xs
xsm
sm
md
lg

ลอยตัวเหนือดรามา! “น้ำตาล – ชลิตา” มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2016

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ฮือฮาดรามาอยู่พักใหญ่กับการประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2016 กับหลากหลายกระแสชอบ-ไม่ชอบผู้ที่สามารถคว้ามงกุฏมาครองได้ บ้างก็บอกว่า อีกคนเหมาะจะได้ตำแหน่งกว่า บางเสียงก็บอกว่า ไม่เห็นจะสวยเลย บางคนก็บอกว่า ดูไม่เป็นนางพญา ทว่า เมื่อทีมผู้จัดการ Lite ได้มีโอกาสไปสัมภาษณ์ บอกเลย ดูรวมๆแล้วมีเสน่ห์มาก

เธอ คือ น้ำตาล - ชลิตา ส่วนเสน่ห์ มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ ปี 2016 คนล่าสุด นอกจากจะสวยคมเข้มหน้าไทยขั้นสุดแล้วเธอยังมีความสตรองสุดๆ


“เราไม่สามารถทำให้ทุกคนมาชอบเราได้...ไม่เป็นไร ถ้าคนจะไม่ชอบ พัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ จนกว่าเขาจะชอบ”

#สงครามนางงาม

ปาดหน้าตัวเต็งอย่าง กุ้ง-กุสุมา ชาวดอน นางแบบอินเตอร์ในนิวยอร์กโปรไฟล์สุดเลิศที่หลายคนคาดกันว่า จะต้องได้ตำแหน่ง แม้แต่ในใจของน้ำตาลเอง ก็ยังเก็งสาวอินเตอร์ผู้นี้อีกด้วย สุดท้ายกุ้งไม่ติด 1 ใน 5 งานนี้ดรามาจึงก่อตัวขึ้น ทว่า เธอยืนยัน ไม่มีสงครามนางงามแน่นอน

“สำหรับกุ้งกับตาล เป็นเพื่อนกันค่ะ กุ้งยังบอกเลยว่า ถ้าเขาไม่ได้ เขาก็อยากให้ตาลได้ อีกอย่างเราก็ไม่ได้คิดว่าจะมาแข่งกับใคร ตาลคิดว่าเราแข่งกับตัวเอง เพราะเรามาทำตรงนี้แล้วสนุก อีกอย่างไม่ได้คิดถึงเรื่องดรามา หากเราเก็บมาคิดทุกอย่างมันก็จะนอยด์ตัวเอง
(ซ้าย)กุ้ง กุสุมา (ขวา)น้ำตาล ชลิตา
“ก็แอบเชียร์กุ้งนะ เขาสูง ดูขายาว เวลาไปเดินที่ต่างประเทศ น่าจะน่ามอง เราก็สนิทกับกุ้งมาก ตอนแรกก็คิดนะ วันที่มาสมัครวันแรกๆ เขาก็จะเก็งกันแล้วว่า คนนี้ๆจะได้ เขาพร้อมในหลายๆอย่าง ภาษา หน้าตา เห็นกุ้งดูเป็นนางแบบ สง่า นะ แต่ตัวจริงเวลาอยู่กับเพื่อน กุ้งติงต๊องจะตาย ตอนแรกก็คิดอย่างนั้นนะ ว่าจะมีสงครามนางงามหรือเปล่า สุดท้ายก็แค่ละคร จริงๆไม่มีหรอกค่ะ ทุกคนรักกัน”

เราเชื่อว่า คณะกรรมการเขาเห็นศักยภาพในตัวของเรา อาจจะเห็นว่าเราไปต่อได้ จึงต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด เพราะได้ยินมีคนบอกว่า ตาลยังดูไม่เป็นนางพญา ทำไมไม่เอาคนที่เหมาะกว่านี้ไป แต่เราก็เข้าใจนะ เพราะเราไม่สามารถทำให้ใครมาชอบเราได้ทุกคน เราต้องพัฒนาตัวเราเองไปเรื่อยๆ ตาลรู้สึกว่า ไม่เป็นไร ถ้าคนจะไม่ชอบ ก็ทำใหม่ ทำใหม่ ไปเรื่อยๆ”

