xs
xsm
sm
md
lg

"คนดี" ที่ต้องตาย เพราะเป็น "ทหารที่ดี" ไม่ได้ดั่งใจผู้บังคับบัญชา!!?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ตายในหน้าที่... ใครจะคิดว่าสถานะนี้ จะเกิดขึ้นกับ “นายสิบ” ผู้ดูแลข้อมูลด้านการเงินประจำค่ายทหาร แต่ก็เกิดขึ้นแล้ว หลังถูกผู้บังคับบัญชาสั่งลงโทษจัดหนักสไตล์ลายพราง จนเป็นเหตุให้น็อกด้วย “โรคลมแดด (Heat Stroke)” และเสียชีวิตในที่สุด...



ชะตากรรมของ “ผู้ใต้บังคับบัญชา”

“มันน่าอดสูนักที่วันนี้ เราอาจจะต้องเสียคนที่ดีมาก ซึ่งเขาจะไม่ใช่ทหารที่ดีดังใจผู้บังคับบัญชาคนหนึ่งไป ครอบครัวของเขาก็คงไร้หนทางสู้ต่อในวันที่ไม่มีลูกชาย”

และแล้ว ข้อความที่รุ่นพี่ของ “นายสิบผู้ล่วงลับ” ได้โพสต์ระบายความรู้สึกเอาไว้ก็กลายเป็นจริง หลังเขียนบอกเล่าเรื่องราวในรั้วทหารกรณีนี้เอาไว้ผ่านเฟซบุ๊ก “Supakit Wisetanuphong” จนถูกแชร์มากมายและกลายเป็นประเด็นร้อนมาจนถึงตอนนี้

"เพราะน้องผมมันซื่อ และดีจนเกินไป?" คือชื่อหัวข้อของโพสต์ดังกล่าว ซึ่งบอกเล่าเหตุการณ์ตั้งแต่ช่วง “เอ็ม-ส.ท.ปัญญา เงินเหรียญ” นักเรียนนายสิบเหล่าการเงิน รุ่น 16 สังกัดกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 19 (ร.19 พัน.3) ค่ายสุรสีห์ ต.ลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ผู้เคราะห์ร้ายยังนอนหายใจแผ่วอยู่ในห้องไอซียู และย้อนไปถึงสาเหตุที่ทำให้เขาต้องประสบชะตากรรมเช่นนี้ ผ่านข้อมูลที่ได้รับรู้ต่อๆ กันมาในฐานะรุ่นพี่รุ่นน้องคนสนิท


เขาถูกผู้บังคับบัญชายศ 'ร้อยเอก' โปรไฟล์โก้หรูจากโรงเรียนนายร้อย ลูกหลานนายพล สั่งซ่อมด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ความบ้าอำนาจ หรือความประมาทใดๆ ก็ตาม ให้วิ่งกลางแดดท่ามกลางความร้อนของแดดเมืองกาญจน์ ที่หลายคนคงพอจะทราบว่าเป็นเช่นไร จนเจ้าตัวเกิดอาการ 'Heat Stork' จนถึงวันนี้ก็ราวๆ อาทิตย์หนึ่งได้แล้ว ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นขึ้นมาได้เลย

ทันทีที่ผมมีเวลาว่าง ผมเองก็ได้เดินทางไป ณ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า มันหดหู่อย่างบอกไม่ถูก เพราะน้องคนนี้คือคนที่ดีมากคนหนึ่งเลยที่ผมเคยรู้จัก บ้านน้องยากจนมากถึงมากที่สุด ตลอดเวลาที่เรียน ณ ที่โรงเรียนด้วยกันนั้นก็ไม่เคยมีประวัติด่างพร้อยอะไร เป็นคนซื่อๆ คนหนึ่งที่เพื่อนๆ ต่างรัก และช่วยเหลือกันมาตลอด แล้วใครจะคิดว่าจะต้องเจอเหตุการณ์เช่นนี้กับคนที่เพื่อนๆ ต่างยกย่องว่าดีที่สุดคนหนึ่งของรุ่นด้วยเล่า

มันน่าอดสูนักที่วันนี้เราอาจจะต้องเสียคนที่ดีมาก ซึ่งเขาจะไม่ใช่ทหารที่ดีดังใจผู้บังคับบัญชาคนหนึ่งไป ครอบครัวของเขาก็คงไร้หนทางสู้ต่อในวันที่ไม่มีลูกชาย แต่อีกมุมหนึ่งล่ะ ก็คงเป็นเพียงเหตุการณ์หนึ่งในชีวิตที่มีเอาไว้เหยียบขึ้นไปเพื่อยศที่สูงขึ้น ลอยหน้าลอยตาบนความยากลำบากของผู้ใต้บังคับบัญชา ที่ชีวิตของเขาถูกเปรียบดังหมาตัวหนึ่งที่ถูกรถชน ไม่นานเดียวเรื่องก็เงียบ ไม่นานก็ยศขึ้น ไม่นานก็ไปดินเนอร์ ยิ้มแย้มกับครอบครัวได้เหมือนเดิม

