xs
xsm
sm
md
lg

บ้าน I ไม่มีนะ You…จับคนผิดฐานออรัลฯ ประจานออกสื่อให้อับอาย!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ถึงกับต้องแถลงข่าว? ตำรวจไทยจับนักท่องเที่ยวออรัลเซ็กซ์ มานั่งไหว้ขอโทษแถลงข่าว จนสื่อนอกยกให้เป็นข่าวแปลก จุดประเด็นทำให้ผู้กระทำผิดอับอายกว่าเดิม แบบนี้บ้านเมืองไอไม่มีนะยู!

แถลงข่าวให้อับอายกว่าเดิม?!

โด่งดังไปทั่วโลกอีกแล้ว กับกรณีที่ตำรวจไทยนำตัวคู่รักชาวต่างชาติในคลิปฉาว “อมนกเขา” ในที่สาธารณะ ออกมาไหว้และขอโทษต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จนสื่อต่างชาติชื่อดังอย่าง The mirror ถึงกับต้องมีการจัดข่าวนี้ให้อยู่ในหมวดหมู่ “เรื่องแปลก”
เมื่อไม่นานมานี้ บนโลกโซเชียลฯ ได้มีการแชร์คลิปชาวต่างชาติชายหญิงคู่หนึ่ง ที่กำลังมีเพศสัมพันธ์แบบออรัลเซกซ์ อย่างไม่แคร์สายตาของผู้คนที่ผ่านไปมา จนผู้ที่เห็นเหตุการณ์ต้องเข้ามาเตือนให้หยุดการกระทำนี้และถ่ายคลิปวิดีโอที่มีความยาวประมาณ 2 นาที ซึ่งชาวต่างชาติในคลิปมีอาการคล้ายกับคนมึนเมา ชาวบ้านบริเวณนั้นเข้ามาต่อว่าถึงความไม่เหมาะสมในการกระทำเช่นนี้ จนชายชาวต่างชาติต้องยกมือไหว้ขอโทษและจูงมือฝ่ายหญิงเดินออกไปจากจุดเกิดเหตุ

หลังจากที่คลิปวิดีโอนี้เผยแพร่ออกไป ทำให้ทราบว่าสถานที่เกิดเหตุคือ เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของภาคใต้ ซึ่งในเวลาต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว ได้ทำการสืบสวนสอบสวนจนทราบว่า นักท่องเที่ยวที่ปรากฏอยู่ในคลิปนั้น ฝ่ายหญิงเป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยนในมหาวิทยาลัยชื่อดังของจังหวัดเชียงใหม่ ส่วนฝ่ายชายเป็นนักท่องเที่ยวชาวไอร์แลนด์
เมื่อชาวต่างชาติทั้งสอง ทราบว่าถูกแจ้งความดำเนินคดี จึงได้เดินทางเข้ามามอบตัว เจ้าหน้าที่ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหา ข้อกล่าวหากระทำการอันควรขายหน้าต่อหน้าธารกำนัล โดยเปลือยหรือเปิดเผยร่างกายหรือกระทำการอย่างอื่น มีโทษปรับคนละ 2 พันบาท และได้มีถ่ายภาพร่วมกันระหว่างเจ้าหน้าที่และนักท่องเที่ยวทั้งสอง ที่ยกมือขึ้นไหว้ขอโทษชาวไทยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนจะปล่อยตัวไป

เหตุการณ์ดูเหมือนจะจบลงด้วยดีแล้ว แต่สื่อต่างชาติสำนักดังอย่าง The Mirror กลับนำเรื่องราวนี้ไปนำเสนอในอีกแง่มุมหนึ่ง โดยมองว่าการที่ตำรวจไทยให้ชาวต่างชาติที่ปรากฏในคลิปออกมาไหว้ขอโทษ ยิ่งเป็นการทำให้ผู้กระทำผิดทั้งสองอับอายยิ่งกว่าเดิม ดูคล้ายกับเป็นตอกย้ำในความผิดและบังคับคนทั้งสองให้ไหว้ขอโทษ และจัดให้ข่าวนี้อยู่ในหมวดข่าวแปลก(weird-news) ไปโดยปริยาย

