5 โล่ 14 เหรียญทอง 5 เหรียญเงิน 1 เหรียญทองแดง 2 เหรียญรางวัลพิเศษ Spirit of Team ยอดเยี่ยม (ทีมชาติไทย) และผู้มีความโด่ดเด่นในการประกวด แถมยังนำทีมไทยคว้ารางวัล "ชุดประจำชาติยอดเยี่ยม" จากผู้เข้าร่วมประกวดทั้งหมดกว่า 60 ประเทศทั่วโลก
นับเป็นคนไทยคนแรกของโลกที่สามารถกวาดรางวัลมากที่สุดในการประกวดด้านการแสดงระดับโลก "World Championships of Performing Arts ครั้งที่ 20 (WCOPA 2016) ณ ลอง บีช เพอร์ฟอร์มิง อาร์ตส เซ็นเตอร์ นครลอสแองเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อเร็วๆ นี้
แน่นอนว่า เรากำลังพูดถึง "เก่ง-ธชย ประทุมวรรณ" วัย 27 ปี หรือที่รู้จักกันดีในนาม "เก่ง เดอะวอยซ์" หลังเดินทางไปแข่งขันด้วยตัวเอง พร้อมกับคนไทยอีก 24 คน แม้จะไม่ได้แชมป์กลับมา แต่เขาก็ภูมิใจที่สามารถพาเครื่องดนตรีไทยอย่าง "จะเข้" เข้าไปติด 1 ใน 5 บนเวทีนี้
"หายเหนื่อยครับ (ยิ้มด้วยความภูมิใจ) ซึ่งผมฝึกซ้อม และตั้งใจมาก แม้จะเหนื่อย แต่มันก็แค่เหนื่อยกาย หรือแม้จะเหนื่อย แต่มันก็เหนื่อยอย่างมีความสุขครับ" เก่งในชุดหนังสีดำที่เขาเรียกมันว่า "ชุดยักษ์" เผยถึงความรู้สึกหลังสร้างชื่อเสียงกระหึ่มโลกโชว์เดี่ยว "จะเข้" และกวาดรางวัลมาอีกเพียบ
"เก่ง" ตัวเล็ก หัวใจยักษ์
มีไม่กี่คนที่ "กล้า" และ "บ้า" อย่างเขาคนนี้ แต่ "เก่ง" ศิลปินตัวเล็กที่ชอบใช้ชีวิตบนเส้นทางความท้าทาย และความแปลกใหม่ เขาจึงเอาคอนเซ็ปต์ "ยักษ์" และเครื่องดนตรีไทยไปผงาดบนเวทีระดับโลก อย่าง "WCOPA" เวทีที่ปลุกยักษ์ในตัวเขา และทำให้คนไทย รวมไปถึงชาวโลกได้เห็นยักษ์ในตัวเขาที่เต็มไปด้วยความคึกคักผ่านเสน่ห์ของการเดี่ยว "จะเข้" เครื่องดนตรีไทยที่มีเอกลักษณ์ในตัวเอง เช่นเดียวกับตัวเขาที่มีความโดดเด่นจนฝรั่งต้องทึ่ง
"เวทีนี้เป็นเหมือนโอลิมปิคทางด้านศิลปะครับ จัดกันมานานแล้ว ล่าสุดที่ผมไป เป็นครั้งที่ 20 ที่ตัดสินใจไปเพราะมีความรู้สึกว่า อยากหาความท้าทายใหม่ๆ ให้ชีวิต แม้จะมีคนบอกว่า ทำไมไม่ทำเพลง ไม่ทำโน่นนี่นั่นล่ะ ซึ่งผมก็ทำนะ แต่มันซ้ำๆ เดิมๆ ผมจึงต้องหาอะไรใหม่ๆ หรือความท้าทายใหม่ๆ ให้ชีวิต
