xs
xsm
sm
md
lg

อาบัติ? พระบี้อุ้มลูกสาว... สังคมดัดจริต หรือพระคิดน้อยไป!!?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


กลายเป็นประเด็นร้อนผ้าเหลือง! ทันทีที่คุณแม่กุ๊บกิ๊บ โพสต์ภาพ “น้องเป่าเปา” ลูกสาววัย 3 เดือน อยู่ในอ้อมกอดของ “พระบี้” ผู้เป็นพ่อ ส่งให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในข้อหา “พระอุ้มเด็กหญิง” ว่าอาบัติหรือไม่? สังคมดรามามากเกินไปไหมกับผู้บริสุทธิ์ใจในฐานะ “พ่อ-ลูก” หรือควรต้องยอมรับว่าพระคิดน้อยเกินไปจริงๆ


 

โยมลูกสาว... อุ้มได้แต่ไม่เหมาะ

“พระอุ้มได้ เด็กไม่มีโลภะ โทสะ โมหะ ปราศจากกิเลส ไม่แต่งเติมในอารมณ์ พระมีสภาวะจิตที่มีเมตตากรุณา... วิจารณ์ด้วยอารมณ์โดยไม่รู้ ใส่โทสจริตลงไปด้วย ส่วนมากมักตายเป็นเปรตลิ้นยาว โดนตัดลิ้น งอกใหม่ ตัดอีก (อธิบายตามคัมภีร์ ไม่ได้ด่า)”
 
เจ้าอาวาสวัดไชยสถาน เมืองน่าน ใช้เฟซบุ๊ก "พม.ณิริว อิสระ ฉัสพีรวัตร” เข้ามาคอมเมนต์บนโลกออนไลน์ ช่วยไขความกระจ่างในประเด็นดรามาร้อนนี้ทันที หลังพบข่าว “พระบี้-ธรรศภาคย์ ชี” อุ้มโยมลูกสาว “น้องเป่าเปา” วัย 3 เดือน ขณะนุ่งเหลืองอยู่ในเพศบรรพชิต จนถูกสังคมตั้งคำถามอย่างหนักหน่วงว่าถือเป็นการกระทำที่เข้าข่าย “อาบัติ” ด้วยหรือไม่?
 

[เจ้าอาวาสวัดไชยสถาน เมืองน่าน]


เมื่อความคิดเห็นดังกล่าวถูกเผยแพร่สู่สาธารณะชนออกไป เจ้าอาวาสจึงได้กลับมาแก้ไขข้อความเดิม เพื่อเพิ่มเติมรายละเอียดลงไปใหม่ ให้พุทธศาสนิกชนไทยเข้าใจในกรณีตัวอย่างนี้ให้มากขึ้น

"อุ้มบุตรธิดาได้ กรณีบี้เคพีเอ็น... โยมลูก เด็กทารกน้อย ไม่มีโลภะ โทสะ โมหะ ปราศจากกิเลส ไม่แต่งเติมในอารมณ์... พระพ่อ พระสงฆ์ มีสภาวะจิตบริสุทธิ์มีเมตตากรุณา
 
อีกกรณีหนึ่งที่อาตมาภาพเจอ สามเณรน้อยอายุ 10 ขวบ ร้องไห้กอดแม่ เพราะแม่จะกลับบ้าน ตนเองจะต้องอยู่วัด อุบาสกอุบาสิกาทั้งหลายที่ขึ้นชื่อได้ว่าเป็นชาวพุทธ ควรมีกายที่เป็นกุศล วจีคำพูดที่เป็นกุศล มโนจิตที่เป็นกุศล มีความเมตตา โอบอ้อมอารีต่อกัน อย่าวิจารณ์โดยเอาอารมณ์ขุ่นมัวเป็นตัวตั้ง

ถามว่าเป็นอะไรมากไหม เกิดปัญหามากไหม ก็เพียงเล็กน้อย ทุกกฎ(เบา)ให้ปลงอาบัติ 15 ค่ำ มองดูแล้วเป็นความน่าเอ็นดู ความมีเมตตาสงสารของบุพการีมากกว่า

ถามว่าถ้าเด็กโตก็ไม่ควร เราต้องพิจารณาเป็นกรณีไป ไม่ใช่จะอุ้มหรือแตะต้องถูกตัวได้ทุกคน ส่วนถ้าพระเกินเลยหญิงอื่นๆ หรือแม้อดีตภรรยา ล่วงละเมิดเข้าไปก็จะปาราชิก ขาดจากความเป็นพระสงฆ์ทันที”

เมื่อมีพระผู้ใหญ่ระดับเจ้าอาวาสออกมาคลี่คลายสถานการณ์ร้อนให้เย็นลงได้เช่นนี้ ทางนางร้ายสุดฮาอย่าง “กุ๊บกิ๊บ-สุมณทิพย์ ชี” ผู้นับถือศาสนาคริสต์ จึงออกมาโพสต์อินสตาแกรมเพื่อตอบประเด็นดรามาให้ชัดเจนอีกครั้งหนึ่ง

