ภาพการทรงงานหนักเสด็จพระราชดำเนินยังท้องถิ่นทุรกันดารทั่วทุกพื้นที่ของประเทศไทยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ ยังติดตรึงอยู่ในใจพสกนิกรชาวไทย ชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่ยากเข้าถึงเช่น “ชาวเขา” ต่างได้ชีวิตใหม่ พระองค์ทรงพลิกพื้นดินจากการทำไร่เลื่อนลอยให้เป็นที่ทำกินเลี้ยงครอบครัวเฉกเช่นปัจจุบัน
เช่นเดียวกับครอบครัวของ ริชชี่- อรเณศ ดีคาบาเลส นางเอกสาววัย 22 ปีแห่งช่องวิกน้อยสี แน่นอนไม่มีใครทราบเลยว่า เธอมีเชื้อสาย “ลาหู่” กระทั่งทาง จ.เชียงใหม่ ได้เชิญครอบครัวของเธอมาร่วมถวายสักการะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หน้าพระบรมฉายาลักษณ์ ณ ศาลากลางเชียงใหม่ โดยทางจังหวัดจะคัดเลือกเฉพาะชาวเขาที่เคยได้ถวายงานพระองค์เท่านั้น นั่นก็คือครอบครัวของเธอ ที่เคยถวายงานรับใช้ในหลวง ร. ๙ อย่างใกล้ชิด หลายคนถึงกับเซอร์ไพรส์!
ที่สุดในชีวิต! จากรุ่นสู่รุ่น ถวายงานรับใช้ “พ่อหลวง”
ด้วยนามสกุล “ดีคาบาเลส” ของเธอ ที่ดูจะเป็นฝรั่ง จึงทำให้หลายคนเข้าใจว่า ริชชี่ เป็นนางเอกลูกครึ่งที่มีเชื้อสายไทย ฟิลิปปินส์ สวิตเซอร์แลนด์ อังกฤษ และสเปน แต่ไม่เคยมีใครทราบมาก่อนแน่นอนว่า เธอมีเชื้อสาย “ลาหู่” อีกด้วย เพราะคุณแม่ ชฎาพร ไชยกอ ซึ่งเป็นคุณแม่ของเธอ สืบเชื้อสายมาจากเผ่าลาหู่ ใช้ชีวิตบนดอยปู่หมื่นใน อ.ฝาง มาตั้งแต่เกิด โดยนามสกุล “ไชยกอ” เป็นนามสกุลของชนเผ่าลาหู่นั่นเอง
“ไม่มีใครรู้มาก่อนเลยว่าริชชี่มีเชื้อสายลาหู่ เราไม่เคยปิดบัง เพราะริชชี่คิดว่าตัวเองเป็นคนไทย สัญชาติไทย เลยไม่ได้ลงลึกรายละเอียด ริชชี่ภาคภูมิใจในเชื้อสายตนเอง ชนเผ่าลาหู่อพยพทางจากทิเบตตอนใต้ เข้าตั้งรกรากอยู่ในเมืองไทยในแถบภาคเหนือกว่า 120 ปีแล้ว คุณทวด หรือปู่หมื่น ได้อพยพมาอยู่ประเทศไทย โดยเผ่าลาหู่จะอยู่กันตามบริเวณภาคเหนือ จ.เชียงใหม่ จ.เชียงราย จ.แม่ฮ่องสอน
คุณแม่ริชชี่เป็นคน อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ใช้ชีวิตแบบชาวเขาทั่วไปบนดอยปู่หมื่น ปู่หมื่นเป็นคุณทวดของคุณแม่ เป็นผู้นำบนดอย หมู่บ้านเราจึงชื่อว่า “ดอยปู่หมื่น” จากนั้น “คุณตาจะฟะ” จึงสืบสานต่อการเป็นผู้นำดอยปู่หมื่นนับแต่นั้นมา
แต่สำหรับตัวริชชี่เองเกิดในตัวเมืองเชียงใหม่ เรียนที่เชียงใหม่ แต่ตอนเด็กช่วงปิดเทอมคุณแม่จะพาขึ้นดอย พาไปเรียนรู้การปลูกชา เก็บชา เพราะคุณแม่กับพี่น้องทุกคนทำงานเกี่ยวกับไร่ชาตามพระราชดำริของพ่อหลวง