กระทั่งมาพบกับเวทีนี้ ซึ่งเป็นปีแรกที่ไทยมีโอกาสได้ถือโครงการ ทางเจ้าของก็เลยชวนผมไปเป็นโค้ช ทำหน้าที่คัดเด็กไปประกวด ต้องคัดทั้งหมด 3 ครั้ง แต่พอครั้งที่ 3 ผมเซ็งๆ อะไรไม่รู้ ก็เลยถอนตัวแล้วขอเป็นผู้สมัครแทน เพราะผมอยากไป ผมมีความเชื่อว่า ถ้าไปแล้วผมน่าจะช่วยในด้านวัฒนธรรมไทยได้
อีกอย่าง ผมทำอะไรได้มากกว่าแค่การเป็นโค้ช ผมก็เลยตัดสินใจไป แต่การไปต้องไปกันเองนะ ดังนั้น 25 คนรวมถึงผมต้องออกเงินเองกันหมด โชคดีที่ผมมี ททท. (การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย) เป็นผู้สนับสนุน ผมได้มาหลักแสน แล้วผมต้องออกเองอีกเกือบๆ ครึ่งล้าน เพราะค่าใช้จ่ายมันเยอะมาก นอกจากตัวผม ก็ต้องมีโค้ชของผมด้วย ช่างแต่งหน้า นักออกแบบชุด ของเก่งพาไปทั้งหมด 23 ชุด" เก่งบอก ก่อนจะให้เหตุผลตามมา
"ที่เอาไปเยอะ เพราะผมมองว่าเวทีนี้ประกวดศิลปิน ศิลปะ ผมก็อยากให้คาแร็กเตอร์ของผมชัดเจน เพราะอยากให้ทุกคนเห็นความจริงจังของผม ที่สำคัญคือ ผมไปในนามประเทศไทย เป็นหน้าเป็นตาของประเทศ เราจึงต้องดูดี และใส่ชุดที่บ่งบอกถึงความเป็นไทย"
อย่างไรก็ดี การไปประชันบนเวทีระดับโลกครั้งนี้ถือว่าเป็นอะไรที่ "บ้า" ที่สุดในชีวิตของเขามาก
"บ้าที่สุดก็คงจะเป็นเวทีนี้แหละครับ (หัวเราะ) เพราะคนบ้าอะไรจะลงประกวดตั้ง 19 ประเภท แล้วก่อนไปก็เป็นตากุ้งยิง แล้วก็ต้องเข้ารับการผ่าตา ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเขาจะให้เข้าประเทศหรือเปล่า สุดท้ายก็ผ่านไปได้ด้วยดี คราวนี้มาเรื่องชุด หอบไป 23 ชุด บ้ามั้ย! พอไปถึงสนามบินไม่ได้ติดต่อใครไว้เลย กูจะไปโรงแรมยังไงวะ หันไปมองเพื่อน คือแบบ...ชิลกันมาก โชคดีมีไลน์พี่คนหนึ่งอยู่ หรืออีกความบ้าก็คือ คึกไง ไปวิ่ง 10 กว่ากิโลฯ จนกล้ามเนื้อฉีกเดินกลับไม่ได้ เก่ง ธชยมั้ยล่ะ" พูดจบก็หัวเราะให้กับความบ้าตัวเอง
"คนไทย" หนึ่งเดียวในโลก
ขึ้นชื่อว่า "เก่ง เดอะวอยซ์" เรื่องความเท่ที่แปลก แหวกแนวคงต้องยกให้เขา เพราะมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ทั้งเนื้อเสียง, วิธีการร้อง และทรงผม ไม่แปลกที่การไปเผยแพร่ความสามารถทางด้านดนตรีไทยในครั้งนี้จะถูกจับตาจากบรรดาสื่อ และผู้เข้าร่วมประชันในต่างแดน