[คุณแม่กุ๊บกิ๊บ กับ "น้องเป่าเปา"]
“คนโตแล้ว ก่อนทำต้องคิดมาอย่างดี เจ้าอาวาสที่วัดก็บอกว่าได้ เราคนต่างศาสนาก็เชื่อตาม ไม่มีความเห็น ทุกอย่างต้องถามผู้รู้ แต่ที่แน่ๆ เรารู้ว่าเราเห็นแต่ภาพสวยงามของความรักบริสุทธิ์ จงมองที่ความตั้งใจในการบวช เจตนาในการกระทำ ใช่สักแต่ติเตียนกระแหนะกระแหน

ศาสนาควรเป็นแหล่งศูนย์รวมของความเมตตาเอ็นดู ชาวคริสต์เชื่ออย่างนั้น ชาวพุทธคงไม่ต่างจริงไหมคะ จงเมนต์อย่างมีสติ อย่าใส่อารมณ์ อย่าทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ เดี๋ยวผมร่วง”


 

ไม่อาบัติ “บุพการี” คือกรณีพิเศษ

[เจ้าอาวาสยอดกตัญญูดูแลแม่อัมพฤกษ์]
ไม่ใช่ครั้งแรกที่บทบาทในชีวิตของผู้นุ่งเหลืองห่มเหลือง ส่งให้ผู้ครองธรรมต้องตกอยู่ในสถานการณ์สุ่มเสี่ยงต่อการอาบัติ ย้อนกลับไปดูกรณีที่ถูกพูดถึงในวงกว้าง จะเห็นว่าพระพุทธศาสนายกเว้นให้ได้ หากมีความจำเป็นและน่าเห็นใจจริงๆ

ยกตัวอย่างกรณี “เจ้าอาวาสยอดกตัญญูดูแลแม่อัมพฤกษ์” หรือ “พระครูไพศาลสุตตาคม” เจ้าอาวาสวัดดอนแก้ว จ.เชียงใหม่ ที่วิถีชีวิตของท่านกลายเป็นข่าวดังตั้งแต่ปีที่แล้ว ถือเป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่อธิบายข้อยกเว้นของการ “อาบัติ” เอาไว้อย่างชัดเจน เนื่องจากโยมแม่วัย 69 ป่วยเป็นอัมพฤกษ์ครึ่งซีกจากอาการเส้นเลือดในสมองตีบ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ซ้ำยังไม่เหลือใครไว้คอยดูแล

เจ้าอาวาสท่านนี้จึงต้องทำหน้าที่ของลูกกตัญญู อยู่คอยปรนนิบัติ เช็ดเนื้อเช็ดตัว อุ้มเข้าห้องน้ำ จัดสำรับอาหารให้เช่นนี้ทุกวัน โดยที่ไม่มีใครคิดถามถึงเรื่องอาบัติ มีแต่พากันชื่นชมสรรเสริญว่าท่านคือ “เจ้าอาวาสยอดกตัญญู” เป็นแบบอย่างที่น่ายกย่องและสร้างความประทับใจให้แก่ผู้ได้มาพบเห็น


[พระหนุ่มถูกโรครุมเร้า โยมแม่ต้องอาบน้ำให้ทุกวัน]
หรือแม้แต่กรณี “พระหนุ่มถูกโรครุมเร้า จนโยมแม่ต้องอาบน้ำให้ทุกวัน” ก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่สังคมยอมมองข้ามเรื่อง “ความเหมาะสม” ไปได้ เพราะเห็นใจในความเป็นห่วงเป็นใยของโยมแม่ และความลำบากของ “พระจำรูญ จารุวณฺโณ” พระลูกวัดห้วยสะแหล จ.ลำพูน ซึ่งป่วยเป็นโรคเบาหวานจนต้องตัดขาทิ้ง ซ้ำยังถูกโรคร้ายหลายอย่างรุมเร้า ส่งให้ไม่สามารถปฏิบัติกิจของสงฆ์ได้ด้วยตัวเองอีกต่อไป

“พระลูกชายลำบากมาก สงสารลูก ถึงจะรู้ว่าการอาบน้ำให้พระลูกชายอาจไม่ถูกต้องเหมาะสม แต่ถ้าไม่ไปอาบให้ แล้วใครจะดูแลลูกได้ เพราะไม่มีใครดูแล มันจำเป็น แม่ก็คือแม่ ไม่ว่าลูกจะเป็นอะไรก็ยังรัก และเป็นห่วงต้องคอยดูแลจนกว่าจะตายจากกันไป” แม่ตือ วัย 59 เคยให้สัมภาษณ์เอาไว้

