10 วัน สู่บางสะพาน ‘ตูน บอดี้สแลม’ ชวนทำบุญกับก้าวคนละก้าว แต่กลับต้องมาสะดุดเพราะมีคนดรามา อ้างวิ่งครั้งนี้ทำรถติดหนัก ขณะที่ชาวโซเชียลฯ สวนกลับ ‘มือไม่ภายอย่าเอาเท้าราน้ำ’ ไม่ลงมือทำอย่าวิจารณ์ ส่วนคนที่อยากร่วมบุญ แนะบริจาคแทน เป็นไปได้อย่าชวนตูนเซลฟี่!
เหตุเพราะทำรถติด?
ประสบความสำเร็จและได้รับการตอบรับจากผู้ใจบุญอย่างล้นหลามกับโครงการ “ก้าวคนละก้าว” ที่ “ตูน - อาทิวราห์ คงมาลัย” หรือ “ตูน บอดี้สแลม” ร็อคเกอร์ชื่อดังของเมืองไทย เป็นตัวตั้งตัวตีในการออกแรงวิ่ง ตั้งแต่วันที่ 1-10 ธันวาคม 2559 วันละ 40 กิโลเมตร รวมระยะทาง 400 กิโลเมตร จากกรุงเทพฯ - อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อระดมทุนซื้ออุปกรณ์การแพทย์มอบให้โรงพยาบาลบางสะพาน อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ จนถึงขณะนี้มียอดบริจาคพุ่งไปถึง 25,594,090 บาทแล้ว!
แม้จะเป็นการวิ่งเพื่อทำบุญ แต่ก็ยังมีความคิดเห็นในอีกมุมหนึ่ง จากทาง “สมบัติ บุญงามอนงค์” หรือ บก.ลายจุด นักเคลื่อนไหวชื่อดัง ซึ่งเขาได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัว วิพากษ์วิจารณ์ถึงการวิ่งการกุศลในครั้งนี้ ว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้รถติด พร้อมกับแนะนำให้ผู้ที่เกี่ยวข้อง ต้องทบทวนถึงเรื่องวิธีการเสียใหม่ ตามบรรทัดต่อจากนี้
“ไม่รู้จะเขียนยังไงที่จะไม่กระทบกระเทือนความรู้สึกของ ตูน bodyslam คือ ตอนที่ได้ยินข่าวว่าเขาวิ่งเพื่อหาทุนซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ระยะทาง 400 กม. ผมนับถือความตั้งใจนี้มาก แต่ที่อยากเสนอแนะ คือ กิจกรรมวิ่งการกุศลแบบนี้ทำอย่างไรถึงจะไม่ใช้พื้นที่ผิวถนนเกินจำเป็น คือ คณะที่วิ่งก็กินไป 1 เลน แล้วยังมีรถตู้ที่วิ่งประกบด้านขวามืออีก 1 เลน สรุปคือ กินพื้นที่ 2 เลน ผมดูคลิปแล้วเห็นรถติดยาวมากบนเส้นทางหลัก ผมคิดว่าเรื่องนี้ต้องทบทวนในเชิงวิธีการ”
ทั้งนี้ มีผู้เข้ามาสนับสนุนข้อเสนอแนะของ บก.ลายจุดอยู่ไม่น้อย โดยมีความคิดเห็นว่า กิจกรรมนี้ไม่ใช่กิจกรรมที่ไม่ดี เพียงแต่ควรจะมีการจัดการที่ดีกว่านี้ และน่าจะใช้วิธีอื่นในการขอรับบริจาค บ้างก็เสนอแนะให้ผู้เกี่ยวข้องจัดระเบียบการวิ่งให้เรียบร้อย เพื่อที่ไม่เป็นการเดือนร้อนต่อผู้ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ
ชาวโซเชียลฯ สวนกลับเจ็บแสบ!