วัยเด็ก ฝันสวมมงกุฏ

แม้ครั้งนี้จะเป็นการประกวดนางงามเวทีแรกของเธอ ก็ทำสำเร็จ ได้ครองมงกุฏสมใจ เพราะเป็นสิ่งที่ใฝ่ฝันมาตั้งแต่วัยเด็ก

“ไม่เคยประกวดเวทีใหญ่ๆมาก่อนเลย เคยแค่ประกวดนางนพมาศของมหาวิทยาลัย คือน้ำตาลเป็น รองดาวของคณะ คือในช่วงวัยเด็กเรามองว่า ทำไมนางงามถึงสวยจัง ความฝันเด็กๆ ก็อยากได้มงกุฏ ความฝันเด็กๆ พอโตขึ้นหน่อยก็มีความรู้สึกว่า เราอยากไปยืนตรงจุดๆนั้นจังเลย เราอยากไปลองทำตรงนั้นจังเลย ว่าเราจะทำได้ไหม เราจะได้มงกุฏแบบนี้บ้างไหม

คือตาลมีเพื่อนเป็นกะเทยเยอะ เพื่อนกะเทยก็จะพาเดิน แล้วก็พูดว่า “ชลิตา ส่วนเสน่ห์ มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์!!”แล้วก็จะบอกว่า ลองไปปประกวดดูสิ เผื่อได้ ตาลก็เลยลองดู


“วินาทีแรกที่ประกาศว่าได้ตำแหน่ง บอกเลยว่างง มึนไปทุกอย่าง เพราะไม่คิดว่าจะได้ ตอนนั้นคิดอะไรไม่ออกเลย มันตื้อไปมด ตื่นเต้น ดีใจ ยิ้มไม่ออกเลย ร้องไห้ เหมือนเราได้ตำแหน่งที่สูงมากเป็นครั้งแรก แล้วเราได้มา คือทุกคนก็สวย ทุกคนทำเต็มที่ และพร้อมมากกว่าเรา เหมือนกับประสบความสำเร็จในความฝันของตัวเอง”

เราไม่คิดว่าจะได้เข้ารอบลึกขนาดนี้ ตอนมาสมัครยังคิดอยู่เลยว่า ถ้าเข้า 40 คน ก็เจ๋งมากแล้ว คือแค่ตอนเก็บตัวที่ภาคใต้ จ.พังงา เรามีความสุข สนุกมาก รู้สึกว่าแค่เข้ารอบ 15 คนก็คุ้มแล้ว”

ลูกไม้หล่นใต้ต้น…ตามรอยคุณแม่เป็น “นางงาม”
ถ่ายคู่กับคุณแม่
“คุณแม่เคยประกวดนางสาวไทยมาก่อน แต่ไม่ได้เข้ารอบในรอบ 60 คน คุณแม่ประกวดหลายเวที หน้าแม่กับตาลจะเหมือนกันเป๊ะเลยค่ะ แต่แม่สวยจะกว่าน้ำตาลนะ คุณแม่จะจมูกโด่ง” เธอเล่าถึงคุณแม่ ผู้เป็นแรงผลักดันและให้กำลังใจในการประกวด

“คุณแม่ก็สนับสนุน ให้กำลังใจ เขาอยากให้เราทำในสิ่งที่ตัวเองฝัน เพราะเวลาเราชอบอะไร รักอะไร คุณแม่จะสนับสนุน สมัยก่อนกับสมัยนี้นางงามจะไม่เหมือนกัน ก็ไม่ค่อยได้ถามแม่ว่าจะต้องทำยังไงบ้าง ดูจากทุกวันนี้มากกว่า แล้วก็นำมาปรับใช้กับตัวเอง