นี่คือเครื่องยืนยันได้อย่างดีว่า โลกนี้ไม่เคยมีความเท่าเทียม หรือความยุติธรรมใดๆ หรอก ไม่มีชายชาติทหารที่แสดงความรับผิดชอบใดๆ ณ ตอนนี้ ไม่มีอะไรที่จะแสดงให้ทุกคนได้รับรู้และสบายใจจากเขาเลย ณ ตอนนี้ สำหรับผมเขาไม่ใช่ทหารหรอก เพียงแค่ผู้ชายกระจอกๆ ใจเล็กยิ่งกว่ามด ที่เติบโตมาได้เพราะครอบครัวทหารของเขาเท่านั้นเอง”



ไม่ได้ลงโทษหนัก แต่ระวัง “ฮีตสโตรก” ไม่มากพอ!!?

ไม่ได้ให้วิ่งท่ามกลางอากาศร้อน “นายสิบ ผู้เห็นเหตุการณ์” ขอแก้ต่างเอาว่า “วันนั้นอากาศไม่ร้อนมากเพราะฝนใกล้ตก” และผู้บังคับบัญชาก็ไม่ได้สั่งทำโทษแบบบ้าอำนาจอย่างที่ถูกเขียนถึง แต่ได้สั่งให้ตนคอยดูแลตลอดทางที่ตัดสินโทษ “นายสิบ ผู้ล่วงลับ” อีกด้วย

โชคร้ายตรงที่ก่อนบทลงโทษลายพรางครั้งดับชีวิตครั้งนี้จะเริ่มขึ้น “เอ็ม” นายสิบผู้ล่วงลับ ยังไม่มีอาหารตกถึงท้องแต่ประการใด แต่กลับถูกผู้บังคับบัญชาสั่งให้วิ่งรอบกองพัน 5 รอบ รอบละ 1.5 กม. เนื่องจากไม่ได้แก้ไขเอกสารให้เสร็จสิ้นตามที่ได้รับคำสั่งเอาไว้

บทลงโทษดังกล่าว เริ่มสตาร์ทตั้งแต่ช่วงเที่ยงวัน โดยให้วิ่งในชุดเครื่องแบบเต็มยศชายชาติทหาร ตามมาด้วย “ท่าพุ่งหลัง” อีก 500 ยก กระทั่งเกิดอาการ “ฮีตสโตรก (Heat Stroke)” หรือ “โรคลมแดด” จนช็อก ต้องนำส่งโรงพยาบาล ต่อสู้อยู่นาน 12 วัน กระทั่งจากไปอย่างสงบในที่สุด

“วิ่งไปได้ถึงรอบที่ 4 พอผ่านกองร้อย เห็นท่าทางไม่ดี ผมก็รีบเข้าไปสอบถามอาการ พอวิ่งไปอีกสักพัก ถึงที่หน้าหน่วยฝึก เขาก็ล้มลง ผมก็เข้าไปช่วยพยุงขึ้น แต่เขาบอกว่าจะวิ่งให้ครบ แต่พอวิ่งต่อไปได้อีก 10 เมตร ก็ล้มลงอีก เลยบอกให้เขาถอดเสื้อให้เหลือครึ่งท่อน

แล้วพอวิ่งไปอีก 20 เมตร เขาก็ล้มลงอีก เลยรีบหาน้ำมาให้กิน ให้พักใต้ต้นไม้ แล้วบอกให้เขาตามกลับมากองร้อยทีหลัง แต่หลังจากนั้น เขายังไม่กลับกองร้อย เลยย้อนกลับไปดู แล้วก็โทร.ให้รถยนต์มารับเขากลับ

พอกลับถึงกองร้อยได้ประมาณ 30 นาที ถึงได้ทราบว่า ผู้บังคับบัญชาสั่งผ่านรุ่นพี่อีกคนว่า ให้ลงโทษเพิ่มอีก ด้วยการให้พุ่งหลังอีก 500 ยก ผมก็บอกให้เขาทำตามคำสั่ง เขาตอบกลับมาว่า 'ครับ' แล้วเริ่มทำท่าพุ่งหลัง แต่เห็นได้ชัดว่าตอนนั้น ขาเขาอ่อนแรงมากแล้ว เลยเปลี่ยนคำสั่งเป็น 20 ยก แต่พอทำไปได้ถึงยกที่ 18 เขาก็ไม่ไหว ผมเลยบอกเขาให้นอนพัก

