xs
xsm
sm
md
lg

เสียดายแทนคนไทย... “นักพูดเพื่อพ่อ” ไม่ได้ไปต่อใน “อเมริกา”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“เกิดอีกสิบชาติ...ก็ไม่เจอมหาราชที่ชื่อภูมิพล” เจ้าของประโยคประทับใจ นักพูดผู้สร้างแรงบันดาลใจ “เบส-อรพิมพ์” ประกาศขอยกเลิก “โครงการพูดเพื่อพ่อ” ในอเมริกาด้วยใจบอบช้ำ หลังไม่ได้รับสิทธิให้เข้าประเทศมหาอำนาจในฐานะผู้บรรยายอย่างไม่ทราบสาเหตุ ย้ำชัด “เสียใจแต่ไม่เสียความตั้งใจ” จะขอถวายงานองค์พ่อหลวงภูมิพลตราบเท่าที่ชีวิตนี้จะทำได้ แม้ในวันที่ไม่มีพ่อหลวงอย่างในวันนี้แล้วก็ตาม...



เศร้าใจ...อด “พูดเพื่อพ่อ” ในวันที่ไม่มีพ่อ...

“ในวันที่ไม่มีพ่อ...” คือชื่อเรื่องเล่าระบายความในใจ จากโพสต์ของ เบส-อรพิมพ์ รักษาผล นักพูดสร้างแรงบันดาลใจ ขวัญใจชาวไทย ซึ่งโพสต์ผ่านแฟนเพจ "Best Orapim" เพื่ออัปเดตให้เหล่าคนไทยหัวใจรักพ่อหลวงได้ทราบความคืบหน้าล่าสุดว่า โครงการที่วางแผนไว้ว่าจะเดินทางไปพูดเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ให้ชาวไทยและชาวอเมริกันฟังใน 4 เมืองใหญ่ได้ฟังนั้น ได้ถูกยกเลิกลงไปแล้ว เหตุเพราะสถานทูตอเมริกาในไทยไม่อนุมัติวีซ่าให้ผ่านเข้าประเทศ!!
 
ธันวาคม 2559 เป็นเดือนที่เบสตั้งใจจะทูลเกล้าฯ ถวายโครงการพูดเพื่อพ่อ การพูดการกุศลที่ตั้งใจทำมาหลายปีด้วยการไปปลูกฝังเยาวชนไทยให้รู้หน้าที่ มีใจกตัญญูและรู้คุณชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เป็นประชาชนของพระราชา และของแผ่นดิน...แต่โอกาสนั้นไม่มีอีกแล้ว...


เมื่อได้รับการติดต่อประสานงานจากกลุ่มคนไทยหัวใจรักสถาบันกษัตริย์ ที่รวมตัวกันจัดงานที่สหรัฐอเมริกาว่าอยากให้ไปพูดเพื่อรวมหัวใจแสดงความอาลัยในรัฐที่พระองค์ท่านประสูติ ในปีสุดท้ายของพระชนมชีพ เบสตัดสินใจรับคำเชิญ ยกเลิกงานและไม่รับงานหลายงานในประเทศไทย...

ในส่วนการสัมภาษณ์วีซ่า ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่ได้เห็นเอกสารเชิญการพูด เพียงถามข้อมูลเล็กน้อยและไม่ได้ซักถามอะไรมากมาย ไม่ทราบว่าเบสจะไปเพื่อวัตถุประสงค์ใด และได้ปฏิเสธการให้วีซ่า โปรดอย่าโยงเป็นประเด็นที่ยิ่งใหญ่ เพราะอาจเป็นเพียงคุณสมบัติของเบสกับน้องเลขาฯที่ไม่เหมาะสมก็เป็นได้...

เบสกราบขอโทษคนไทยในสหรัฐอเมริกาที่เมตตาเบส เพราะรู้ว่าหนึ่งความฝันของเบสคือการได้พูดเรื่องของพระองค์ท่านในแดนไกล กราบขอโทษที่ทำให้ผิดหวังและเสียค่าใช้จ่ายมากมายเพื่อเตรียมงาน เบสเสียใจค่ะ...