ถึงแม้กรณีที่ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ จะดูมีเหตุผลจำเป็นมากกว่ากรณี “พระบี้” แต่ก็ถือเป็นตัวอย่างที่ดีที่ช่วยสะท้อนให้เห็นชัดเจนมากขึ้นว่า เรื่องของการอาบัตินั้นขึ้นอยู่กับ “เจตนา” ของตัวผู้นุ่งเหลืองห่มเหลืองเป็นสำคัญ เกี่ยวกับเรื่องนี้ "รศ.ดร.ธวัช หอมทวนลม" หัวหน้าภาควิชาปรัชญา คณะศาสนาและปรัชญา มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ได้ช่วยวิเคราะห์เอาไว้เรียบร้อยแล้ว

“โดยปกติ ถ้าตามพระวินัยจริงๆ แล้ว พระกับการปฏิบัติต่อสุภาพสตรี หรือแม้กระทั่งเด็กไร้เดียงสาอย่างเข้าไปจับไปอุ้มอะไรแบบนี้ ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่สมควร แต่จะอาบัติหรือไม่ ต้องดูกันที่เจตนา แต่ถ้าเป็นกรณีเกี่ยวกับบิดามารดา ตามพระพุทธประวัติบอกไว้เลยว่า พระพุทธเจ้าอนุญาตไว้ให้เป็นกรณีพิเศษ แม้แต่เรื่องข้าวที่ได้มาจากการบิณฑบาตร พระยังไม่ได้ฉัน ก็สามารถเอามาให้พ่อแม่ได้ก่อน แต่ถ้าเป็นคนอื่นให้ไม่ได้


ส่วนกรณีของพระดารารูปนี้ ท่านอาจจะคิดว่าเป็นลูกสาวของท่าน เห็นลูกแล้วคิดถึง ขออุ้มหน่อย คงไม่เป็นไร เพราะท่านอาจจะเพิ่งบวชไปได้ไม่กี่วันเอง รวมถึงคำแนะนำจากพระอุปัชฌาย์อาจจะยังไม่มี หรือถ้าขณะนั้นมีพระพี่เลี้ยงอยู่ ท่านต้องห้ามแล้วว่ามันไม่เหมาะสม ถึงจะเป็นลูกสาวแท้ๆ ก็ตาม

แต่ถ้าเป็นการอุ้มเด็กแบบนี้ แล้วไม่ใช่ลูกตัวเอง มันก็อีกเรื่องหนึ่งนะ ข้อหาอาจจะรุนแรงกว่านี้ เพราะในพระวินัยระบุเอาไว้เลยว่า ถึงแม้จะเป็นเด็กไร้เดียงสา แต่ทำไปด้วยเจตนาอยากกอด อยากลูบ เพราะมองเห็นว่าน่ารัก แบบนี้ก็ไม่ได้ ถือว่าเป็นกิเลส เป็นราคะอ่อนๆ อย่างหนึ่ง

หรืออย่างกรณีชาวบ้านอุ้มลูกมา อยากให้หลวงพ่อช่วยเป่ากระหม่อมให้หน่อย นั่นก็อนุโลมได้ ถือว่าเป็นการกระทำเพื่อสิริมงคล ให้กำลังใจพ่อแม่ที่พาเด็กมา ถึงแม้จะเป็นเด็กผู้หญิงก็ไม่เป็นไร เพราะท่านสามารถทำได้โดยไม่แตะเนื้อต้องตัว หรือเป่ากระหม่อมแค่เพียงห่างๆ เท่านั้น
 
ส่วนเรื่องที่มีคนออกมาตั้งคำถามเกี่ยวกับกรณี 'พระอุ้มลูกสาว' ว่าอาบัติหรือเปล่าและวิจารณ์กันไป มันก็สะท้อนได้ส่วนหนึ่งว่าชาวพุทธไม่ได้มีความรู้เรื่องพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง รู้แค่เพียงผิวเผิน เห็นอะไรที่ไม่ถูกใจและไม่รู้ ก็วิจารณ์กันไปก่อน

ถ้าเราลองมองให้ดี ให้ความยุติธรรมกับกรณีที่เกิดขึ้น มองถึงแง่ความเป็นพ่อลูกกัน พระท่านอาจจะเผลอก็ได้ ทำไปโดยไม่เจตนาและอาจเพราะความไม่รู้ เพราะไม่คิดว่าอุ้มลูกแล้วจะเป็นปัญหาอะไร ซึ่งก็ไม่ได้ถือว่าอาบัติ เพียงแต่อาจจะดูไม่เหมาะสมเท่านั้นเอง



ข่าวโดย ผู้จัดการ Live
ขอบคุณภาพ: อินสตาแกรม @gggubgib36




มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram

"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!


และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754



กำลังโหลดความคิดเห็น