"ไปถึงวันแรกก็ถูกจับตามองเลยครับ (หัวเราะ) เริ่มจากทรงผมก่อนเลย นอกจากตีโป่งสูงแล้ว มีฝรั่งถามว่า ลายที่แกะด้านหลังเป็นลายอะไร ผมก็บอกว่าแผนที่ประเทศไทย ส่วนเรื่องเสื้อผ้าก็ได้รับความสนใจมาก พอเริ่มมีการแข่งขันก็ยิ่งได้รับความสนใจมากขึ้นไปอีก เพราะเสื้อผ้า และการแสดงที่เตรียมไปจัดเต็มมากๆ (หัวเราะ) พอได้เข้ารอบรองชนะเลิศ ผมเชื่อว่าฝรั่งต้องอะเมซิ่งกับเครื่องดนตรีไทยที่เขาเห็น เพราะเขาไม่เคยเห็น 'จะเข้'
กระทั่งเข้ารอบชิงชนะเลิศ ผมก็ทำเต็มที่ ผมเชื่อว่าหลายประเทศจดจำไทยแลนด์ได้ ซึ่งนอกจากวัฒนธรรม และเครื่องดนตรีไทยแล้ว รอยยิ้ม และความเป็นมิตรคือสิ่งที่เราได้เอาไปด้วย การันตีได้จากรางวัล Spirit of Team ที่ทีมไทยได้มันมา"
ยิ่งไปกว่านั้น หลังสิ้นสุดการประกวด ผลรางวัลก็ชวนให้ฝรั่งอึ้งไปอีก เพราะกวาดรางวัลได้มากที่สุดบนเวทีระดับโลกครั้งนี้
"ผมไม่ใช่คนเก่งที่สุดอ่ะเนอะ" เก่งพูดด้วยน้ำเสียงถ่อมตัว "แต่ผมเป็นคนที่มีความพยายาม และความตั้งใจสูง (น้ำเสียงหนักแน่น) ที่สำคัญคือ ผมสนุกกับการใช้ชีวิต ประสบการณ์ที่ผ่านมาสอนให้ผมรู้จักปล่อยวางกับบางอย่าง บางอย่างก็ต้องเทให้กับความห่าเหวบ้าง เราจะไปยึดติดทุกอย่างไม่ได้ ชีวิตต้องดำเนินต่อไปครับ อย่าลืมว่าเราเกิดมาเพื่อใช้ชีวิต ส่วนรางวัลที่ผมได้มา ผมดีใจที่ได้เป็นตัวแทนคนไทยในการเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมไทย รวมไปถึงเครื่องดนตรีไทยให้คนทั่วโลกให้เห็น และชื่นชม
ผมขอบคุณทุกๆ กำลังใจ และทุกฝ่ายที่ให้การสนับสนุนผม แต่ไม่จำเป็นต้องจำรางวัลของผมทั้งหมดก็ได้นะ คือรางวัลมันเยอะมาก (หัวเราะ) แต่สิ่งที่อยากให้ทุกคนได้จดจำก็คือ ผมไปทำอะไร ผมเอาดนตรีไทยไปอยู่บนเวทีโลก แล้วผมภาคภูมิใจมากขนาดไหน อยากให้ทุกคนจำความรู้สึก แล้วถ่ายทอดสู่รุ่นลูก รุ่นหลาน ให้พวกเขารู้สึกรัก และภาคภูมิใจในความเป็นไทยจนเกิดความรู้สึกว่าอยากจะเล่นมัน"
มอง "คน" ได้ชัดจากเวทีนี้
อย่างไรก็ดี นอกจากได้ความภูมิใจ และความสะใจที่ได้ใช้ความสามารถอย่างสุดพลังบนเวทีนี้ ยังทำให้เขากลับมามอง "คน" ได้ชัดขึ้น
"ถ้าเราตัดคำว่าไทยแลนด์ออกไป แล้วมองคำว่าคน ผมได้วิธีคิดกลับมา ผมเห็นว่า ความต้องการ มันพาคนกับศิลปะไปทำงานได้ไกลขนาดนั้น ผมว่าผมมีความต้องการสูงแล้วนะ ประเทศฟิลิปปินส์ เขามีความต้องการมากกว่า ซึ่งผมยอมรับนะว่าหมั่นไส้เบาๆ (หัวเราะ) แต่พอได้รู้เบื้องหลังของพวกเขา