จำได้เลยว่า เมื่อ 20 ปีก่อนทางขึ้นดอยลำบากมาก ดินสีแดง ถนนขรุขระ ทุรกันดาร เวลาจะขึ้นไปต้องใช้รถโฟร์วีลต้องมีโซ่ล็อกล้อกันล้อหลุด เพราะดินโคลนเละเทะ” ริชชี่ เล่าย้อนภาพจำวัยเด็กถึงเส้นทางสุดโหดทางขึ้นดอยปู่หมื่น
ในหลวง ร. ๙ เสด็จฯ มาที่ดอยปู่หมื่นครั้งแรก เมื่อปี 2513 พระราชทานแกะ ไก่ แพะ ให้คุณตาจะฟะ ซึ่งเป็นคุณตาของริชชี่ เพื่อแจกจ่ายให้ชาวบ้าน ทรงสอนให้รู้จักเลี้ยงสัตว์ เพื่อชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ครั้นพระองค์ทรงทราบว่าชาวบ้านดอยปู่หมื่นทำไร่เลื่อนลอยกันเยอะ และมีการปลูกฝิ่น ซึ่งผิดกฎหมาย พระองค์ทรงเสด็จฯ กลับมาอีกครั้งในปี 2515เพื่อพระราชทานชา “พันธุ์อัสสัม” ต้นแรกให้กับคุณตาจะฟะ เพื่อส่งต่อให้ชาวบ้านปลูก และผลไม้เมืองหนาว ทดแทนการปลูกฝิ่น” ริชชี่กล่าวอย่างภาคภูมิใจในตระกูลของเธอที่ได้ถวายงานรับใช้ในหลวง ร.๙ อย่างใกล้ชิด
นอกจากนี้ คุณแม่ของเธอยังเล่าด้วยว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ กับสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ท่านจะเสด็จคู่กันตลอด เป็นคู่บุญบารมี จะเห็นในภาพที่ออกสื่อคุณแม่ริชชี่รับเสด็จฯ ตอนนั้นคุณแม่ทูลถวายงานกับพระองค์ท่าน เมื่อพระราชินีทรงทอดพระเนตรเห็น ทรงตรัสว่า “อ้าว นั่นลูกสาวของจะฟะนี่” จากนั้นพระองค์เสด็จพระราชดำเนินมาที่คุณแม่เป็นภาพประทับใจซาบซึ้งของครอบครัวมาก
คุณแม่เล่าเหตุการณ์ในวันนั้นให้ฟัง ริชชี่รู้สึกภูมิใจมากที่ได้ใกล้ชิดท่านขนาดนี้ ซาบซึ้งมาตลอดที่ครอบครัวเรามีโอกาสได้ถวายงานรับใช้ท่าน เราเห็นสิ่งที่ครอบครัวเราทำยิ่งรู้ประวัติความเป็นมาในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านต่อครอบครัว เรายิ่งรู้สึกตื้นตันสุดภาคภูมิใจสูงสุดในชีวิต”
อัลปา ที…“ชาของพ่อ”
นอกจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ จะพระราชทานชาพันธุ์อัสสัมให้ชาวบ้านบนดอยปู่หมื่นปลูกแล้ว ทว่าก็จะมีปัญหาอีกว่า ผลผลิตไม่มีที่ขาย พระองค์ทรงมีพระเมตตามอบเงินทุนให้กับคุณตาจะฟะ ในการเปิดร้านค้าชาวเขา เพื่อให้เป็นศูนย์กลางในการรับผลผลิตของชาวบ้านกระจายสินค้ามาขายในร้านนี้ เพราะพระองค์ทรงเป็นห่วงว่าเมื่อชาวบ้านปลูกชาแล้วจะไม่มีที่ขาย ซึ่งมีชื่อร้านว่า “ร้านค้าชาวเขาในพระบรมราชานุเคราะห์” ซึ่งตอนนี้คุณแม่ริชชี่ เป็นคนดูแลอยู่เพื่อสืบสานปณิธานของพระองค์ท่านที่เคยตรัสกับคุณตาจะฟะว่า “อย่าทอดทิ้งชาวบ้าน”