คือคุณแม่จะรู้จักกับพี่ที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน พี่เขาเป็นคนส่งน้ำตาลประกวด พี่เขาก็เลยถามน้ำตาลว่า อยากมาประกวดไหม เขาเลยส่งเราเข้ามา แม่ก็จะคอยคุยและให้กำลังใจตลอดบอกว่า “ตาล เอามงกุฏมาให้แม่ให้ได้นะ” เขาจะคอยกระตุ้นเราตลอด

สำหรับนางงามที่ชื่นชอบ เป็นรุ่นพี่ น้ำตาลจะชอบ พี่ชาม (ไอยวริญท์ โอสถานนท์ อดีตมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส 2006) เขาหน้าคมดี มีคนบอกว่า หน้าเหมือนพี่ชามด้วย พี่เขาเก่งมาก”

รำแก้บนศาลพระพรหม

ทว่า เธอได้ตั้งจิตอธิษฐานต่อศาลท้าวมหาพรหมเอราวัณ ให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นที่พึ่งในการประกวดครั้งนี้ โดยเธอบนไว้ว่าถ้าได้เข้ารอบ 40 คนจะไปถวายเครื่องสักการะชุดเล็กที่พระพรหมเอราวัณ และถ้าได้เป็นมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์จะแต่งหน้ารำถวายที่ศาลท้าวมหาพรหม ล่าสุด เพิ่งไปรำแก้บนสดๆร้อนๆ

“เราทำแล้วเรารู้สึกสบายใจ ทำแล้วมันมีแรงผลักดัน มีแรงกระตุ้น ก็เป็นความเชื่อส่วนบุคคล ตอนแรก ตาลบนท่านไว้ว่าถ้าได้เข้ารอบ 40 คน จะถวายนางรำชุดเล็ก และถ้าได้เป็นมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ จะมารำร่วมกับพี่เลี้ยงตอนเราประกวดอีกคนหนึ่ง ที่รำได้เพราะตาลมีพื้นฐานการรำมาอยู่แล้วตอนเด็กๆเคยเข้าชมรมนาฏศิลป์ รำหน้าพาทย์ เพลงตระนิมิตร”

เช่นเดียวกับคุณแม่ที่จัดหนักจัดเต็ม! ด้วยการบนประทัด 1 แสนดอก ที่กรมหลวงชุมพร หากได้เป็นมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส ขณะนี้ก็ไปแก้บนแล้วเรียบร้อย

“บางคนก็บอกว่าตาลมากับดวงนะ เพราะที่มารำแก้บนศาลพระพรหมก็ใกล้จะครบรอบเหตุการณ์ที่วางระเบิดไป อย่างวันที่ซ้อมประกวดฯ วันสุดท้าย เขาก็ยกเก้าอี้มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ มาตั้ง แล้วเราก็นั่งมอง คิดในใจว่า ถ้าเราไปนั่งตรงนั้นจะเป็นยังไง แบบคิดภาพตัวเราเองไปนั่งตรงนั้นแล้ว พอเราได้เราก็งงตัวเอง อะไรที่เราจินตนาการเป็นภาพที่เราเห็นมันเป็นจริง อย่างรถของนางงามมาจอดไว้ก็ยังคุยเล่นกับพี่เลี้ยงเลยว่า ใครเอารถหนูมาจอดตรงนั้นอ่ะ (หัวเราะ) คือจะเป็นแบบนี้บ่อยๆพูดเล่นๆแต่สุดท้ายเป็นจริง เหมือนกับมีเซนส์เรื่องประมาณนี้”

สู้ชีวิตทำงานตั้งแต่ ป.4 ช่วยครอบครัว

ชิวิตเธอไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ครอบครัวค่อนข้างลำบากจึงต้องทำงานพิเศษในช่วงปิดเทอมช่วยเหลือครอบครัวอีกแรง