ใครจะไปรู้ว่าครึ่งหนึ่งในทีมเป็นคนจน จนในที่นี้คืออยู่สลัม ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีน้ำใช้ แล้วพอมาพักโรงแรม สิ่งที่เขาพูดคือ เขาดีใจมากๆ ที่มีผ้าเช็ดตัวสะอาดๆ ใช้ โห! ผมฟังแล้วแบบ...ชีวิต ว่ะ คือศิลปะมันพาคนมาไกลมากจริงๆ บวกกับความต้องการ และความรักในศิลปะ ซึ่งเรามาทำร่วมกัน ผมว่ามันโอเคมาก
หลังจากประกวดเสร็จ แล้วกลับไทย แน่นอนว่ามีทั้งคนชื่นชม และคนวิจารณ์ ซึ่งใครจะว่าผมยังไง ผมไม่สนแล้ว หรือถ้าอ่านเจอในโลกออนไลน์ ผมก็ไม่เอามาคิด เพราะประสบการณ์มันซื้อไม่ได้จริงๆ ผมแค่รู้ว่าผมไปทำอะไร ผมได้ไปเดี่ยวเครื่องดนตรีไทยอย่าง 'จะเข้' ท่ามกลางสายตาชาวต่างชาตินับพันนับร้อย แล้วผมก็ได้เล่นเพื่อประชันกับกีตาร์ หรือเครื่องดนตรีชนิดอื่นๆ นอกจากนั้นผมยังเป็นคนไทยที่เอาไทยเดิมไปชนกับฝรั่ง
คนอื่นร้องเพลงสากลกันหมด เขาจะให้หรือไม่ให้ก็ไม่เป็นไร สุดท้ายเขาก็ตัดสินจากศิลปะจริงๆ เราได้เหรียญทองมา เขาไม่ได้มองว่าคุณร้องชัดหรือไม่ชัด แต่เขามาเพื่อฟังเพลง ฟังว่าคุณเล่าอะไร ดังนั้นผมต้องรู้สึก และแสดงออกมา แล้วผมจะแคร์ทำไมกับคนที่อยู่หน้าจอคอมพ์โดยมีแป้นพิมพ์ที่จะพิมพ์ด่าอะไรใครก็ได้ ผมรู้ว่าผมกำลังอะไรอยู่แค่นั้นก็พอแล้ว เขาถึงบอกไงว่าโลกนี้มี 2 อย่างที่ไม่สิ้นสุด นั่นก็คือ จักรวาลกับความเผือก" เขาหัวเราะลั่น ก่อนจะเสริมขึ้นมาว่า
"ความเผือกนี่กว้างกว่าจักรวาลอีกนะผมว่า (หัวเราะ) ดังนั้นเราต้องรู้จักปล่อยวางครับ ถ้าเราไปยึดติดกับมัน เราจะใช้ชีวิตยังไงอ่ะ จริงมั้ยครับ ผมยืนยันคำเดิม ผมเกิดมาเพื่อใช้ชีวิต ผมก็ต้องใช้ชีวิตในแบบของผมต่อไป ส่วนคนเหล่านั้น สักพักหนึ่งเวลาจะจัดการเขาออกไปเอง"
ส่วนอีกเรื่องที่เขายอมรับว่าน้อยใจมาก ก็คือผู้ใหญ่ที่ไม่ค่อยเห็นความสำคัญของวัฒนธรรมไทย "น้อยใจนะ เป็นใครใครก็น้อยใจ" เขาเอ่ยขึ้น "ไม่ใช่แค่เฉพาะเวทีนี้ คือผมเป็นคนดนตรีไทย แล้วผมน้อยใจอยู่สม่ำเสมอที่ผู้ใหญ่ในประเทศอยากให้ทุกคนรักในวัฒนธรรมไทย แต่กลับไม่ได้ทำอย่างจริงจังเลย