“ร้านค้าชาวเขาฯ จะรับทุกอย่างของชาวบ้านมาขายแต่ผลผลิตหลักก็คือ “ชา” นอกจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์ต่างๆ งานหัตถกรรม เช่น ผ้าทอชุดชาวเขา อีกด้วย เพื่อทำให้ชาวบ้านอยู่ได้ อาจจะไม่ได้สมบูรณ์แบบ แต่ทุกคนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
นอกจากนี้ ยังรับซื้อชาจากชาวบ้าน ภายใต้ชื่อ “อัลปา ที” แปลว่า “ชาของพ่อ” ขายใน อ.ฝาง ให้นักท่องเที่ยว อนาคตอยากจะพัฒนาตรงนี้ และผลิตภัณฑ์ของชาวบ้านต่อไป
คุณแม่จะสอนเราอยู่เสมอว่า ครอบครัวเรา อยู่ได้เพราะพระองค์ ท่านทรงมีพระเมตตา เรามีทุกวันนี้ ครอบครัวเราอยู่ได้ทุกวันนี้ เพราะความรักความห่วงใยของพระองค์ท่าน คุณแม่จะสอนให้เรายึดพระองค์ท่านเป็นกำลังใจในการทำความดี รวมถึงการทำงาน และการเป็นนักกีฬาของเรา”
ทว่า นอกจากริชชี่จะเป็นนักแสดงแล้วอีกบทบาทหนึ่งของเธอก็คือนักกีฬาแบดมินตัน โดยปัจจุบันนี้เธอกำลังเรียนที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณะวิทยาศาสตร์การกีฬา
สานต่อปณิธาน “อย่าทอดทิ้งชาวบ้าน”
13 ปีที่คุณตาจะฟะได้ถวายงานรับใช้ในหลวง ร. ๙ กระทั่งในปี 2526 คุณตาจะฟะได้เสียชีวิตลง จากการถูกลอบยิง
“คุณตามีลูกทั้งหมด 11 คน ลูกๆ ของคุณตาจึงขอสานต่อถวายงานรับใช้พระองค์ท่านมาจนถึงปัจจุบัน หลังจากที่คุณตาจะฟะเสียชีวิต คุณลุงของริชชี่จึงได้กราบทูลในหลวงตอนที่ท่านเสด็จฯ มาดอยปู่หมื่น ว่า คุณตาได้เสียชีวิตแล้ว พระองค์ทรงตรัสแสดงความเสียใจกับคุณลุง และลูกของคุณตาทุกคนที่ไปไปรับเสด็จฯ “จะฟะ เป็นคนดี เราอยากให้ลูกหลานของจะฟะ เป็นคนดีเหมือนจะฟะ และอย่าทอดทิ้งชาวบ้าน อยากให้ช่วยดูแลชาวบ้านต่อไป”
จากนั้นลูกของคุณตาทุกคนก็ได้นำความรู้ ความสามารถ ทุกอย่างที่มีกลับไปทำงานที่ไร่ชาต่อ ทำตามที่พระองค์ท่านตรัสไว้กับครอบครัว ว่า อย่าทิ้งชาวบ้าน
ตอนนี้คุณลุงริชชี่ เจริญ ไชยกอ เป็นผู้นำดูแลชาวบ้านบนดอยปู่หมื่น พัฒนาเรื่องชา และมีโครงการเยอะมากที่พัฒนาอยู่ตอนนี้ เพราะยังต้องถวยรายงานสมเด็จพระเทพฯ อยู่ พระองค์ไม่เคยทิ้งชาวบ้านยังติดตามความเป็นอยู่โดยตลอด
ลูกคุณตาทุกคนได้สานต่อคุณตา อย่างคุณน้า ทำมูลนิธิคริสเตียนเปี่ยมรัก คอยดูแลเด็กชาวเขา เด็กที่ด้อยโอกาส โดยคุณน้าจะเลี้ยงดูจนโต ส่วนคุณน้าอีกคน ก็ทำโรงแรมใน อ.ฝาง เป็นลักษณะโฮมสเตย์ พานักท่องเที่ยวไปเรียนรู้ใช้ชีวิตร่วมกับชาวบ้านที่อยู่บนดอยปู่หมื่น ปลูกชา เก็บชา นอกจากนี้ โรงแรมของคุณน้า ยังช่วยเหลือเด็กในท้องถิ่นให้มาทำงานที่โรงแรมมีอาชีพและรายได้อีกด้วย
ส่วนน้าชาย อีกคนก็เป็นผู้ทรงคุณวุฒิด้านชา คุณน้าจะพยายามศึกษาเรียนรู้พัฒนาเกี่ยวกับเรื่องชาตามปณิธานของในหลวงที่ท่านทรงมอบไว้ให้ดอยปู่หมื่น รวมถึงช่วยดูแลชาวบ้านบนดอยปู่หมื่น