ภายหลังจากที่สื่อดังเผยแพร่ข่าวนี้ออกไป ก็มีผู้มาแสดงความคิดเห็นในหลายแง่มุม บ้างก็มองว่าเป็นเรื่องตลกขบขัน และอย่าถือสาหาความอะไรกับคนเมา บ้างก็ตำหนิชาวต่างชาติทั้งสองที่ไม่เคารพกฎหมายและวัฒนธรรมของชาติอื่น แต่ก็ยินดีให้อภัยเพราะคนทั้งคู่ยอมรับว่าตนเองผิดและขอโทษด้วยการไหว้
นอกจากนี้ยังมีความคิดเห็นบางส่วนที่พาดพิงถึงตำรวจไทย ว่าเป็นการบังคับให้ออกมาไหว้ขอโทษหรือไม่ ดำเนินคดีตามกฎหมายก็น่าจะเพียงพอและไม่มีความจำเป็นต้องมานั่งแถลงข่าวให้ใหญ่โต เพราะเป็นคดีที่ไม่ได้มีความร้ายแรงเหมือนอย่างการฆ่าคนหรือค้ายาเสพติด ซึ่งชาวต่างชาติเองก็ยินดีเข้ามามอบตัวอยู่แล้ว ยิ่งทำแบบนี้ยิ่งเป็นประเด็น และควรเอาเวลาไปใส่ใจกับคดีที่ใหญ่กว่านี้จะดีกว่า

แม้จะเป็นเหตุการณ์เล็กๆ แต่เรียกได้ว่าส่งผลกระทบเป็นวงกว้างระดับประเทศ สะท้อนให้เห็นถึงการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยที่ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ แต่อีกมุมหนึ่งจะถือเป็นการละเมิดสิทธิของผู้กระทำผิดหรือไม่ ในส่วนของนักท่องเที่ยวเองก็ถือได้ว่าเป็นอุทาหรณ์อย่างดี ว่าไม่ควรปล่อยให้ตนเองเมาจนขาดสติและทำอะไรที่ไม่ควรทำ เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ต้องถูกดำเนินคดีไปตามระเบียบ

ให้ความสำคัญกับสิทธิผู้กระทำผิด

อาจเป็นเพราะตำรวจไทยเคยชินกับการจับคนผิดมาปิดคดีด้วยการแถลงข่าว จึงไม่ได้นึกเอะใจว่ายิ่งเป็นการทำให้ผู้ต้องหาอับอายมากขึ้นหรือไม่ เช่นเดียวกับกรณีนี้ ชาวต่างชาติเมาจนขาดสติ และทำออรัลเซ็กซ์ในที่สาธารณะ นำไปสู่การดำเนินคดีและแถลงข่าว แม้จะเป็นคดีเล็กๆ แต่สื่อต่างชาติก็ไม่วายจับขึ้นมาเป็นประเด็นว่าเป็นเรื่องที่แปลก เหมือนกับว่าเป็นการทำให้ผู้กระทำผิดต้องได้รับความอับอายยิ่งกว่าเดิมทั้งที่ได้ถูกดำเนินคดีไปแล้ว จนต้องหวนกลับมาคิดในอีกแง่มุมว่า การที่เจ้าหน้าที่กระทำเช่นนี้ ถือเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของผู้กระทำผิดหรือไม่?

[ ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา ]
เรื่องสิทธิมนุษยชนไม่ใช่เรื่องไกลตัว สิ่งที่บ้านเมืองเราควรคิดให้หนักกว่านี้คือ ต้องมองว่าทุกวันนี้ทั่วโลกต่างหันมาคำนึงถึงเรื่องนี้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสิทธิเด็ก สิทธิสตรี สิทธิของกลุ่มคนรักร่วมเพศ สิทธิของผู้อพยพ รวมไปถึงสิทธิของผู้กระทำความผิดในคดีต่างๆ ซึ่งเป็นอีกเรื่องที่นักสิทธิมนุษยชนถกเถียงกันมานาน นอกจากตำรวจที่อยู่ในกระบวนการนี้แล้ว สื่อมวลชนก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ถือว่ามีความเสี่ยงที่จะละเมิดสิทธิของผู้กระทำผิดได้เช่นกัน
สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) และ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย หรือเอไอ เล็งเห็นถึงความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องการละเมิดสิทธิของผู้กระทำผิดและบทบาทการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนในการนำเสนอข่าวสารเพื่อที่จะไม่เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน จนเกิดการเสวนาเกี่ยวกับประเด็นนี้อยู่บ่อยครั้ง

[ ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา ]
จากการนำเสนอข่าวการจับกุมผู้ต้องหาในคดีอาชญากรรมต่างๆ จะเห็นได้ว่ามีการเผยแพร่ภาพของผู้กระทำผิดอย่างชัดเจน รวมไปถึงการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ บ่อยครั้งมักจะจบลงด้วยการรุมประชาทัณฑ์ผู้กระทำผิดจนไม่สามารถทำแผนฯ ต่อไปได้ การกระทำเช่นนี้อาจถือได้ว่าเป็นการแทรกแซงสิทธิความเป็นส่วนตัวของผู้กระทำผิดด้วยเช่นกัน เพราะหลักการสำคัญของกระบวนการยุติธรรม คือ บุคคลทุกคนเสมอกันในกฎหมายและย่อมได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายเท่าเทียมกัน
ถึงแม้การแถลงข่าวจับกุมตัวผู้กระทำผิดได้ จะเป็นทางหนึ่งของการประชาสัมพันธ์ผลงานของหน่วยงาน แต่บางส่วนก็ถือเป็นการละเมิดสิทธิของผู้กระทำผิดเช่นกัน ทาง พ.ต.อ.ชโลธร สิทธิปัญญา ผู้แทนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้กล่าวในการเสวนาไว้ว่า แม้จะเป็นการละเมิดสิทธิของผู้กระทำผิดอยู่บ้าง แต่ก็ถือเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ เป็นการปรามคนที่คิดกระทำผิด และทำให้ประชาชนรับรู้ถึงภัยสังคมที่เกิดขึ้น

[ ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา ]
ทางด้าน สมชาย หอมลออ นักสิทธิมนุษยชน กล่าวว่า ถ้ามีการรับสารภาพของจำเลยต่อหน้าพนักงานสอบสวนและทนายความของจำเลยก็น่าจะเป็นหลักฐานเพียงพอที่น่ารับฟังได้ไม่น้อยไปกว่าการนำผู้ต้องไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ซึ่งการจัดทำแผนฯ ควรมุ่งถึงเหตุปัจจัยที่ทำให้ผู้กระทำผิดก่ออาชญากรรมเพื่อเป็นการให้ข้อมูลแก่สังคม เพราะถ้านำเสนอเรื่องวิธีการมาก อาจทำให้เกิดการลอกเลียนแบบ
ส่วนการทำหน้าที่ของสื่อ จากการเสวนาได้ข้อสรุปว่า สื่อควรจะมีการสอบถามกับผู้กระทำผิดก่อนว่า ยินดีและเต็มใจที่จะแถลงข่าวหรือทำแผนฯหรือไม่ และควรใช้ดุลพินิจในการนำเสนอข่าวว่าจะทำอย่างไรที่ไม่เป็นการละเมิด เช่น การเบลอหน้าผู้กระทำผิด การไม่เปิดเผยข้อมูล หรือไม่ถ่ายภาพผู้กระทำผิดเลย เป็นต้น




มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram

"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!


และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754



กำลังโหลดความคิดเห็น