เวลามีใครเอาวัฒนธรรมไทยไปโชว์ต่างประเทศ แทบจะไม่ค่อยมีคนมีสนับสนุน มันทำให้ผมรู้สึกน้อยใจ เพราะวัฒนธรรมเป็นอย่างเดียวที่บ่งบอกความเป็นชาติ (เน้นเสียงหนัก) ถ้าคุณไม่สนับสนุนความเป็นชาติ แล้วชาติเราจะไปอยู่ไหน อย่างที่ผมยกตัวอย่าง มีคนยังไม่รู้จัก 'จะเข้' ถ้าคลิปของผมไม่แชร์ออกไป ผมเชื่อว่ายังมีใครอีกหลายคนที่ไม่รู้จัก ซึ่งมันเป็นเรื่องที่เราควรจะทำอะไรกันได้แล้ว" เขาบอก ก่อนจะพูดติดตลกแต่แฝงไปด้วยความจริง
"กลับมานี่เงินเก็บหมดเลยนะ (ยิ้ม) อันนี้พูดจริงๆ (หัวเราะ) ต้องทำงานกันต่อไป แต่ผมว่าไปครั้งนี้ กลับมาด้วยรางวัลแบบนี้ มันคุ้มแล้ว ชีวิตผมอ่ะ เพราะก่อนไป ผมคิดอยู่แล้วว่ามันต้องลงทุน แล้วผมก็ชอบลงทุนกับเรื่องแบบนี้นะ เราตายเราก็เอาเงินไปไม่ได้ สู้เอาไปทำในสิ่งที่มีความสุขดีกว่า ที่ไปเวทีนี้ ผมไม่ได้จะไปชิงรางวัล หรืออะไร คนจะมีกระแสตอบกลับอย่างไร แต่ผมไปเพราะผมอยากไปโชว์ความสามารถ โชว์ความเป็นไทย ได้รางวัล หรือไม่ได้กลับมาก็ถือเป็นประสบการณ์ แต่มันก็ได้กลับมาเยอะมากๆ ความสะใจก็เช่นกัน" พูดจบก็หัวเราะยาว
ลูก "เก่ง" ของพ่อแม่
ไม่เขียนถึงไม่ได้กับ "ความน่ารัก" ในบทบาทลูกชายคนโตของบ้าน "ประทุมวรรณ" นอกจาก "เก่ง" นอกบ้านแล้วยัง "เก่ง" ในการเลี้ยงดูครอบครัวอีกด้วย
"แม่ผมจบด้านกีตาร์คลาสสิกมา แต่หันมายึดอาชีพขายเสื้อผ้าแฟชั่นอยู่ที่จ.สงขลา ส่วนพ่อจบด้านกฎหมายที่มหาวิทยาลัยรามฯ แล้วก็หันมาวาดรูป ทุกวันนี้ผมให้พ่อกับแม่หยุดทำงานแล้ว ผมให้ท่านได้หยุดพักหลังผมประกวดเดอะ วอยซ์ได้ 1 ปี เพราะผมเชื่อมั่นในความ Strong ของผม ผมเชื่อมั่นในคุณภาพของผม ซึ่งผมสามารถสร้างมูลค่าจากอาชีพของผมได้ ที่ผ่านมาผมก็ซื้อบ้าน ซื้อรถให้ท่าน เพราะจะได้ขึ้นจากจ.สงขลาแล้วมาอยู่ที่กรุงเทพฯ ด้วยกัน
ตอนนี้แม่มีหน้าที่อย่างเดียวคือ ทำกับข้าวให้ลูกกิน (ยิ้ม) แม่ผมทำไข่เขียวอร่อยมาก เป็นไข่เจียวฟู ส่วนพ่อจะทำอาหารเก่งกว่าแม่ แม่จะทำได้ไม่กี่อย่าง แต่พ่อนี่สุดยอด โดยเฉพาะอาหารใต้ที่เป็นอาหารมังสวิรัติ ผมมีน้องอีกคน เรียนจบวิศวะฯ เพิ่งทำงานได้ 1 ปี อยู่ฉะเชิงเทรา เป็นวิศวะดีไซน์นะ ออกแบบหม้อไฟฟ้า แปลกมะ บ้านผมแปลกทั้งบ้าน (หัวเราะ) อย่างพ่อ ตื่นเช้ามาก็จะนั่งปั้นเปเปอร์มาเช่ แม่ตื่นมาก็นั่งเล่นเฟซบุ๊ก แชร์ข่าว ส่วนน้องก็นั่งออกแบบหม้อแปลง นี่แหละครับครอบครัวผม อบอุ่น สนุกสนานกันไป" ลูกชายคนเก่งของบ้านเล่าไปยิ้มไป