ชาวบ้านในหมู่บ้านเราอาจจะไม่ได้ดีที่สุด แต่เราสามารถพูดได้เลยว่า ความเป็นอยู่ของชาวบ้านตอนนี้ที่ดอยปู่หมื่นดีกว่าหลายหมู่บ้าน นอกจากนี้ ดอยปู่หมื่นยังเป็นโมเดลให้กับหมู่บ้านอื่นๆอีกด้วย เพราะหมู่บ้านเรามีความแข็งแรงในชุมชน และหากหมู่บ้านไหนอยากจะเรียนรู้ เช่น เรื่องการปลูกชา การท่องเที่ยวในชุมชน สามารถมาศึกษาหมู่บ้านเราเป็นโมเดลได้ เราจะให้ความรู้ และช่วยเหลือหมู่บ้านอื่นๆได้ด้วย
ทุกวันนี้ความเป็นอยู่บนดอยปู่หมื่นดีขึ้นมาก เพราะชาวบ้านได้เปลี่ยนจากการทำไร่เลื่อนลอย และปลูกฝิ่น มาปลูกชาแทน นอกจากนี้ พระองค์ยังเสด็จฯ ไปในหมู่บ้านละแวกใกล้เคียงในโซนภาคเหนือ โดยมีคุณตา ทำหน้าที่เป็นล่าม เพราะคุณตา พูดได้ทั้งภาษาจีน ภาษาท้องถิ่น และภาษาไทย คุณตาจึงเป็นเหมือนผู้นำที่จะนำชาวบ้านจากหลายๆหมู่บ้านให้เปลี่ยนจากการปลูกฝิ่นมาปลูกชา”
ภาพติดตาฝังใจ! รับเสด็จฯ พระเทพฯ ในวัย 2 ขวบ
แม้เธอจะไม่ได้มีโอกาสรับเสด็จฯ พ่อหลวงอย่างคุณตา และคุณแม่ เพราะเกิดไม่ทันในช่วงที่ท่านเสด็จฯ มาที่ดอยปู่หมื่น แม้พระองค์จะไม่ได้เสด็จฯ บนดอยปู่หมื่นแล้ว แต่พระองค์ไม่เคยทอดทิ้ง เพราะสมเด็จพระเทพฯ ทรงสานต่องานที่ท่านทำ เธอจึงมีโอกาสได้ถวายรายงาน“สมเด็จพระเทพฯ” สร้างความปลื้มใจให้กับเธอยิ่งนัก
“เพราะพระองค์จะไม่เสด็จในที่ซ้ำๆ เพราะสถานที่นั้นพระองค์ท่านได้เข้าถึงแก้ไขช่วยเหลือปัญหาชาวบ้านได้แล้ว จึงต้องเสด็จไปในทั่วประเทศไทย ในพื้นที่ที่ชาวบ้านยังรอการช่วยเหลืออยู่ แต่ริชชี่ได้มีโอกาสได้รับเสด็จฯ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อถวายรายงานความคืบหน้าของการพัฒนาหมู่บ้าน”
เธอเล่าย้อนไป 20 ปี ในการรับเสด็จฯ สมเด็จพระเทพฯ เป็นครั้งแรก เป็นภาพแห่งความสุขของ ด.ญ.ริชชี่ ในวัย 2 ขวบ ซึ่งเป็นความประทับใจและจดจำมาจนบัดนี้
“ช่วงเด็กๆ ตอนยังไม่เข้าโรงเรียนริชชี่ก็ไปดอยปู่หมื่นบ่อย ตามคุณแม่ไปตลอด จึงมีโอกาสได้รับเสด็จ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพราะคุณแม่ คุณลุง คุณน้า ต้องถวายรายงานตลอด
ตอนนั้นประมาณ 2 ขวบ จำบรรยากาศได้ว่า ทุกคนนั่งรอ มีธงกระดาษ พวกเราก็โบกธง เป็นภาพที่ติดตาเรา ทุกวันนี้ยังฝังอยู่ในใจ วันที่รับเสด็จสมเด็จพระเทพฯ ทุกคนมารอท่านด้วยความรัก ถึงแม้จะร้อนแค่ไหน เราทุกคนก็มีความสุขที่ได้นั่งรอท่าน”
ต่อมาปี 2555 เธอได้มีโอกาสไปรับเสด็จสมเด็จพระเทพฯ อีกครั้ง ถวายรายงานเรื่องการปลูกชาตามพระราชดำริของในหลวงให้สมเด็จพระเทพฯ และถวายชาให้กับพระองค์ด้วย