เบสกราบขอโทษที่ทำให้คนไทยบางส่วนไม่สบายใจต่อข่าว วิพากษ์วิจารณ์ในหลายมุมมอง เบสขอพูดจากหัวใจ เบสไม่มีเจตนาใดๆไม่ดีเลยค่ะ นอกจากเบสเป็นนักพูดที่อยากพูดเรื่องพ่อเหมือนที่ทำมาตลอดกว่า 10 ปี เบสไม่เคยคิดว่าต้องมีชื่อเสียงกับเรื่องราวเช่นนี้ เพราะเบสทำงานของเบสอย่างปกติสุขดีโดยไม่ต้องมีความโด่งดังใดๆ...

เบสกราบขอบพระคุณทุกกำลังใจจากคนใกล้ชิด คนที่รู้จัก ผู้คนที่รักในการทำงานของเบสที่ติดต่อมาทุกช่องทาง เบสได้รับแล้วนะคะ รับด้วยน้ำตาแห่งความตื้นตัน อย่าห่วงนะคะ เบสทำงานตั้งแต่ยังไม่มีคนรู้จัก ไม่มีใครรักเบส วันนี้เบสมีคนรักพ่อที่ส่งต่อความรักมาถึงเบสมากมาย เบสสู้ไหวค่ะ แม้เสียใจก็จะสู้ เบสขอบคุณจากหัวใจค่ะ...


ที่สุด...เบสอยากกราบขอโทษพระองค์ท่านที่ชาตินี้ เบสถวายงานได้เพียงน้อยนิด มีหลายความตั้งใจที่เบสทำถวายไม่ได้ แต่หากเสียงของเบสยังถวายงานได้ สร้างคุณประโยชน์ใดต่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ที่เบสรักยิ่งชีพ เบสจะทำจนสุดกำลัง เบสกราบขอโทษที่เบสไม่มีบุญทำได้มากกว่านี้...

ทุกปัญหาทำให้เบสเข้าใจว่า ในวันที่มีพระองค์ท่านหรือไม่มีพระองค์ท่าน สิ่งเดียวที่เป็นหลักยึดของเบสคือความดีที่พระองค์ท่านทำ ที่สอนเบสว่าเราต้องเข้มแข็งในความดี #ขอพระบารมีปกป้องลูกเหมือนที่ผ่านมา #ลูกขอกำลังใจ"

แม้จะยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดว่าเพราะเหตุใด สถานทูตอเมริกาประจำประเทศไทยจึงไม่อนุมัติวีซ่าให้การเผยแพร่พระราชกรณียกิจขององค์พ่อหลวงในครั้งนี้ แต่ผลการตัดสินใจดังกล่าวก็ส่งให้คลื่นความคิดเห็นวิ่งเข้าปะทะกันจากหลายฝั่ง บ้างวิเคราะห์ว่าอาจเป็นผลสืบเนื่องจากปัญหาด้านความมั่นคงภายในประเทศในขณะนี้ที่ยังคุกรุ่น จากเหตุประท้วงว่าที่ผู้นำคนใหม่อย่าง “โดนัลด์ ทรัมป์”
 
บ้างหยิบยกเอาผลการไม่อนุมัติวีซ่าของเบสในครั้งนี้ ไปเปรียบเทียบกับการอนุมัติให้นักเคลื่อนไหวทางการเมืองชาวไทยในฟากหมิ่นพระบรมเดชานุภาพได้เผยแพร่ความคิดในอเมริกาหลายครั้งหลายครา จนเกิดเป็นคลื่นคำถามคลื่นใหญ่ตอกกลับมาว่า เกิดอะไรขึ้นกับประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกากันแน่!!?

แต่ไม่ว่าจะถูกวิพากษ์วิจารณ์ไปในทิศทางใด เจ้าของประเด็นก็ขอให้อย่าเพิ่งคิดไปไกล และขอให้อ่านและฟังจากปากคำของเธอเป็นหลัก ดังที่ล่าสุด เจ้าตัวเพิ่งออกมาโพสต์ผ่านแฟนเพจของเธอเอาไว้ในโพสต์ด้านล่างนี้





น่าเสียดาย...เรื่องราวในหลวงที่คนต่างแดนไม่ได้ฟัง

“พูดจากหัวใจ” คือสิ่งที่ทำให้นักพูดเพื่อพ่ออย่างเบสแตกต่างจากนักพูดรายอื่นๆ ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ทำให้เธอสามารถมานั่งอยู่ในหัวใจของชาวไทยหลายๆ คน จนกลายเป็นขวัญใจพี่น้องพสกนิกรใต้พระบารมีพ่อหลวงรัชกาลที่ ๙ ไปแล้ว...