ดังนั้น เมื่อถามถึงความสุขในชีวิต นอกจากครอบครัว และดนตรีแล้ว การได้กิน "มังสวิรัติ" คือความสุขที่เขาเลือก
"ตอนแรกตั้งใจจะกินแค่ช่วงวันเข้าพรรษา ตลอด 3 เดือน ร่างกายค่อยๆ ปรับตัว ได้เจอร้านอาหารอร่อยๆ แล้วก็รู้สึกว่า ใจผมเย็นลง ที่พีคสุดๆ คือตอนไปเจอสัตว์ที่กำลังถูกขนไปฆ่าขณะรอสัญญาณไฟแดง ผมก็รู้สึกสงสาร และบอกกับตัวเองว่า ผมอยู่ได้โดยที่ไม่เบียดเบียนสัตว์ คือผมไม่รู้ขั้นตอนในการได้ชิ้นเนื้อมา 1 ชิ้น ถึงแม้จะเป็นชิ้นเล็กๆ ทุกชีวิตก็ต้องรักชีวิตของเขา ผมห้ามคนอื่นไม่ได้ ผมหยุดที่ตัวผมเองดีกว่า"
ถึงวันนี้ 5 ปีแล้วบนเส้นทางสายมังสวิรัติ เขาบอกว่า สุขภาพดีขึ้น ไม่เหนื่อยง่าย เช่นเดียวกับ "เหล้า" ที่เขาเลิกมาได้พักใหญ่แล้ว
"กินเหล้าแล้วมันส่งผลต่อร่างกาย และชีวิตหลายๆ อย่าง ซึ่งก่อนหน้านี้ผมเป็นนักปาร์ตี้มาก ตื่นมาอีกทีก็เที่ยง ซึ่งกว่าจะกลับมาใช้ชีวิตได้ปกติก็วันรุ่นขึ้น โห มันเวลาชีวิตมันหายไปทั้งวันเลยนะ อีกอย่างผมต้องร้องเพลง ถ้าเป็นแบบนี้บ่อยๆ ชีวิตพังแน่ ตอนนั้นเดอะวอยซ์กำลังพีคแรงมาก ถ้าผมไปกับเพื่อน ไปฉลอง ไปเมากัน วันรุ่งขึ้นถ้าผมไม่ไหวขึ้นมา เสียงหาย ร้องเพลงไม่ได้ ซึ่งมันเคยมีกรณีนั้นมาแล้วผมก็เลยตัดขาดดีกว่า"
ปัจจุบัน "เก่ง" เป็นเจ้าของโรงเรียนสอนดนตรี G-Raphe studio และมีร้านกาแฟเล็กๆ เปิดอยู่ในสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ (โรงละครวังหน้า) ชื่อไทยๆ นามว่า “เมขลา” ก่อนจะเผยถึงโปรเจกต์ใหม่ๆ ที่มีแนวคิดว่าจะทำในอนาคต
"ตอนนี้เก็บเงินด้วย (หัวเราะ) แล้วก็มีแผนที่จะทำโปรเจกต์ต่อไป หลังจากกลับมาจากการประกวดเวที้นี้ได้มีโอกาสคุยกับผู้ใหญ่ ด้วยความที่เราตะโกนมาจากข้างนอกแล้ววันนี้เขาเข้าใจ มันก็โอเคนะ ทำให้ผมได้ทำในสิ่งที่ผมได้ฝันเอาไว้ นั่นก็คือโปรเจกต์ที่เกี่ยวกับดนตรีไทย โดยมีความตั้งใจว่าจะนำดนตรีไทยไปเล่นให้เด็กๆ ทั่วประเทศได้ชม ได้ฟังกัน ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน" เขาถึงแนวคิด และฝากทิ้งท้ายในฐานะคนดนตรีคนหนึ่ง