ปลาบปลื้ม! ภาพครอบครัวปรากฏหลังธนบัตรฉลองครบ 7 รอบ
นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณต่อครอบครัวของเธอ เมื่อภาพของครอบครัวและคุณแม่ของเธอปรากฏบนธนบัตรฉลองครบรอบ 84 พรรษา ในปี 2554 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ ทรงอนุญาตให้ใช้ภาพนี้
“เป็นภาพเมื่อปี 2526 เป็นภาพที่ครอบครัวเราเฝ้ารับเสด็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ มีคุณแม่ คุณลุง คุณน้า ตอนแรกครอบครัวเราก็ไม่ทราบว่า มีภาพเราไปปรากฏอยู่ แต่เจ้าหน้าที่มาบอกว่า เป็นเกียรติแก่ครอบครัวมากๆ เลยนะ คือเราไม่ทราบมาก่อนเลย เพราะภาพนี้ก็นานแล้ว รู้สึกเป็นเกียรติปลื้มปิติดีใจสูงสุด
ทางสำนักพระราชวังเลือกรูปนี้เป็นต้นแบบ วาดเป็นภาพ และท่านทรงอนุญาตให้ใช้ ริชชี่เก็บธนบัตรรุ่นนี้ไว้เยอะอยู่ค่ะ เพราะตอนนี้หาซื้อยากมาก ที่ธนาคารหมดเกลี้ยง พยายามจะหาซื้อไว้ให้ได้มากที่สุด
รู้สึกเป็นเกียรติสูงสุด ภาคภูมิใจในชีวิต ที่ครอบครัวได้ทำงานรับใช้พระองค์ท่าน บางครั้งที่เราเหนื่อย เราจะมีกำลังใจ เพราะเรามีพระองค์ท่านเป็นกำลังใจ เพราะท่านมอบให้ครอบครัวเรามีหน้าที่ดูแล ช่วยเหลือชาวบ้าน จึงเป็นกำลังใจให้อยากจะพัฒนาหมู่บ้านต่อไป พระองค์ท่านเป็นแรงผลักดันให้เราสู้เมื่อเราเจอปัญหา
ตอนนี้ริชชี่ยังเรียนอยู่ และทำงานด้วย อาจจะมาช่วยอะไรไม่ได้มาก แต่เราจะไม่ทิ้งตรงนี้ เราต้องสืบสานครอบครัวต่อไปเพื่อพัฒนาหมู่บ้านตามที่ท่านทรงตรัสไว้ เพราะริชชี่ก็เป็นลูกหลานคุณตาจะฟะ ไม่ทอดทิ้งชาวบ้านแน่นอนค่ะ สิ่งที่ตั้งใจในตอนนี้คือเราเป็นดารานักแสดงสามารถเป็นสื่อที่จะช่วยส่งเสริมชา หรือผลิตภัณฑ์ของชาวบ้าน ช่วยประชาสัมพันธ์ให้คนรู้จักมากขึ้น เป็นสิ่งที่เราสามารถทำได้ตอนนี้”
ตั้งเป้า! สานต่อโครงการพระราชดำริ
“ริชชี่กลับมาเชียงใหม่ ก่อนหน้าวันที่ 13 ตุลาคม 2559 ได้ทราบข่าวการประชวรหนักของท่าน ครอบครัวเราเป็นคริสเตียนก็พยายามอธิษฐาน ขอให้พระเจ้าคุ้มครองพระองค์ท่าน ขอให้เหตุการณ์นี้ไม่เกิดขึ้น ไม่เชื่อข่าวลือที่ออกมาช่วงนั้น ถ้าทางการยังไม่แถลง สุดท้ายแถลงการณ์ออกมาว่า ท่านเสด็จสวรรคต วินาทีนั้นครอบครัวเราสุดเสียใจเศร้ามาก เพราะครอบครัวเรา ได้ถวายงานท่านอย่างใกล้ชิด ทุกคนร้องไห้ จิตใจย่ำแย่มาก ทำอะไรไม่ถูก เพราะท่านเหมือนเป็นเครื่องนำทางชีวิตเรา ไม่ว่าเราจะท้อแท้ เรามีท่านเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจในการเดินหน้าต่อไป แต่ตอนนี้ท่านไม่อยู่แล้ว เราคิดว่าไม่ใช่เรื่องจริง ไม่คิดว่าวันนี้จะเกิดขึ้น