รอดูอาการไปเรื่อยๆ จนเวลาผ่านไป 30 นาที เริ่มเห็นเขามีอาการเกร็งกล้ามเนื้อ กำมือแน่น กัดฟันตัวเอง เลยรีบเรียกเพื่อนและหมวดทหารม้าในกลุ่มมาช่วยปฐมพยาบาล และเรียกทหารเสนารักษ์มาช่วย แล้วก็ส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลค่ายสุรสีห์ และย้ายมาโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าในตอนท้าย”

[ตัวอย่าง "ท่าพุ่งหลัง" จากรั้วทหาร]

วิจารณ์กันหนักว่า ถ้าคนที่อยู่ในเหตุการณ์ จับตาดูอาการของ “เอ็ม” นายสิบผู้ล่วงลับในระหว่างการทำโทษอย่างระมัดระวังมากกว่านี้ ก็คงไม่ต้องสูญเสียคนดีๆ หนึ่งคนนี้ไป จากสาเหตุที่ไม่เข้าท่า ที่น่าสลดคือ ไม่ใช่ว่าผู้ร่วมกองพันทั้งหลายไม่รู้จัก “ฮีตสโตรก” หรือ “โรคลมแดด” แต่กลับส่งเสริมให้กิจกรรมเสี่ยงทุกอย่างดำเนินต่อไป กระทั่งถึงวินาทีที่ “สายเกินไป” แล้ว...

ถ้าใครไม่อยากเสี่ยงต่อ “ฮีตสโตรก” ท่ามกลางอากาศร้อนๆ แบบนี้ ต้องไม่โหมออกกำลังกาย, หลีกเลี่ยงการอยู่กลางแจ้งนานๆ, ถ้าจำเป็นต้องเผชิญแดด ให้สวมเสื้อผ้าที่มิดชิด แต่ระบายอากาศได้ดี, ใช้อุปกรณ์ป้องกันแสงแดดอย่าง หมวก ร่ม แว่นกันแดด, ดื่มน้ำบ่อยๆ พักผ่อนให้เพียงพอ และหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่จะทำให้ความร้อนในร่างกายสูงเกินกว่า 40 องศาเซลเซียส

โดยอาการเบื้องต้นของโรคฮีตสโตรกที่สังเกตเห็นได้ชัดก็คือ ผู้ป่วยจะมีอาการเมื่อยล้า อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน วิตกกังวล ปวดศีรษะ ความดันโลหิตลดต่ำลง หน้ามืด และอาจมีปัญหาเรื่องระบบไหลเวียนโลหิตด้วย ในช่วงอาการโคม่า ผู้ป่วยจะมีอาการชัก เพ้อ หายใจเร็ว หัวใจเต้นผิดจังหวะ ปอดบวมเพราะของเหลวคั่งในร่างกาย อวัยวะต่างๆ ภายในล้มเหลวเพราะเส้นเลือดอุดตัน ช็อก และอาจถึงแก่ชีวิตในที่สุด


[ภาพจากประสบการณ์ตรง พร้อมเรื่องเล่าสั้นๆ จากผู้ที่เคยเป็น "ฮีตสโตรก" เพราะเกณฑ์ทหาร]
"โรคนี้ผมเคยเป็นมาก่อน เป็นมาเมื่อปีที่แล้วตอนเป็นทหารเกณฑ์ ต้องนอนห้องไอซียู 7 วัน ฟอกไตไป 5 รอบ กายภาพ อีก 2 เดือน กว่าจะกลับมาเป็นปกติ ตอนที่เป็น ความร้อนในร่างกายของผมสูงถึง 42 องศา โรคนี้อันตรายมากจริงๆ ครับ" เจ้าของเฟซบุ๊ก Jirach Yeunyangsay แชร์เรื่องเล่าจากประสบการณ์เอาไว้ใต้โพสต์เรื่องราวของนายสิบผู้ล่วงลับ

เมื่อได้อ่านข้อควรหลีกเลี่ยงจากโรคร้ายๆ ที่มากับความร้อนทั้งหมดนี้จบแล้ว อยากให้ลองย้อนกลับขึ้นไปอ่าน “บทลงโทษ” ที่ผู้บังคับบัญชามอบให้นายสิบผู้ล่วงลับ และการเฝ้าระวังของนายสิบผู้ดูแลกันอีกสักที แล้วจะพบคำตอบเองว่า เหตุใด “เอ็ม-ส.ท.ปัญญา เงินเหรียญ” นายสิบผู้จำต้องรับบทลงโทษจากผู้บังคับบัญชา จึงไม่มีโอกาสได้ลืมตาขึ้นมารับใช้ชาติในฐานะ “ชายชาติทหาร” อีกต่อไป...


ข่าวโดย ผู้จัดการ Live
ขอบคุณภาพ: เฟซบุ๊ก "Supakit Wisetanuphong" และ "Panya Ngernrean"




มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram

"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!


และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754



กำลังโหลดความคิดเห็น