“ตั้งแต่จำความได้เลย ตอน ป.4 คือครอบครัวตาลไม่ได้มีฐานะร่ำรวย คือจริงๆตาลเกิดที่ จ.นนทบุรี พอแม่ไปทำงานก็จะย้ายตามแม่ไปเรื่อยๆ จากนั้นก็ไปซื้อบ้านแถวสมุทรปราการ จึงไปทำงานแถวนั้น แม่ทำงานเป็นแคดดี้ในสนามกอล์ฟ เป็นคนลากกระเป๋า และทำงานบ้านของเจ้านายในคอนโด ตาลก็จะไปช่วยแม่ตลอด หยิบจับช่วยเหลืออะไรได้บ้างก็จะพยายามทำก็ทำมาเรื่อยๆ เวลาแม่ไปออกรอบ ตาลก็ไปทำความสะอาดห้องเจ้านายแทนแม่เลย

จากนั้นแม่เริ่มมาทำงานในสนามบินสุวรรณภูมิ ในช่วงปิดเทอม ม.4 เลยบอกว่า แม่..ตาลอยากทำงานในสนามบิน อยากคุยกับฝรั่ง อยากได้ภาษา ฟัง พูด ได้ ให้แม่ช่วยฝากทำงานให้หน่อย เลยได้ทำที่ร้านอาหาร เป็นเด็กเสิร์ฟ ทำเวลาช่วงปิดเทอมตลอด”
ถ่ายรูปกับครอบครัว
สำหรับเงินที่ทำงานมานั้น เธอบอกว่าให้คุณแม่หมดเลย เช่นเดียวกับเงินที่ได้มาจากการได้ตำแหน่ง เธอยกให้พ่อกับแม่หมดเช่นกัน

“อยากให้เงินแม่ค่ะ คือตาลจะขอแม่จากที่ได้ทิปเอาไว้ ส่วนเงินเดือนให้แม่หมดเลย ตอนเด็กๆ เคยคิดว่าถ้าไม่มีแม่ เราจะทำยังไงนั่งร้องไห้อยู่คนเดียว เพราะติดแม่มาก

เงินที่ได้มาจากการได้ตำแหน่งไม่กล้าเอาไปซื้อหรอกค่ะพวกของแพง ของแบรนด์เนม คือเราไม่ได้เกิดมาในสังคมที่ต้องใช้ของแบรนด์เนม อาจจะซื้อของอะไรที่เราอยากได้บ้างนิดหน่อย เช่น อยากได้กล้องถ่ายรูป ชอบถ่ายรูป เพื่อนจะชอบให้ตาลถ่ายให้ประจำ ”

สวย ใส สมองไบรท์

จากเด็กห้องคิง สายวิทย์ คณิต เรียนดีเกรด 3.9 จึงสามารถสอบติดมหาวิทยาลัยมหาสารคาม คณะวิทยาศาสตร์ สาขาจุลชีววิทยา โดยสาเหตุที่เลือกเรียนสาขานี้เพราะชอบความแปลกใหม่ อยากเห็นสิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆ ว่าหน้าตาเป็นอย่างไร

“อยากไปเรียนต่างจังหวัด ตอนนั้นก็เลือกสอบเข้ามหาวิทยาลัยต่างจังหวัดทั้งนั้นเลย คุณพ่อกับคุณแม่ก็เป็นห่วงว่าเราจะอยู่ได้ไหม อยู่ไกลด้วย ห่วงเรื่องความปลอดภัย เขาจะกลัว เพราะเป็นลูกสาวด้วย ตาลก็ไปอยู่หอหญิง
ตาลเรียนวิทย์ คณิต มาตั้งแต่ ม.1 รู้สึกชอบ อยากทำแล็บ แล้วที่เรียนจะเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ได้ส่องกล้อง รู้สึกสนุก ชอบความแปลกใหม่


เวลาเรียนจะเรียนหนักมาก จะไม่มีเวลาทำ เพราะเรียนเช้ายันเย็น บางทีเรียนบ่าย 3 ทำแล็บถึงตี 4 ตี 5 ก็มี เราต้องรอเครื่อง รอเชื้อ เวลาที่เราทำก็นานด้วย เราต้องใส่ใจในรายละเอียด อยู่ที่คณะจนเหมือนกับเป็นหอไปแล้ว”

