นายกฯสั่งห้ามตำรวจนำผู้ต้องหาแถลงข่าวต่อหน้าสื่อมวลชน ชี้เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน หวั่นผู้ทำผิดหรือคดีโอละพ่อแพะรับบาปจะไม่มีที่ยืนในสังคมเมื่อพ้นโทษ! จนต้องกลับไปก่อคดีซ้ำซาก
เฟซบุ๊กของรองปลัดกระทรวงยุติธรรม ที่ใช้ชื่อว่า ธวัชชัย ไทยเขียว ได้เผยแพร่ภาพจดหมายจากสำนักเลาขาธิการนายกรัฐมนตรี พร้อมระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีมีบัญชา ไม่ให้นำตัวผู้ต้องหาออกมาแถลงข่าว ให้แถลงเฉพาะผลการดำเนินงานเท่านั้น..!
สืบเนื่องจากกระทรวงยุติธรรมได้มีหนังสือด่วนที่สุด ที่ ยธ 0406/5845 ลงวันที่ 3 สิงหาคม 2559 รายงานสถานการณ์การละเมิดสิทธิเสรีภาพและสิทธิมนุษยชนในประเทศ ระหว่างวันที่ 23-29 กรกฎาคม 2559 ตามข้อสั่งการของท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมให้กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ รายงานท่านนายกรัฐมนตรีทราบทุกสัปดาห์นั้นซึ่งสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้นำกราบเรียนนายกรัฐมนตรีทราบ และท่านนายกได้มีบัญชาเพิ่มเติมให้นำเรียนรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและสำนักงานตำรวจแห่งชาติทราบ
กรณีการนำผู้ต้องหามาแถลงข่าวนั้น "น่าจะแถลงผลการดำเนินการเท่านั้น โดยไม่ต้องให้ผู้ต้องหามาออกแถลงข่าว" เนื่องจากเป็นการละเมิดสิทธิมนุษชน อีกทั้งหากต่อไปหากผู้ต้องดังกล่าวนั้นมิได้เป็นผู้กระทำความผิดหรือกระทำความผิดจริงแต่เมื่อพ้นโทษตามคำพิพากษาแล้วจะทำให้เขาเหล่านั้นไม่มีพื้นที่ยืนในสังคมและหวนกลับไปซ้ำรอยเดิมด้วยการกระทำความผิดซ้ำอีกได้
อย่างไรก็ดี ด้านโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงกรณีที่สั่งห้ามนำตัวผู้ต้องหาแถลงข่าวกับสื่อมวลชน เพิ่มเติมว่าเป็นตัวกฎหมายที่กำหนดมาอยู่แล้ว เป็นเรื่องที่ต้องปฏิบัติ ยืนยันไม่กระทบการทำงาน เพราะต้องคำนึงถึงการละเมิดสิทธิมนุษยชน
ครั้นสังคมโซเชียลฯ รับรู้เรื่องราวต่างคอมแมนต์เห็นดีเห็นงามอย่างยิ่ง พร้อมยกตัวอย่างว่า ที่ต่างประเทศ กว่าจะยินยอมให้เผยแพร่หน้าตาคนร้ายได้ต้องผ่านขั้นตอนมากมาย ยากยิ่งกว่าประเทศไทยอีก อันนี้เป็นหลักสากล เพราะในขั้นตอนการสอบสวนจะถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าศาลจะตัดสิน นอกจากนี้ ยังเคยมีเคสที่เผยแพร่ภาพผู้ต้องสงสัยหรือผู้ต้องหาผ่านสื่อ ต่อมาภายหลังกลายเป็นแพะ แต่ชีวิตคน ๆ นั้นถูกตราหน้าจากสังคมว่า เป็นคนร้ายไปแล้ว เป็นความเสียหายที่ยากจะชดใช้คืนได้