"ปัจจุบันดนตรีไทยถึงยุคที่เราต้องกลับมาให้ความสำคัญได้แล้ว เพราะผมเจอกรณีหนึ่งคือ ผมเอาจะเข้ไปแข่งบนเวทีนี้ แล้วมีคำถามจากคนไทยที่ไปด้วยกันว่า นี่เครื่องดนตรีอะไร ผมก็บอกจะเข้ แล้วเขาก็ถามต่อว่า นี่เครื่องดนตรีไทยเหรอ ผมก็บอกว่า ใช่ครับ นี่คือคำถามจากคนไทย และเป็นผู้ใหญ่ที่พาลูกไปด้วย ซึ่งผมรู้สึกว่า มันไม่ได้แล้วอ่ะ มันไม่ใช่แล้ว มันเป็นสัญญาณเตือนบางอย่างแล้ว
ดังนั้นใครไม่ทำ ช่างเขา ใครจะด่าว่าผมเป็นไทยประยุกต์ ก็ช่างเขา คือถ้าคุณเก่ง ผมเข้าใจ แต่ก็พยายามดันตัวให้ได้เท่าผม แล้วเข้ามาช่วยกัน ช่วยกันในที่นี้คือ ทำอย่างไรก็ได้ให้เด็กไทยได้เห็น และมีความรู้สึกว่ามันเป็นส่วนหนึ่งกับสังคมไทย มันไม่ใช่เรื่องเคอะเขิน หรือเรื่องเชยๆ อย่างที่คิด"
เรื่อง : ปิยะนันท์ ขุนทอง
ภาพ : ศิวกร เสนสอน และขอบคุณภาพประกอบจากเฟซบุ๊ก เก่ง ธชย ประทุมวรรณ-Tachaya, KE NG (เก่ง ธชย), ไอจี @kengtachaya
////////////////////////////
ประวัติส่วนตัว
ชื่อ-สกุล: ธชย ประทุมวรรณ
ชื่อเล่น : เก่ง หรือ เก่ง เดอะวอยซ์
อายุ : 27 ปี
เกิดวันที่ : 10 มกราคม พ.ศ.2532
อาชีพ : นักร้อง และเจ้าของโรงเรียนสอนดนตรี G-Raphe studio
ความสามารถพิเศษ : ขับร้องเพลงสากล, ไทยสากล, และไทยเดิม และสามารถเล่นดนตรีไทยได้หลายชนิด, อูคูเลเล่ และกีตาร์
ผลงาน/รางวัล :
- 5 โล่ 14 เหรียญทอง 5 เหรียญเงิน 1 เหรียญทองแดง และอีก 2 เหรียญพิเศษจากเวที World Championships of Performing Arts ครั้งที่ 20 ณ นครลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา
- รองแชมป์ รายการ The Voice Thailand ปี 2555
- แชมป์การแข่งขัน Coke Music Award 2010
อื่นๆ
- รับโล่รางวัล ทูตพระพุทธศาสนา ประจำปี 2557
- รางวัลคนดีต้นแบบ "คุณธรรมไทย" ประจำปี 2557
- รางวัลระฆังทอง (บุคคลแห่งปี) ครั้งที่ 8 สาขาสร้างสรรค์ สนับสนุนมวลชนและสังคมดีเด่น ประเภท ศิลปิน ดารานักแสดง นักร้อง) ปี 2558
- รางวัล คนไทยตัวอย่าง ประจำปี 2558
- รางวัลหัวใจพระพิฆเนศ ปี 2558
- รางวัล พิฆเนศวร รางวัลวิทยุโทรทัศน์แห่งชาติ ประจำปี 2558 ครั้งที่ 4 ในสาขา ศิลปินส่งเสริมวัฒนธรรมไทยดีเด่น
มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram
"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!
และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754