ระอุโซเชียล! ชาวเน็ตจับได้ว่า วงมหาหิงค์ ก๊อบเพลงต่างชาติทั้งดุ้น แทนที่วงดนตรีดังกล่าวจะรีบออกมายอมรับ กลับทำกร่าง ใช้วาจาหยาบคายโต้ตอบแฟนเพจทางเฟซบุ๊ก ส่งผลให้ชาวเน็ตรุมจวกถล่มยับ จนในที่สุด เอ มหาหิงค์ โร่ออกมาขอโทษ ประกาศรับผิดชอบไม่เล่นเพลง สิ่งรอบข้าง อีก
จริงๆ แล้ว มีปัญหาเพลงไทยที่ลอกเลียนแบบเพลงต่างชาติมาตลอดทุกยุคทุกสมัย ปรับแต่งเมโลดี้นิด ท่วงทำนองหน่อย ไม่ก็ใส่ตระกร้าร่อน ประกอบร่างเป็นเพลงใหม่
ทำไมคนดนตรีในวงการเพลงไทยบ้านเราชอบก๊อบกันจัง คิดเองไม่เป็น ไอเดียสร้างสรรค์หดหายไปไหน ?!?
ชาวเน็ตร่วมกันสืบช่วยกันแจ้ง เพราะอับอายแทน
เนื่องจากสมาชิกพันทิปผู้ใช้ชื่อว่า OliverSixSixSix ได้ตั้งกระทู้ “เพลงสิ่งรอบข้าง ของวงมหาหิงค์ คือความอัปยศของวงการเพลงไทย” เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2559
“ฝากถึงวงมหาหิงค์ พวกคุณทำให้อาชีพนักดนตรีของไทยมัวหมอง คุณ copy ทำนองเพลง What You Know มาทั้งเพลงแล้วมาใส่เครดิตการแต่งเป็นของคุณเอง ไม่ทราบว่าใบหน้าคุณทำด้วยอะไร หากินด้วยการ copy เพลงคนอื่นแบบนี้
ช่วยแชร์กระทู้ออกไปให้มากที่สุดครับ เพื่อเป็นการประกาศให้คนไทยรับทราบถึงการกระทำที่น่าอับอาย และส่งผลเสียต่ออาชีพนักดนตรีให้ถูกมองในแง่ลบ ผมว่าคนแบบนี้ไม่ควรมีจุดยืนในสังคมครับ”
พร้อมโพสต์คลิปทั้งสองเพลงสองวงให้เพื่อนชาวเน็ตฟังและตัดสินเอง ซึ่งผู้จัดการ Live ลองเปิดดูแล้ว อดตะลึงในความกล้าก๊อบของวงมหาหิงค์ไม่ได้ เพราะช่างเหมือนกันเป๊ะ ชนิดแกะคอร์ดกันมาเลยทีเดียว
“มีหลายคนส่งเรื่องไปถึงต้นสังกัดของวง Two Door Cinema Clubแล้ว ขอให้โดนฟ้องนะครับ” สมาชิกพันทิปเจ้าของกระทู้ บอกเพิ่มเติม
เพจดังอย่าง โหดสัส ตามภาพ, Drama addict นำไปแชร์ต่อ ขณะเดียวกันก็มีชาวเน็ตช่วยส่งเรื่องถึงกรมทรัพย์สินทางปัญญา
“น่าอาย สันดานแบบนี้ แก้ไม่หายจริง”
ตัวอย่างความคิดเห็นของชาวเน็ตที่ล้วนอับอายแทน บางคนเรียกร้องให้ทางต้นสังกัดของ Two Door Cinema Club ฟ้องเรื่องลิขสิทธิ์ด้วย
“เค้าบอกทัวร์เยอะ เดี๋ยวคอยดูว่าจะพอจ่ายป่าว มันนึกว่า โดนเรื่องลิขสิทธิ์ คงโดนแค่หมื่นสองหมื่นมั้ง ยิ่งของลอกเลียนที่เอาไปสร้างรายได้ แบบถ้าเอาเงินจากยอดวิวไปใช้แล้วนะ บอกได้คำเดียวว่า ไส้แตก”