ทว่า ใครที่เห็นเธอในลุกเด็กมหาวิทยาลัย ใส่ชุดนักศึกษา จะเห็นได้เลยว่า น่ารัก สดใสสุดฤทธิ์ ต่างจากภาพที่ดูเป็นสาวมั่นในตอนนี้ไปเลย

ฟิตหุ่นเซียะประกวดเวทีโลก

ในระยะเวลา 5 เดือนต่อจากนี้ เธอต้องฟิตร่างกาย การออกกำลังกาย รวมถึงปรับโภชนาการเพื่อสุขภาพและความงาม คอร์สฝึกอบรมอย่างเข้มข้นตลอด 5 เดือน ทั้งการเรียนภาษาอังกฤษ แบบ Intensive Course (พูด - ฟัง - สื่อสาร อย่างมีประสิทธิภาพ) การเดิน การพูดในที่สาธารณะ และการให้สัมภาษณ์การสร้างความมั่นใจ การปรับ บุคลิกภาพอย่างเหมาะสมเพื่อให้ สามารถปฏิบัติหน้าที่เป็นตัวแทนสาวไทยในการประกวดเวทีระดับโลก มิสยูนิเวิร์ส 2016 ในนามประเทศไทย โดยเธอมีกำหนดที่จะ ไปประกวดมิสยูนิเวิร์ส 2016 ณ ประเทศฟิลิปปินส์ ในวันที่ 30 มกราคม 2560

“ตอนนี้เรื่องเรียนต้องดร็อปไว้ก่อน 1 ปี เพราะเราต้องโฟกัสตรงนี้ให้เต็มก่อน ตอนนี้ก็ไปเรียนเดินแบบกับพี่โต้ง Men's Health ฝึกเดิน เข้าฟิตเนส สร้างหุ่นกระชับ โดยเฉพาะช่วงขา สควอท ซิทอัพเล่นหน้าท้อง ออกกำลังกายทุกวัน วันละ30 นาที และต้องเข้าคอร์สเรียนภาษาอังกฤษ เพราะอยากพูดให้คล่องมากกว่านี้

นอกจากนี้ ยังเรียนแอกติ้ง เรียนการพูด เพราะตาลเป็นคนพูดอยู่ในลำคอ จึงต้องฝึกพูดให้เต็มเสียง ฉะฉาน ส่วนการกินก็ต้องปรับเมื่อก่อนอยากกินอะไรก็กินเลย”

ในการไปประกวดมิสยูนิเวิร์ส 2016 เธอตั้งเป้าไว้เลยว่า จะต้องคว้ามงกุฏมิสยูนิเวิร์สปี 2016 มาครองได้สำเร็จ

“เราต้องตั้งเป้าไว้สูงๆเลยว่า จะต้องได้ เพราะหากเราไม่มีจุดหมาย เราก็จะทำอะไรไม่ได้ เราก็จะไม่รู้ว่าทำอะไรแล้วจะไปถึงตรงจุดๆนั้น จึงตั้งไว้สูงๆไว้ก่อน ก็พยายามทำหน้าที่ให้เต็มที่ หวังว่าจะเป็นสาวไทยคนที่ 3 ที่ได้ตำแหน่งมิสยูนิเวิร์สกลับมา ”

ทว่า หากจบจากการประกวดนี้แล้ว อันดับแรกเลยคือต้องกลับไปเรียนต่อ ต้องเอาใบปริญญาฝากพ่อกับแม่ให้ได้

ฝันเปิดร้านกาแฟ เบเกอรี

อนาคตเธอคาดหวังไว้ว่าจะเปิดร้านกาแฟ ให้คุณแม่ ส่วนเธอก็จะทำเค้กขาย ควบคู่ไปด้วยกัน นอกจากนี้ เธอยังมีฝีมือในการทำเค้ก จนลูกค้าสั่งออร์เดอร์ตรึม!