"ดีมาก สมควรแล้ว ในสังคมที่แพะเยอะกว่าหมาตามวัด ผิดไม่ผิดไม่รู้จับมาแถลงข่าวโชว์ผลงานไว้ก่อน ไม่สนใจเลยว่าที่จับมาใช่คนบริสุทธิ์ไหม สร้างปัญหาให้สังคมตราหน้าว่าเป็นโจร แค่ต้องต่อสู้ในสิ่งที่ตนเองไม่ได้ทำ ยังต้องต่อสู้เพื่อใช้ชีวิตอย่างปกติลำบากขึ้นไปอีก"
"ทางกระบวนการยุติธรรมนั้น ถ้าศาลยังไม่ตัดสินว่าผิด คือ เค้าก็ยังไม่ผิด แต่พอเอาเค้าออกแถลงข่าว ก็กลายเป็นคนผิด เป็นจำเลยสังคมทันที มันไม่ใช่แค่ตัวจำเลยนะที่มีผลกระทบ แต่พ่อ แม่ ลูก เมีย สามี ครอบครัวเค้า ก็ถูกผลกระทบไปในทันที ต่างประเทศเขาก็ไม่ได้ทำอย่างนี้ เห็นกันบ่อยใช่ไหมล่ะ เรื่องแพะ รับบาปนะ ถ้าเค้าเป็นแพะ แล้วจับมาแถลงข่าวแบบนี้ คนฟังข่าวก็ตัดสินว่าเขาผิด เขาเลว ด่าทอกันในทันที ทั้งๆที่ก็ไม่ใช่ผู้อยู่ในเหตุการณ์นั้นเลย"
"วงเล็บหนักๆ ทำตัวหนาขีดเส้นใต้คำว่า "ผู้ต้องหา" ค่ะ เพราะตามหลักผู้ต้องหาจะถืว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ จนกว่าจะพิสูจน์ ให้สินสุดในศาลว่าผิดจริง แต่บ้านเราพอจับใครได้ก็จับให้รับสารภาพ เพราะง่ายดี ไม่ต้องพิสูจน์หนักฐานสือพยานให้เมื่อย เลยมีแพะอยู่เรื่อยๆ ไม่งั้นก็กลับคำรับสารภาพที่หลังก็รอดตัวแล้ว เพราไม่มีหลักฐ่นอะไรพิสูจน์ว่าทำผิด เพราะอิงแต่คำรับสารภาพอย่างเดียว ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมคดีเข้าสู่ศาลแล้วส่วนมากตัดสินโทษเบา ก็เบาตามหลักฐานที่มีนั่นแหล่ะ"
"คุณต้องไปลองเป็นจำเลยที่ถูกกล่าวหาโดยไม่ผิดซะก่อน เวลามีเรื่องชั่วคนจะสนใจและรู้มาก แต่เวลาผลออกมาไม่ผิดตามข่าว มีใครสนใจบ้าง เค้าโดนตราหน้าไปเรียบร้อยว่าชั่ว อย่างที่ผ่านมาเรื่องคลิปส่องกระโปรงสาวบนบีทีเอส ทั้งที่จริงเขาแค่ใส่ร้องเท้าขาดเฉยๆ ไปทำงานมาด้วย แต่สื่อออนไลน์นะ ทำชีวิตเขาพังไปหมดแล้ว ใครรับผิดชอบได้บ้าง
เวลาโพสต์ทำชั่วคนด่านับแสน เวลาโพสต์ขอโทษแก้ข่าวคนกลับมาโพสต์ขอโทษหลักร้อย มันคุ้มกันรึเปล่าครับ คนเหล่านั้นร้องเรียนได้จากใคร ตามกม.ไทยมีเงินเยียวยาให้ก็จริง สมมุติผมต้องโดนตราหน้าไปตั้งแต่อายุ 25 ศาลเห็นใจให้กระทรวงยุติธรรมชดเชยให้ 2ล้าน เงิน2ล้านมันเยอะตรงไหนกับชีวิตทีเหลืออยู่ กว่าจะตายนู่นอายุ 80 แล้วผมจะอยู่ยังไงระหว่างนั้น งานก็ไม่มีทำ คนรอบข้างก็รังเกียจไปแล้ว เดินไปไหนมาไหนคนก็นินทา คุณคิดว่าผมจะใช้ชีวิตได้ยังไงต่อไปครับ"
มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram
"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!
และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754
เฟซบุ๊กของรองปลัดกระทรวงยุติธรรม ที่ใช้ชื่อว่า ธวัชชัย ไทยเขียว ได้เผยแพร่ภาพจดหมายจากสำนักเลาขาธิการนายกรัฐมนตรี พร้อมระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีมีบัญชา ไม่ให้นำตัวผู้ต้องหาออกมาแถลงข่าว ให้แถลงเฉพาะผลการดำเนินงานเท่านั้น..!
สืบเนื่องจากกระทรวงยุติธรรมได้มีหนังสือด่วนที่สุด ที่ ยธ 0406/5845 ลงวันที่ 3 สิงหาคม 2559 รายงานสถานการณ์การละเมิดสิทธิเสรีภาพและสิทธิมนุษยชนในประเทศ ระหว่างวันที่ 23-29 กรกฎาคม 2559 ตามข้อสั่งการของท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมให้กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ รายงานท่านนายกรัฐมนตรีทราบทุกสัปดาห์นั้นซึ่งสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้นำกราบเรียนนายกรัฐมนตรีทราบ และท่านนายกได้มีบัญชาเพิ่มเติมให้นำเรียนรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและสำนักงานตำรวจแห่งชาติทราบ
กรณีการนำผู้ต้องหามาแถลงข่าวนั้น "น่าจะแถลงผลการดำเนินการเท่านั้น โดยไม่ต้องให้ผู้ต้องหามาออกแถลงข่าว" เนื่องจากเป็นการละเมิดสิทธิมนุษชน อีกทั้งหากต่อไปหากผู้ต้องดังกล่าวนั้นมิได้เป็นผู้กระทำความผิดหรือกระทำความผิดจริงแต่เมื่อพ้นโทษตามคำพิพากษาแล้วจะทำให้เขาเหล่านั้นไม่มีพื้นที่ยืนในสังคมและหวนกลับไปซ้ำรอยเดิมด้วยการกระทำความผิดซ้ำอีกได้
อย่างไรก็ดี ด้านโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงกรณีที่สั่งห้ามนำตัวผู้ต้องหาแถลงข่าวกับสื่อมวลชน เพิ่มเติมว่าเป็นตัวกฎหมายที่กำหนดมาอยู่แล้ว เป็นเรื่องที่ต้องปฏิบัติ ยืนยันไม่กระทบการทำงาน เพราะต้องคำนึงถึงการละเมิดสิทธิมนุษยชน
ครั้นสังคมโซเชียลฯ รับรู้เรื่องราวต่างคอมแมนต์เห็นดีเห็นงามอย่างยิ่ง พร้อมยกตัวอย่างว่า ที่ต่างประเทศ กว่าจะยินยอมให้เผยแพร่หน้าตาคนร้ายได้ต้องผ่านขั้นตอนมากมาย ยากยิ่งกว่าประเทศไทยอีก อันนี้เป็นหลักสากล เพราะในขั้นตอนการสอบสวนจะถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าศาลจะตัดสิน นอกจากนี้ ยังเคยมีเคสที่เผยแพร่ภาพผู้ต้องสงสัยหรือผู้ต้องหาผ่านสื่อ ต่อมาภายหลังกลายเป็นแพะ แต่ชีวิตคน ๆ นั้นถูกตราหน้าจากสังคมว่า เป็นคนร้ายไปแล้ว เป็นความเสียหายที่ยากจะชดใช้คืนได้