“ระดับนี้ ทัวร์เยอะแบบนี้ ฟ้องจิ๊บๆ ซัก 30 40 ล้าน พอขำๆ ละกัน”
นอกจากนี้ชาวเน็ตยังพบว่านอกจากเพลงดังกล่าว เอ มหาหิงค์ นักร้องนำของวงยังชอบเอาเพลงของศิลปินคนอื่นมาอ้างว่าเป็นของตัวเอง ทั้งเพลง “โบก” หรือที่รู้จักในชื่อ T26 รวมถึงเพลง “รูปไม่หล่อมีสิทธิ์ไหมครับ” ของวงคาวบอย
“ทางพี่เอสวงกล้วยไทได้ขอให้ทางคุณเอ มหาหิงค์ ทำการแก้ไขโดยให้เครดิตในเพลง รูปไม่หล่อมีสิทธิไหมครับ ซึ่งเป็นเพลงของคาวบอย ศิลปินสังกัด Banana Records แต่เจ้าตัวเลือกที่จะซ่อนวีดีโอของมหาหิงค์แบบส่วนตัวทุกอันและเริ่มปิด Facebook ส่วนตัวหนีแล้วครับ ซึ่งเป็นการสือว่าทางวงไม่ยอมรับความผิดและไม่ยอมออกมาขอโทษอะไร แถมยังแถต่อไปว่า Facebook โดนแฮก (ทำไปได้)” สมาชิกเจ้าของกระทู้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมในประเด็นนี้
มหาหิงค์โต้หยาบคาย โดนถล่มกลับ โร่ออกคลิปขอโทษ
ร้อนฉ่าเข้าไปอีก เมื่อแฟนเพจเฟซบุ๊กวงมหาหิงค์-เอ มหาหิงค์ เข้าไปไถ่ถาม กลับได้รับคำตอบด้วยถ้อยคำหยาบคาย
“ขอ เงิน พ่อง มึงไง คับ”
ก่อให้เกิดกระแสรังเกียจวงดนตรีอินดี้วงนี้แรงหนักขึ้น ชาวเน็ตถั่งโถมเข้าไปถล่มยับ ยังผลให้เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน ที่ผ่านมา สมาชิกวงมหาหิงค์ออกมานั่งเรียงหน้ากระดานอัดคลิปชี้แจง
เอ มหาหิงค์ พูดว่าเพลงสิ่งรอบข้าง เป็นเพลงที่ตนทำมาตั้งแต่ 2-3 ปีก่อน
"ขอบอกเลยว่าผมเอาเมโลดี้มา คือ ผมก๊อบ ผมพูดได้เต็มปาก เพราะเมื่อก่อนผมไม่รู้ว่าวงจะมาถึงปัจจุบันขนาดนี้ มีงานเยอะขนาดนี้...
ผมก๊อบครับ ผมก๊อปเอามาลงยูทูบให้ได้ฟังเฉยๆ ผมไม่ได้เอาไปขาย ผมไม่ได้อะไรเลยครับ"
เขากล่าวว่าทำขึ้นมาเล่นๆ สนุกๆ แต่พอมีกระแสในเฟซบุ๊ก เขาก็ได้ลบเพลงออกไปพักหนึ่ง เพราะทนไม่ไหวที่มีคนเข้ามาด่า ตอนแรกก็รับไม่ได้ที่ถูกคนด่า จึงลบเพลงไปเลย แต่ก็มีชาแนลอื่นที่ไม่ใช่ชาแนล "มหาหิงค์" นำไปลงต่อ จึงกลายมาเป็นประเด็นต่อ เข้าใจว่าเขาเป็นคนทำ แต่จะให้เขาทำอย่างไรเมื่อชาแนลนั้นไม่ใช่ของเขา แถมไม่รู้จักเจ้าของชาแนลด้วย ก็ทำอะไรไม่ได้