เธอเคยเปิดใจให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเบื้องหลังเส้นทางการบอกเล่าเรื่องราวตามรอยพระบาทเอาไว้ในรายการ "ในหลวงในความทรงจำ" ว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช คือที่สุดแห่งแรงบันดาลใจในชีวิต และจะขอทำหน้าที่ตรงนี้ให้ดีที่สุดเท่าที่ชีวิตนี้จะทำได้ เพื่อตอบแทนความรักที่ไม่มีวันสิ้นสุดของพระองค์

“ที่ทำให้ตัดสินใจเดินตามรอยพระบาทของพระองค์ เพื่อมาบอกเล่าเรื่องราวตรงนี้คือวินาทีที่ได้อ่านเรื่องราวของท่าน อ่านมาจนถึงประโยคที่เขียนไว้ว่า พระองค์ท่านประสบอุบัติเหตุตอนพระชนมายุเพียง 20 พรรษา ทำให้ต้องสูญเสียพระเนตรไปข้างหนึ่ง หมายความว่าท่านเหลือตาเพียงข้างเดียวที่เอาไว้ดูแลพวกเรา ตรงนี้แหละค่ะที่มากระทบใจ ทำให้รู้สึกว่าพระองค์ท่านทรงรักพวกเรายิ่งกว่ารัก รักยิ่งกว่ารักชีวิตตัวเองด้วยซ้ำ เป็นความรักที่ยิ่งใหญ่ถึงขั้นที่รู้สึกว่าเราต้องถ่ายทอดความรักของพระองค์ให้ได้ในชาตินี้


พระองค์ท่านดูแลเรามา 70 ปี ด้วยตาเพียงข้างเดียว แต่เรามีตาทั้งสองข้าง เราหันมามองพระองค์ท่านจริงๆ ตอนไหน ตอนวันที่ 4 ธ.ค. ตอนที่พระองค์ท่านพระราชทานพร มองตอนที่พระองค์ท่านเสด็จฯ ออกมาให้เราเห็น นอกนั้นเราเอาตาไปมองเรื่องของตัวเองหมดเลย เราแทบไม่เคยมองเรื่องประเทศชาติบ้านเมืองด้วยซ้ำ

เบสได้เห็นสิ่งที่พระองค์ท่านทำจริงๆ เชื่อไหมคะว่า "โครงการแก้มลิง" ที่บ้านเบส ที่พระองค์ท่านมาสร้างไว้ให้ ซึ่งก่อนหน้านั้นในฐานะคนจนคนหนึ่ง เราอยากไปบอกใครสักคนหนึ่งว่ามาช่วยเราหน่อยได้ไหม เราน้ำท่วมทุกปีเลยนะ และเรามีคนตายที่บ้านเราเพราะน้ำท่วม แล้วพระองค์ท่านก็เสด็จฯ มาเองโดยที่ลูกยังไม่ได้บอกอะไรเลย ที่พิเศษคือ เวลาพ่อแม่แก้ปัญหาให้เรา เขาจะไม่มานั่งบอกว่า นี่ทำให้นะ พระองค์ท่านก็เหมือนกัน ทรงทำเสร็จ เปิดโครงการแป๊บเดียวก็เสด็จฯ กลับ ไม่เคยทวงถามบุญคุณ”


เบสเป็นนักพูดสร้างแรงบันดาลใจที่พูดได้หลากหลายเรื่องราว แต่เรื่องที่เธอไม่เคยลืมกล่าวถึงก็คือเรื่องราวของพ่อหลวงภูมิพล แม้ตลอดเส้นทางที่เดินมา จะมีเสียงสะท้อนด้านลบ ตั้งคำถามถึงการพูดเพื่อพ่อหรือการทำดีในแบบที่พยายามอยู่ก็ตาม หรือแม้กระทั่งผลวีซ่าในครั้งล่าสุดที่ก่อดรามาให้คนบางกลุ่มวิจารณ์กันไปตามอำเภอใจ แต่เธอก็ไม่ท้อและจะขอยึดมั่นเพื่อ “ในหลวงในดวงใจ” ต่อไปตราบเท่าที่โอกาสในชีวิตนี้จะอำนวย

“เวลาทำงานแบบนี้ ถ้าเราบอกว่าเราทำความดี มันก็ต้องมีคนมองว่า "ดีจริงไหม" เป็นเรื่องจริงหรือเปล่า หรือมีคนดูถูก มีคนหยามหมิ่นเกียรติเรา ทำให้เราเป๋อยู่ตลอด จนได้ศึกษาเรื่องของพระองค์ท่านจริงๆ ถึงคิดได้ว่าถ้าเราเจอเรื่องที่คิดว่าหนักแล้ว พระองค์ท่านเจอหนักกว่าอีก