ในขณะเดียวกัน ภายหลังจากที่ข้อความดังกล่าวของ บก.ลายจุด เผยแพร่ออกไปเป็นวงกว้าง กลับกลายเป็นว่าโดนกระแสตีกลับจากโลกโซเชียลฯ เป็นอย่างมากแทน เพราะส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับข้อความนี้ บางความคิดเห็นยังได้เหน็บแรงไปถึงผู้โพสต์อีกด้วยว่า ‘มือไม่พายแต่เอาเท้าราน้ำ’ และบรรทัดต่อจากนี้คือความคิดเห็นบนโลกโซเชียลฯ ที่มีต่อเหตุการณ์นี้
“ตำหนิได้ไม่ผิดครับ แต่ผมอยากให้คุณสมบัติช่วยเสนอแนะด้วย ว่าควรจะทำยังไง ไม่ใช่แค่มาติแล้วก็จากไป เพราะคนทำงานเขาไม่ได้มาถามคุณว่าแบบนี้ดีหรือยัง เหมาะสมหรือเปล่า คุณไม่ใช่เจ้าของประเทศนี้คนเดียว หากจะติอย่างสร้างสรรค์ผมแนะนำให้คุณเสนอทางแก้ไขหรือเชิงวิธีการที่คุณต้องการให้ทบทวนด้วยครับ”
“ทำคอนเสิร์ตมีต้นทุนสูง การวิ่งแบบนี้ใช้ต้นทุนน้อยใช้เพียงใจและร่างกายเท่านั้น”
“เอาที่พวกคุณสบายใจครับ เค้าทำ เค้าลงแรง เค้าได้เงินเพื่อไปทำบุญ พวกคุณนั่งกดมือถือ แล้วไม่พอใจในสิ่งที่เค้าทำ ลองมองดูว่าอันไหน สังคมจะยอมรับได้มากกว่ากัน อีกเรื่องคือคอนเสิร์ต ในช่วงเวลาที่ประเทศเราเสียใจเช่นนี้ คุณมีอารมณ์ไปโยกหน้าเวทีคอนเสิร์ตหรอครับ ลองถ้าจัดคอนเสิร์ตจริงๆ ก็มีกระแสดรามาโลกสวยอีก”
“แล้วคุณล่ะทำประโยชน์อะไรในหัวข้อนี้ มือไม่พายเอาเท้าราน้ำ สังคมไทยจะเจริญไปได้อย่างไร ถ้ามีคนขวางโลกเช่นนี้เยอะๆ”
“ใช่เลย พวกมือไม่พายเอาเท้าราน้ำ ตัวเองไม่คิดทำประโยชน์ต่อบ้านเมือง แต่ สมองคิด ปากวิจารณ์ คนอื่น เสีย ชาติเกิดจริงๆๆ คนเหล่านี้”
“สรุปคือคุณตูนทำประโยชน์ การกุศล ดีเลิศมาก ส่วนบก.ลายจุด ชมว่าตั้งใจดี เพียงแค่อยากให้เราช่วยกันระดมไอเดีย ว่าคราวหน้าเวลาจัดงาน จะทำอย่างไรไม่กระทบการจราจรแค่นั้น เนื้อหาไม่เห็นรุนแรงเลย ขอเสนอว่าถ้าจะมีวิ่งที่ไกลขนาดนี้ต้องปิดถนนและแจ้งการเลี่ยงเส้นทาง มีประชาสัมพันธ์อย่างทั่วถึงน่าจะลดผลกระทบได้”
เมื่อพูดกระแสวิพากษ์วิจารณ์เชิงลบเป็นจำนวนมาก ในภายหลัง บก.ลายจุด จึงได้ออกมาขอโทษต่อข้อความที่ตนเองโพสต์ และยืนยันว่าจะไม่ลบ แต่ขอเก็บโพสต์นี้ไว้เป็นบทเรียนตัวเองในเรื่องของการแสดงออกทางความคิดบนพื้นที่สาธารณะต่อไป
รักตูน อย่าขอตูนถ่ายรูป...
ผ่านไปครึ่งทางแล้วสำหรับการวิ่งการกุศลครั้งนี้ ซึ่งหนุ่มตูนได้พักร่างกาย 1 วัน หลังจากนั้นจะออกวิ่งต่อในวันที่ 7 ธันวาคม 2559 แต่ก็ยังมีอีกประเด็นดรามาไม่แพ้กับประเด็นแรก แน่นอนว่าเมื่อนักร้องระดับประเทศจัดกิจกรรมขนาดนี้ ต้องมีแฟนคลับตามไปให้กำลังใจและขอถ่ายภาพเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ไว้เป็นที่ระลึกสักหน่อย แต่หารู้ไม่ว่า การไปขอถ่ายภาพโดยให้ตูนหยุดวิ่งกะทันหันนั้น จะเป็นการทำให้ร่างกายของนักร้องหนุ่มเกิดอันตรายอย่างมาก
‘จ่าพิชิต ขจัดพาลชน’ แพทย์ประจำโรงพยาบาลแห่งหนึ่งทางภาคใต้และแอดมินแห่งแฟนเพจชื่อดัง Drama-addict ได้ออกมาให้เหตุผลว่าทำไมจึงไม่ควรขอถ่ายภาพ รวมถึงเซลฟี่กับนักร้องดัง นั่นก็เพราะในระหว่างการวิ่ง เลือดจะไปเลี้ยงตามอวัยวะต่างๆ โดยเฉพาะกล้ามเนื้อขาที่เลือดไปเยอะเป็นพิเศษ