"ตรงนี้ผมอยากจะบอก ว่า ถ้าถามว่าก๊อบไหม ก๊อบ แต่ตอนที่ผมก๊อบ ต้องบอกว่าผมไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับการตลาดหรือโปรโมทอะไรเลย คือทำไว้เล่นเฉย ๆ ผมเป็นวงดนตรีมานานแล้ว ถ้าคนติดตามรุ่นแรก ๆ จะรู้ว่าผมชอบดัดแปลงเพลงนู้นนี้มาใส่"
เขากราบขอประทานอภัยแฟนๆ ของวง Two Door Cinema Club และขอโทษคนไทยทั่วประเทศ ส่วนเรื่องที่มีคนมาคอมเม้นท์ว่าให้ทางวงเตรียมเงินไว้จ่ายค่าลิขสิทธิ์ด้วย แล้วทางวงออกมาโต้ตอบนั้น ต้องบอกว่าแอดมินเพจมี 3 คน ก็ขอไม่เอ่ยชื่อ แต่ตรงนี้ค่อยไปคุยในรายการที่จะออกหลังจากนี้
ส่วนเพลงอื่นที่ถูกต่อว่าในคลิปของ ชาแนล BananaMax TV ต้องบอกว่าเพลงเหล่านั้นตนได้หยิบมาเล่นตั้งแต่เพลงยังไม่เป็นกระแส ก็ไม่ได้จะเอามาเป็นเพลงของตัวเอง คนดูเขาก็รู้ว่าเพลงใคร พวกเขาแค่ทำหน้าที่โคฟเวอร์ให้ดีที่สุด ทำให้คนดูมีความสุข ต้องหาเพลงมาร้องเพื่อให้คนสนุกสนาน แต่ชาแนลที่ลงคลิปและเข้าไปเถียงกันนั้นไม่ใช่ชาแนลของมหาหิงค์
"ต้องขอโทษแทนทีมงาน ผมขอยอมรับผิดคนเดียวเพราะผมมีหน้าที่ทุกยอ่างในวง ต้องกราบขอโทษและขอบคุณที่ติชมกัน ยังไงก็ขอกราบประทานอภัยพี่น้องชาวไทยทุกคน"
เขาทิ้งท้ายว่าจะขอรับผิดชอบโดย ไม่ขอเล่นเพลง 'สิ่งรอบข้าง” ในคอนเสิร์ตใดๆ อีกต่อไป และลบเพลงนี้จากชาแนลของตัวเองแล้ว
ย้อนเพลงดังนักร้องตัวพ่อ คลับคล้ายเพลงนอกทั้งนั้น
ปัญหาก๊อบปี้เพลงต่างชาติมักถูกจับได้เสมอ ลองย้อนรอยสักนิดกับเพลงดังที่เคยถูกครหาว่าคลับคล้ายเพลงนอกจัง อ่าน 10 สุดยอดเพลงไทย เขาลือว่าคล้ายเพลงนอก
“เธอไม่เคยตาย” ของวงทู เป็นเพลงก๊อบที่อื้อฉาวที่สุดของวงการ ด้วยท่อนอินโทรเปียโนต้นเพลงน่าสนใจ ซึ่ง ณ ขณะนั้น ถือว่าเป็นการพัฒนาของวง จนกลายเป็นที่น่าสนใจ แต่สุดท้ายความหวังที่เรืองรองก็มลายหายพลันไปทันที เมื่อมีการแฉ ณ ขณะนั้นว่า ทำนองเพลงนี้ไปคล้ายกับเพลง “Say Anything” ของวงร็อกสัญชาติญี่ปุ่นชื่อก้อง X-Japan ซึ่งสวนทางกับเครดิตที่ให้ไว้ในปกเทปว่าเป็นการแต่งเอง และที่ตลกร้ายกว่านั้น เมื่อตอน Yoshiki มาเยือนเมืองไทย มีการบันทึกเทปด้วยว่า มีแฟนเพลงชาวไทยไปร้องเพลงนี้ให้เจ้าตัวฟังอีกด้วย ซึ่งคาดเดาอารมณ์ของ Yoshiki แล้ว คงจะยิ้มแบบขมขื่น หลังจากที่ได้ฟังเป็นแน่แท้!!!