"ดีมาก สมควรแล้ว ในสังคมที่แพะเยอะกว่าหมาตามวัด ผิดไม่ผิดไม่รู้จับมาแถลงข่าวโชว์ผลงานไว้ก่อน ไม่สนใจเลยว่าที่จับมาใช่คนบริสุทธิ์ไหม สร้างปัญหาให้สังคมตราหน้าว่าเป็นโจร แค่ต้องต่อสู้ในสิ่งที่ตนเองไม่ได้ทำ ยังต้องต่อสู้เพื่อใช้ชีวิตอย่างปกติลำบากขึ้นไปอีก"
"ทางกระบวนการยุติธรรมนั้น ถ้าศาลยังไม่ตัดสินว่าผิด คือ เค้าก็ยังไม่ผิด แต่พอเอาเค้าออกแถลงข่าว ก็กลายเป็นคนผิด เป็นจำเลยสังคมทันที มันไม่ใช่แค่ตัวจำเลยนะที่มีผลกระทบ แต่พ่อ แม่ ลูก เมีย สามี ครอบครัวเค้า ก็ถูกผลกระทบไปในทันที ต่างประเทศเขาก็ไม่ได้ทำอย่างนี้ เห็นกันบ่อยใช่ไหมล่ะ เรื่องแพะ รับบาปนะ ถ้าเค้าเป็นแพะ แล้วจับมาแถลงข่าวแบบนี้ คนฟังข่าวก็ตัดสินว่าเขาผิด เขาเลว ด่าทอกันในทันที ทั้งๆที่ก็ไม่ใช่ผู้อยู่ในเหตุการณ์นั้นเลย"
"วงเล็บหนักๆ ทำตัวหนาขีดเส้นใต้คำว่า "ผู้ต้องหา" ค่ะ เพราะตามหลักผู้ต้องหาจะถืว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ จนกว่าจะพิสูจน์ ให้สินสุดในศาลว่าผิดจริง แต่บ้านเราพอจับใครได้ก็จับให้รับสารภาพ เพราะง่ายดี ไม่ต้องพิสูจน์หนักฐานสือพยานให้เมื่อย เลยมีแพะอยู่เรื่อยๆ ไม่งั้นก็กลับคำรับสารภาพที่หลังก็รอดตัวแล้ว เพราไม่มีหลักฐ่นอะไรพิสูจน์ว่าทำผิด เพราะอิงแต่คำรับสารภาพอย่างเดียว ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมคดีเข้าสู่ศาลแล้วส่วนมากตัดสินโทษเบา ก็เบาตามหลักฐานที่มีนั่นแหล่ะ"
"คุณต้องไปลองเป็นจำเลยที่ถูกกล่าวหาโดยไม่ผิดซะก่อน เวลามีเรื่องชั่วคนจะสนใจและรู้มาก แต่เวลาผลออกมาไม่ผิดตามข่าว มีใครสนใจบ้าง เค้าโดนตราหน้าไปเรียบร้อยว่าชั่ว อย่างที่ผ่านมาเรื่องคลิปส่องกระโปรงสาวบนบีทีเอส ทั้งที่จริงเขาแค่ใส่ร้องเท้าขาดเฉยๆ ไปทำงานมาด้วย แต่สื่อออนไลน์นะ ทำชีวิตเขาพังไปหมดแล้ว ใครรับผิดชอบได้บ้าง
เวลาโพสต์ทำชั่วคนด่านับแสน เวลาโพสต์ขอโทษแก้ข่าวคนกลับมาโพสต์ขอโทษหลักร้อย มันคุ้มกันรึเปล่าครับ คนเหล่านั้นร้องเรียนได้จากใคร ตามกม.ไทยมีเงินเยียวยาให้ก็จริง สมมุติผมต้องโดนตราหน้าไปตั้งแต่อายุ 25 ศาลเห็นใจให้กระทรวงยุติธรรมชดเชยให้ 2ล้าน เงิน2ล้านมันเยอะตรงไหนกับชีวิตทีเหลืออยู่ กว่าจะตายนู่นอายุ 80 แล้วผมจะอยู่ยังไงระหว่างนั้น งานก็ไม่มีทำ คนรอบข้างก็รังเกียจไปแล้ว เดินไปไหนมาไหนคนก็นินทา คุณคิดว่าผมจะใช้ชีวิตได้ยังไงต่อไปครับ"
มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram
"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!
และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754