เมื่อหยุดวิ่งทันที เลือดที่ค้างอยู่ที่เส้นเลือดในกล้ามเนื้อขาเป็นจำนวนมาก จะกลับสู่หัวใจไม่มากพอ ทำให้เกิดอาการหน้ามืด เป็นลม ความดันต่ำ หรือถึงขั้นกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดได้ ถือว่าเป็นอันตรายต่อร่างกายอย่างมาก ที่ถูกต้องคือ หากวิ่งด้วยความเร็วเป็นเวลานาน จะต้องค่อยๆ ปรับความเร็วให้ช้าลง จนกลายเป็นการเดินแล้วจึงค่อยหยุดนั่นเอง ซึ่งแอดมินเพจดังยังได้เสนอแนะว่า หากรักและเป็นห่วงนักร้องดัง ก็อย่าให้เขาหยุดอย่างกะทันหันเพื่อมาถ่ายรูปเพียงแชะเดียว
หลังจากโพสต์นี้เผยแพร่ออกไป ก็มีแฟนเพจเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันมากมาย บางคนก็เข้ามาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่ตนเองเคยหยุดวิ่งกะทันหันจนหน้ามืด เป็นลมก็มี บางคนได้เสนอแนะให้มีซุ้มในการถ่ายภาพ บ้างก็เชิญชวนให้คนที่อยากถ่ายภาพเปลี่ยนมาเป็นการบริจาคเงินสมทบทุนร่วมกับตูน ก็มี
สำหรับใครก็ตามที่สนใจร่วมบริจาคเงินกับโครงการนี้ ทำได้ 2 ช่องทาง คือ บริจาคผ่าน SMS พิมพ์ T แล้วกดส่งมาที่ 4242865 ครั้งละ 10 บาท (เฉพาะ AIS, DTAC และ TRUEMOVE H ราคานี้ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%) กับอีกวิธีคือ บริจาคผ่านบัญชีออมทรัพย์ ธนาคารกรุงไทย สาขาบางสะพาน ชื่อบัญชี “โครงการก้าวคนละก้าว เพื่อโรงพยาบาลบางสะพาน” เลขที่บัญชี 7420378118 และสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.bodyslamband.com และเฟซบุ๊ก bodyslam
นอกเหนือจากตูนแล้ว ในแต่ละวันของการวิ่งยังได้พี่น้องร่วมวงการอีกหลายคน มาร่วมวิ่งไปพร้อมๆ กัน ไม่ว่าจะเป็น ก้อย - รัชวิน วงศ์วิริยะ หวานใจของหนุ่มตูน, บอย Lomosonic, เดย์ Thaitanium และ หนุ่ม KALA และอีกหลายๆ คน รวมถึงรุ่นใหญ่ในวงการเพลงเพื่อชีวิตอย่าง แอ๊ด คาราบาว ผู้ซึ่งเป็นญาติกับหนุ่มตูนอีกด้วย
ตลอดเส้นทางที่นักร้องดังวิ่งผ่าน มีชาวบ้านที่ทราบข่าวต่างมายืนรอให้กำลังใจ และมอบเงินร่วมสมทบทุนกันอย่างเนืองแน่นและล่าสุด โครงการนี้ก็ได้รับเงินสนับสนุนจากผู้ใจบุญไปสดๆ เป็นจำนวนหนึ่งล้านบาท จากการประมูลเสื้อที่ แอ๊ด คาราบาว และตูน ใส่วิ่งเมื่อวันที่ 3 ธันวาคมที่ผ่านมา และจะนำรายได้จากการประมูลนี้ มอบให้โรงพยาบาลบางสะพาน โดยผู้ชนะประมูลครั้งนี้ได้แก่ ชูเกียรติ ศรีทองเสถียร ซึ่งเรื่องราวนี้ถูกเปิดเผยผ่านเฟซบุ๊ก ‘Tum Nakornpon’
นับถอยหลังอีกเพียงไม่กี่วันก็จะถึงเส้นชัยที่อำเภอบางสะพานแล้ว ด้วยกำลังขาของตูน และกำลังศรัทธาจากผู้บริจาคอย่างมากมายมหาศาลในครั้งนี้ จะกลายเป็นเงินบริจาคก้อนใหญ่ที่สุดก้อนหนึ่งในประวัติศาสตร์ ในการจัดซื้อเครื่องมือแพทย์ เพื่อต่อชีวิตให้กับผู้ป่วยได้ต่อไป...
ขอบคุณภาพและข้อมูล : อินสตาแกรม@Bodyslamband และ @artiwara ,เฟซบุ๊ก “Every Bodyslam”,“ Bodyslam” และ “Tum Nakornpon”
มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram
"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!
และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754