ด้วยตัวบทเพลงที่กีตาร์อินโทรเปิดตัวได้น่าสนใจ แล้วมาบวกกับการเรียบเรียงในจังหวะสามช่าตามสไตล์และเนื้อหาของเพลงที่เข้ากับสถานการณ์ในช่วงเวลานั้นที่เพิ่งผ่านเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 2535 ทำให้ “ล้างบาง” ของแอ๊ด-อี๊ด โอภากุล ดูดีน่าสนใจขึ้นเป็นกองและฮิตได้ไม่ยาก แต่มีคนทักท้วงว่าช่วงอินโทรของเพลงดันไปคล้ายกับเพลง ”Sweet Child o' Mine” ซิงเกิลจังหวะ Hard Rock ของวงร็อกรุ่นเดอะ Guns N'Roses จนได้
“จำฝังใจ” ของไมโคร ช่างคล้ายกับเพลง “Empty Rooms” ของ Gary Moore นักกีตาร์ชื่อดังแห่งยุค 1980 ซึ่งเพลง “Empty Rooms” ออกสู่ตลาดในเดือนกันยายน ค.ศ. 1985 ขณะที่ “จำฝังใจ” วางแผงในปีถัดมา คนทำเพลงนี้ยังมีสำนึกพอด้วยการใส่เครดิตว่า “ทำนอง : ต่างประเทศ”
“ความรักทำให้ตาบอด” ของ Bodyslam อยู่ในชุด Believe ซึ่งเป็นผลงานลำดับที่ 3 ของวงร็อกทุ่มสุดตัว และวางตลาดใน พ.ศ. 2548 (ค.ศ. 2005) เป็นเพลงบัลลาดร็อกช้าๆ ที่ถึงแม้จะไม่มีท่อนกีตาร์โซโลบาดใจ แต่ก็มีดนตรีที่หนักแน่นทรงพลัง ซึ่งน่าจะเป็นเพลงฮิตได้ไม่ยาก แต่เม้าท์กันว่า ไปคล้ายกับเพลง “The Reason” เพลง Altenative จังหวะช้าๆ ของวง Hoobastank วง Post-Grunge จากแคลิฟอร์เนีย อย่างบังเอิญ จนแทบจะสามารถนำทั้งสองเพลงนี้มาตัดต่อกันเป็นเพลงเดียวกันได้อย่างแนบเนียนเลยทีเดียว
ซิงเกิลประกอบโฆษณารถยนต์ยี่ห้อหนึ่ง “ยิ่งรู้จัก ยิ่งรักเธอ” ที่ได้นักร้องหญิงคุณภาพแห่งยุค ดา เอ็นโดรฟิน ร้อง ตัวเพลงก็เป็นในลักษณะ Pop ฟังสบาย ที่บวกกับเสียงร้องของดา ซึ่งแน่นอน เป็นเพลงฮิตในเวลาต่อมา แต่ถ้าหากฟังกันดีๆ แล้ว ทำนองเพลงนี้ดันไปคล้ายกับเพลง “Can’t Smile Without You” ที่ออกมาในปี 1976 ซึ่งเป็นต้นฉบับของ The Carpenter วง Pop ระดับตำนานในช่วงยุค 1970
ปิดท้ายด้วยซิงเกิลที่ถือว่าเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์จนเป็นที่ฮือฮามากๆ เมื่อปีที่ผ่านมา สำหรับ “ภูมิแพ้กรุงเทพ” ซิงเกิลยอดฮิตของ ป้าง-นครินทร์ กิ่งศักดิ์ Feat. ตั๊กแตน ชลดา ที่เดินไปทางไหนใก็แทบจะได้ยินไปทุกหนแห่ง ทั้งในผับ หรือร้านข้าวแกงข้างทาง แต่ก็จับผิดจนได้ว่า หยิบยืมทำนองของเพลง “The Way Back Into Love” ของ 2 นักแสดงนำของเรื่อง “Music and Lyrics” อย่าง Hugh Grant และ Drew Barrymore ได้ฝากเสียงร้องเอาไว้ตั้งแต่ปี 2007 โน่นเลย
มุมมองคนดนตรีมืออาชีพ เพลงก๊อบน่าละอายมาก
“ ‘เพลงเหมือน’ หรือ ‘เพลงก๊อบ’ เป็นเรื่องที่มีมาช้านาน แต่สมัยก่อนอาจจะเป็นเรื่องที่ปิดหูปิดตาคนได้เพราะยังไม่มีสื่อมากมายจะมาทำให้คนทั่วไปจับได้”