70 ปี พระองค์ท่านทนมาได้ยังไง ท่ามกลางคนที่ทั้งเข้าใจและไม่เข้าใจ ท่ามกลางคนที่รักสรรเสริญมากมาย แต่คนที่ไม่ก็มี ทนได้ยังไงกับการที่ไม่อธิบายอะไร ไม่แก้ตัว ไม่ว่าใคร ไม่คิดอาฆาตใคร นี่แหละค่ะคือสิ่งที่เป็นต้นแบบของเบส มองในหลวงแล้วรู้สึกว่าเอาเวลาที่จะไปอธิบายตัวเองให้โลกรู้ มาทำความดีดีกว่า เพราะเวลาบนโลกนี้สั้นมาก เพราะพระองค์ท่านไม่มานั่งอธิบายอะไรไงคะ พระองค์ท่านเลยมีเวลาทำอะไรมากมายเพื่อเราได้ขนาดนี้


พระองค์ท่านให้ของขวัญเรา 4,000 กว่ากล่องผ่านทางโครงการมากมาย เราให้แค่กล่องเดียวก็พอค่ะ คือทำตัวเองให้ดี เพื่อตอบแทนพระราชาพระองค์นี้ เพราะเกิดอีกสิบชาติก็ไม่เจอมหาราชที่ชื่อ "ภูมิพล" แล้ว อยากจะชวนทุกคนให้ทำความดี ให้ทุกคนได้เป็นเศษดินใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทที่เข้มแข็งตลอดไป ขอให้ทุกคนได้อัญเชิญพระองค์ท่านมาอยู่ในหัวใจ แล้วเข้มแข็งให้พระองค์ท่านเห็น สิ่งเดียวที่พระองค์ท่านเป็นห่วงที่สุดคือแผ่นดินไทย เพราะฉะนั้น เราต้องลุกขึ้นและเดินหน้าประเทศไทยไปต่อให้ได้

ไม่ได้สำคัญว่าพระองค์ท่านจะอยู่ที่ไหน จะอยู่บนแผ่นดินไทยไหม หรือจากโลกนี้ไปแล้ว สำคัญอย่างเดียวว่าเรายังเป็นคนของพระองค์ท่านไหม เรายังรักพระองค์ท่านหรือเปล่า ถ้าเราจะบอกว่าเราจะหยุดทำความดี หยุดเป็นคนดีเพราะไม่มีพ่อ แสดงว่าเราไม่ได้รักในหลวงจริง ถ้าเรารักพ่อ เราจะต้องมีปณิธาน เราจะต้องเก็บทุกอย่างที่พ่อให้ไว้เป็นมรดกแห่งความรัก แล้วเดินหน้าต่อ เพื่อเป็นการส่งพระองค์สู่สวรรคาลัยที่ดีที่สุด เป็นการแสดงออกถึงความรักที่ชัดเจนที่สุดเพื่อพระองค์

ขอให้คนไทยทุกคนสู้กันต่อไป เช่นเดียวกับหัวใจที่แข็งแกร่งของเธอในวันนี้ ที่ถึงแม้จะต้องผิดหวังจากเหตุไม่คาดฝัน ส่งให้ไม่ได้นำพระราชปณิธานของพระองค์ไปบอกเล่าให้ผู้คนอีกฟากฝั่งหนึ่งได้ฟัง แต่เบสก็ยังคงยึดมั่นในเส้นทางของตัวเอง ด้วยความตั้งมั่นว่าจะใช้ “เสียงเล็กๆ ของประชาชน” ถวายงานกราบแทบฝ่าพระบาทในทุกวิถีทางเท่าที่จะทำได้ แม้ต้องพลาดการไปเยือนอเมริกาในครั้งนี้ก็ไม่เป็นไร “เสียใจแต่ไม่เสียความตั้งใจ” ลูกของพ่อคนนี้ย้ำชัดเอาไว้ในฐานะ “นักพูดเพื่อพ่อหลวงภูมิพล”








ข่าวโดย ผู้จัดการ Live
ขอบคุณภาพ: แฟนเพจ "Best Orapim"




มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram

"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!


และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754



กำลังโหลดความคิดเห็น