาง”
[ ขอบคุณคลิป : เฟซบุ๊กแฟนเพจ"Every Bodyslam" ]
บางส่วนจากคลิปการให้สัมภาษณ์ของตูนในระหว่างเส้นทางจากกรุงเทพฯ - บางสะพาน ตีแผ่ปัญหาเครื่องมือแพทย์ขาดแคลน โดยเฉพาะโรงพยาบาลของรัฐที่อยู่ห่างไกล และมีเครื่องมือแพทย์ที่ไม่เพียงพอต่อจำนวนผู้ป่วย รวมทั้งเสนอทางแก้ไขปัญหาด้วยการขอรับเงินบริจาคจากผู้ใจบุญเพื่อนำไปจัดซื้อเครื่องมือแพทย์ นอกจากนี้ ตูนเองก็ยังแนะวิธีการวิ่ง ซึ่งเป็นหนึ่งในแนวทางการดูแลสุขภาพด้วยตนเอง เมื่อร่างกายแข็งแรงแล้วก็จะทำให้เราพึ่งพาการรักษาจากโรงพยาบาลน้อยลง
ยอดเงินบริจาคจำนวนกว่า 70 ล้านบาท ในโครงการก้าวคนละก้าวนี้ ได้ถูกส่งมอบไปยังโรงพยาบาลบางสะพานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นายแพทย์เชิดชาย ชยวัฒโฑ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบางสะพาน กล่าวว่า ในระยะแรกจะมีการใช้เงินบริจาคจัดซื้อตู้อบตัวเด็กทารกป้องกันตัวเหลือง เครื่องนึ่งเร็วสำหรับการผ่าตัด และเครื่องอัลตราซาวน์ พร้อมยืนยันว่า ทางโรงพยาบาลฯ จะนำเงินที่ได้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดตามวัตถุประสงค์ของการจัดโครงการ
[ ก่อนหน้านี้โรงพยาบาลบางสะพาน เจอเหตุกาณ์น้ำท่วมจนได้รับความเสียหายหนัก ]
สำหรับเครื่องมือแพทย์อื่นๆ ที่โรงพยาบาลบางสะพานมีความต้องการ ประกอบด้วย โคมไฟส่องรักษาแก้ภาวะตัวเหลืองในทารก มูลค่า 2.5 แสน ต้องการ 1-2 เครื่อง เครื่องบันทึกการบีบตัวของมดลูกและอัตราการเต้นของหัวใจทารกในครรภ์ มูลค่า 3.5 ต้องการ 2 เครื่อง เครื่องนึ่งฆ่าเชื้อด้วยแรงดันไอน้ำ มูลค่า 4.6 แสนบาท ต้องการ 1 เครื่อง ตู้อบเด็กแบบเคลื่อนย้าย มูลค่า 6.5 แสนบาท ต้องการ 1 เครื่อง เครื่องรักษาด้วยคลื่นกระแทก-เครื่องช็อกเวฟ มูลค่า 8 แสนบาท ต้องการ 1 เครื่อง และสุดท้ายเครื่องตรวจอวัยวะภายในด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง มูลค่า 2 ล้านบาท ต้องการ 1 เครื่อง จะเห็นได้ว่าแต่ละเครื่องมีมูลค่าที่สูงมาก
ไม่เพียงแค่เฉพาะโครงการก้าวคนละก้าว ของหนุ่มตูนเท่านั้นที่มีการระดมทุนครั้งใหญ่ ก่อนหน้านี้ก็เคยมีการขอรับบริจาคครั้งใหญ่ผ่านรายการ เรื่องเล่าเช้านี้ ด้วยการบริจาคเงินสมทบโครงการ 'เรื่องเล่าเช้านี้เพื่อเครื่องมือแพทย์ในภูมิภาค' ในครั้งนั้นได้เงินเป็นจำนวนมาก เพื่อนำไปจัดซื้ออุปกรณ์เครื่องมือแพทย์สำหรับโรงพยาบาลในชนบทที่ห่างไกลได้ทุกภูมิภาค ทั่วประเทศ
ในการแก้ปัญหานี้ จึงต้องเป็นหน้าที่ของประชาชนชาวไทยทุกคน ที่จะต้องร่วมมือกันบริจาคเงินคนละเล็กละน้อย ในการช่วยเหลือพี่น้องที่อยู่ห่างไกล ให้การเข้าถึงระบบสาธารณสุข ซึ่งทั้งโครงการ 'ก้าวคนละก้าว’ และโครงการ 'เรื่องเล่าเช้านี้เพื่อเครื่องมือแพทย์ในภูมิภาค’ รวมทั้งโครงการอื่นๆ ที่ช่วยในการระดมทุนเพื่อจัดซื้อเครื่องมือแพทย์ ก็เป็นอีกใบเบิกทางอีกช่องทางหนึ่งที่ช่วยเหลือกันได้ ที่ช่วยให้ปัญหาที่ได้รับการแก้ไข อีกทั้งรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องไม่นิ่งดูดายต่อปัญหานี้ เพราะสิทธิในการได้รับบริการสาธารสุข คือสิทธิขั้นพื้นฐานที่ประชาชนชาวไทยต้องได้รับ
ขอบคุณข้อมูล : เฟซบุ๊กแฟนเพจ “Street Hero Project”,“Every Bodyslam” และอินสตาแกรม@artiwara
มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram
"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!
และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754