“ตอนเรียนก็ทำเค้กขายที่คณะ ทำบานอฟฟี่ (Banoffee) และเครปเค้ก เปิดยูทิวบ์แล้วทำตาม มีวัตถุดิบอะไรบ้าง เราก็ไปหาซื้อ ตอนนั้นทำช่วงซัมเมอร์ เพราะจะเรียนแต่วิชาเลือก เลยมีเวลาทำ ส่วนช่องทางการขาย เราก็ลงเพจเฟซบุ๊กของมหาวิทยาลัยด้วย ก็มีคนโทร.สั่งมา ตาลก็ไปส่งให้ ขายหมดตลอด”

สำหรับเรื่องความรักนั้น เธอแอบบอกว่า ยังไม่มีแฟน มีคนมาจีบบ้าง แต่ก็คุยในฐานะเพื่อน พ่อกับแม่หวง ตอนนี้ทำงานอย่างเดียวเลย ออกงานทุกวัน ขอบคุณสปอนเซอร์ ออกอีเวนต์บ้าง กลับถึงบ้านก็หลับแล้ว ไม่มมีเวลาไปคุยกับใครเลย

พอใจใบหน้า..ปลื้มกราม และชีคโบน

สุดท้ายเธอแสดงความคิดเห็นถึงการทำศัลยกรรมของผู้หญิงยุคนี้ไว้ว่า หากใครทำแล้วสวยก็ทำเถอะ แต่สำรหับตัวเธอเอง พอใจในใบหน้าแล้ว โดยเฉพาะช่วงกราม และชีคโบน (Cheekbone)

“ไม่กล้า ไม่ใช่อะไรหรอก ตาลกลัว เห็นเพื่อนเขาทำแล้วทำไมมันดูน่าเจ็บจังเลย แต่ไม่ได้แอนตี้นะ ถ้าทำแล้วสวย มั่นใจก็ทำไปเถอะ แต่เรารู้สึกว่า เรามีทุกอย่างแล้ว จึงไม่คิดอยากจะทำศัลยกรรม หน้าอก ก้น ก็มีแล้ว หน้าก็พอใจแล้ว

ตอนนี้เราพอใจหน้าตัวเองแล้ว ชอบชีคโบน และกราม ของตัวเองค่ะ อาจจะไม่ชอบปาก เพราะดูห้อยๆ และอยากให้ผอมกว่านี้หน่อย เพราะไม่ได้โฟกัสเรื่องใบหน้าเท่าไหร่แต่ห่วงเรื่องขามากกว่านี้ เพราะเป็นคนต้นขาใหญ่ และมีสะโพก พยายามออกกำลังกายให้กระชับ

เมื่อก่อนตอนเรียน ตาลน้ำหนัก 60 กิโลกรัมเลยนะ แต่พอได้มาสมัครประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์จึงมีแรงกระตุ้นแรงผลักดันในการลดน้ำหนัก จนตอนนี้เหลือ 54 กิโลกรัม”

สำหรับเคล็ดลับในการลดน้ำหนักเธอแนะนำปิดท้ายว่า พยายามทำอาหารกินเอง เช่น อกไก่ย่าง กินข้าวไรซ์เบอร์รี ออกกำลังกาย รับรองลดน้ำหนักได้จริง โดยไม่มีอาการหิวโหย หากทานให้ครบทุกมื้อและตรงเวลา


ประวัติ

ชื่อจริง : ชลิตา ส่วนเสน่ห์
ชื่อเล่น : น้ำตาล
อายุ : 21 ปี
ส่วนสูง : 169 เซนติเมตร
น้ำหนัก : 54 กิโลกรัม
กีฬาที่ชื่นชอบ : วอลเลย์บอล แชร์บอล ฟุตซอล
การศึกษา :  มัธยม โรงเรียนพูลเจริญวิทยาคม
               ปัจจุบันกำลังศึกษาต่อปริญญาตรี มหาวิทยาลัยมหาสารคาม คณะวิทยาศาสตร์ วิชาเอก จุลชีววิทยา ปี 3

สัมภาษณ์โดย ผู้จัดการ Lite

โดย : สวิชญา ชมพูพัชร

ภาพ : จิรโชค พันทวี

ขอบคุณภาพบางส่วนจาก อินสตราแกรม @namtanlitaa




มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram

"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!


และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754



กำลังโหลดความคิดเห็น