แต่คุณแม่ก็คอยบอกว่า ท่านยังอยู่ในจิตใจเราเสมอ การที่ท่านไม่อยู่แล้ว ไม่ได้หมายความว่าสิ่งที่ท่านทำคุณงามควาดมี หรือตรัสกับเราไว้ จะหายไปนะ เราต้องเดินหน้าทำงานตรงนี้ต่อไปเหมือนที่เราทำมาตลอด ทำให้เรามีพลังมากขึ้น จากที่ตอนแรกเราเป็นแค่เด็กคนหนึ่ง แผนอนาคตเรายังไม่ชัด แต่วันนั้นเรานึกขึ้นได้เลยว่า สิ่งที่ครอบครัวเราทำมามันยิ่งใหญ่มากเลย เราภูมิใจ เป็นเกียรติ ทำให้ภาพอนาคตชัดขึ้นเลยว่าเราจะทำอะไรต่อไป
วันนั้นที่ทางจังหวัดเชิญครอบครัวเราไปถวายความอาลัยที่ศาลากลางเชียงใหม่ ที่ริชชี่ใส่ชุดเผ่าลาหู่ คือเราบอกกับคุณแม่ว่า อยากไปด้วย เพราะเราเป็นรุ่นต่อไป อยากช่วยงานตรงนี้ของครอบครัวต่อ นี่แหละเป้าหมายอนาคต มั่นใจแล้วว่าอยากสืบสานงานของครอบครัวทำให้สิ่งที่พ่อหลวงสร้างพัฒนามาให้
ถ้าเราจะสามารถเป็นสื่อให้กับชาวเขา หรือชาวเผ่า ทุกคนให้มีกำลังใจ รู้สึกภูมิใจได้ว่า พ่อหลวงรักพวกเราขนาดไหน ตัวริชชี่เองยังภูมิใจเลยว่า ครอบครัวเราได้เคยถวายงานรับใช้ท่าน
อยากให้ชาวเขาทุกคนรู้ว่า ความรักของพ่อที่มีให้เรามันยิ่งใหญ่ขนาดไหน ถนนหนทางไกล ทุรกันดารขนาดไหน ทุกคนก็เห็นว่า ท่านเสด็จฯ ทรงงานหนัก ท่านเสด็จไปทุกที่ ขนาดถนนหนทางตอนนี้คิดว่าดีขึ้นแล้ว แต่ก็ยังลำบากอยู่ แล้วตอนนั้นล่ะ ทางลำบากกว่านี้อีกหลายเท่า ดูสิ พ่อหลวงรักเรามากขนาดนี้ อยากให้ทุกคนมีกำลังใจทำสิ่งที่พ่อสร้างไว้ต่อไป ริชชี่จึงอยากไปถวายสักการะในวันนั้น อยากเป็นกำลังใจให้ทุกคน”
“ทำดีเพื่อพ่อ”... แจกชาปู่หมื่น
“คือคืนนั้นพี่วาววา (นักแสดงสังกัดเดียวกัน)โทร.มาชวนว่าจะไปแจกของที่สนามหลวง ริชชี่ก็เลยบอกว่าอยากไป รีบจองตั๋วกลับกรุงเทพฯ กับคุณน้า เพราะคุณแม่ต้องดูแลน้องชายที่ยังเล็กอยู่ที่เชียงใหม่ เลยไม่สามารถไปได้
ก็เลยคิดกับคุณน้าว่า เราจะเอาอะไรไปแจกดี พี่วาววาแจกน้ำเต้าหู้ ริชชี่เลยคิดว่า บ้านเรามีชา ที่พ่อให้ไว้ เอาไปให้คนกรุงเทพฯ ดีกว่า เขาจะได้รับสิ่งดีๆที่พ่อสร้างไว้ให้เราด้วย เลยนำชาจากชาวบ้านที่ปลูกบนดอยปู่หมื่น ชงใส่ขวดเล็กๆ พร้อมคุ้กกี้โฮมเมด ที่ริชชี่ทำเอง ไว้กินคู่กับชา นำไปแจกให้ประชาชนที่สนามหลวง
ชงชาไปประมาณ 60-70 ขวด พยายามทำให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะชงคืนนั้นเลย เช้ามาก็นำไปแจก ไม่ได้เยอะแต่ตั้งใจมาก และมีโอกาสได้ไปกราบท่านบริเวณกำแพงพระบรมราชวัง ตอนนี้วางแผนจะไปถวายสักการะพระองค์ท่านอีก อยากจะเอาชาไปแจกอีก เพราะวันนั้นหมดเร็วมากเลย ใจจริงอยากจะบอกว่า ชาที่แจกนี้เป็นชาที่พ่อมอบให้พวกเราไว้ อยากให้พวกเขาภาคภูมิใจว่า พ่อสร้างสิ่งดีๆให้พวกเรา”
พ่อประทับอยู่ในใจ…ลูกทุกคน
“เราเห็นทางทีวี ว่ามีคนไปช่วยกันแจกของที่สนามหลวง แต่เมื่อเราได้ไปสัมผัสจริงๆ รู้เลยว่า ทุกคนไปสนามหลวงด้วยใจ เพื่อมอบความรักให้กัน ช่วยเหลือกัน พอเราไปเห็นตรงนั้น เราก็รู้สึกดีใจตรงที่ว่าคนไทยรักกันมากขนาดนี้ มาที่นี่ด้วยใจจริงๆ แม้ว่าพ่อจะไม่อยู่แล้ว แต่พ่ออยู่ในใจของลูกทุกคน เรายังเดินหน้าทำความดีเพื่อพ่ออยู่
ยิ่งพอมานั่งเปิดดูอัลบัมรูปที่ทางสำนักพระราชวังส่งภาพที่เจ้าพนักงานถ่ายไว้ขณะที่พระองค์เสด็จฯดอยปู่หมื่น เห็นคุณตาได้ถวายงานรับใช้ท่านอย่างใกล้ชิด ยิ่งทำให้ริชชี่รู้สึกซาบซึ้งภูมิใจเป็นเกียรติแก่ตระกูลอย่างมาก ทั้งครอบครัว คุณแม่ ถวายงานรับใช้ท่าน ท่านทำงานเพื่อพสกนิกรชาวไทยจริงๆ ไม่คิดว่าจะมีกษัตริย์องค์ไหนในโลกนี้จะทำได้แบบนี้อีกแล้ว
อยากจะนำสิ่งที่ท่านตรัสไว้ว่า ให้ครอบครัวเราอย่าทิ้งชาวบ้าน ช่วยเหลือชาวบ้าน เป็นสิ่งใกล้ตัวเราที่สุดที่จะทำได้ ครอบครัวเราก็ทำตลอดมา เราจะสืบสานปณิธานพระองค์ ทำตรงนี้ต่อไป อย่างพี่สาวริชชี่ก็เรียนจบมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ด้านการเกษตร เพื่อจะนำสิ่งที่เรียนมาต่อยอดในดอยหมู่หมื่นพัฒนาความเป็นอยู่ของชาวบ้านให้ดีขึ้น
เช่นเดียวกับริชชี่ ถ้าเรามีลูกก็อยากให้ลูกสานต่อโครงการพระราชดำริสิ่งที่ “พ่อ”ให้ไว้ สืบต่อยันรุ่นลูกรุ่นหลาน เพราะมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ทรงไว้ให้ครอบครัวเรานั้นยิ่งใหญ่เหลือเกิน
ประวัติ
ชื่อ -นามสกุล :อรเณศ ดีคาบาเลส
ชื่อเล่น : ริชชี่
เกิด : 6 กันยายน 2537
อายุ :22 ปี
ผลงาน :ภาพยนตร์ “คู่กรรม” รับบทเป็นอังศุมาลิน ,ละคร สวยร้ายสายลับ ,กุหลาบตัดเพชร
ผลงานด้านกีฬา :รางวัลชนะเลิศแบดมินตันหญิงเดี่ยวภาคเหนือ
การศึกษา :ระดับชั้นอนุบาล-ประถม โรงเรียนพระหฤทัยเชียงใหม่
:มัธยม 1-4 โรงเรียนเรยีนาเชลีวิทยาลัย
:มัธยม 5-6 โรงเรียนวารีเชียงใหม่
:อุดมศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณะวิทยาศาสตร์การกีฬา
โดย ผู้จัดการ Lite
เรื่อง สวิชญา ชมพูพัชร
ขอบคุณภาพจาก แฟนเพจเฟซบุ๊ก Richy Fanpage , karnmintmint และ Campusman
มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram
"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!
และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754