ปฏิเวธ อุทัยเฉลิม หรือ ฟองเบียร์ นักแต่งเพลงชื่อดังซึ่งเป็นผู้บริหารค่ายเพลงดังด้วย ได้กล่าวไว้ผ่านสื่อสำนักหนึ่ง
“ผมให้เกิน 50 เปอร์เซ็นต์ว่าก๊อบ แต่สมัยก่อนมันไม่มีช่องทางให้คนฟังที่จับได้เขาออกมาบอกไงว่าเพลงไหนก๊อบ แต่สมัยนี้มีเรื่องของการถูกจับได้ เพราะโลกมันกว้างขึ้น ดังนั้นจึงมีการวิ่งไปจ่ายลิขสิทธิ์ให้ฝรั่งก่อนจะโดนฟ้อง มีตั้งหลายเพลงที่พอมีคนแชร์ในยูทูบว่าเพลงนี้ก๊อป เท่านั้นล่ะเฮ้ยเดี๋ยวต้นสังกัดฝรั่งรู้เรื่องเว้ยวิ่งไปจ่ายเขาก่อนดีกว่า ที่ผ่านมามีการจ่ายกันอย่างนี้เยอะมากแต่สังคมไม่ได้รู้เพราะเขาแอบเอาไปจ่าย จ่ายเสร็จฝรั่งเขาก็ไม่ฟ้องแล้ว พอไม่ฟ้องก็ไม่มีใครรู้เรื่องมันก็เงียบไปเอง ส่วนจะจ่ายแพงมั้ยอันนี้ก็แล้วแต่ฝรั่งเขาจะเรียก
ตามกฎหมายถ้าผมจำไม่ผิดถ้าเกิน 7 โน้ตขึ้นไปก็โดนแล้ว อันนี้เป็นเรื่องของตัวโน้ตนะไม่ใช่ทางคอร์ดเพราะต่อให้ใช้ทางคอร์ดเหมือนกันทั้งเพลงแต่ตัวโน้ตไม่ใช่ก็ฟ้องไม่ได้ แต่ถ้าเป็นตัวเมโลดี้ ตัวฮัมๆ ตัวทำนอง คำร้องเนี่ย เขาฟ้องได้เลย"
ฟองเบียร์พูดเลยว่าก๊อบแล้วมาอ้างว่าเป็นแรงบันดาจใจ มันน่าอาย
"ผมว่ามันเป็นเรื่องน่าอาย เพราะพอเพลงเหล่านั้นดัง สิ่งที่ตามมาคือคนเบื้องหลังที่ทำเพลงพวกนั้นก็จะถูกยกย่อง โดยถูกยกย่องจากคนที่จับไม่ได้ เมื่อคนจับไม่ได้ก็ทำไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นนักแต่งเพลงที่มีคนนับหน้าถือตากัน กลายเป็นต้นแบบให้เด็กทั้งที่จริงๆ แล้วอาจจะเป็นต้นแบบที่ทำอะไรไม่เป็นเลยก็ได้
ผมอยากให้แรงบันดาลใจมาจากการดำเนินชีวิตของคุณมากกว่า สมมุติเราอยากแต่งเนื้อเพลงๆ นึงคุณก็ต้องรู้ว่าคุณจะพูดเรื่องอะไร หรือถ้าคุณแต่งทำนองคุณก็ต้องรู้ว่าคุณจะทำเพลงนี้ขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์เพลงเศร้า สนุก สมหวัง แอบรักหรือผิดหวัง ให้ดนตรีมันเกิดจากแรงบันดาลใจในชีวิตที่เกิดขึ้นมาจริงๆ แล้วมีวิญญาณของมัน
อย่าให้มันเกิดขึ้นมาจากฉันไปเอาเพลงนี้มา ฉันฟังเพลงนี้มาวันหนึ่ง 100 รอบจนชั้นอยากมีเพลงแบบนี้ ผมว่ายังไงมันก็ไม่จริง อย่าไปเอาเพลงของคนอื่นมาอ้างอิง สำหรับผมมีความรู้สึกว่าไม่ดีก็ให้มันไม่ดีไปเถอะ ดีกว่าดีแล้วไปเอาของเขามา ผมยอมเจ๊งโดนด่าว่าเพลงห่วย ดีกว่าทั้งเจ๊งด้วยแล้วโดนด่าว่าก๊อบด้วย ถ้าจะเจ๊งขอโดนด่าประเด็นเดียวว่าคุณทำเพลงออกมาห่วย"
...ก็ไม่แน่ใจว่าคนทำดนตรียุคยูทูป์ยอดดาว์น์โหลดคือพระเจ้า จะคิดเป็นและเชื่อมั่นในมันสมองของตัวเองเหมือนคนดนตรีรุ่นเก๋าระดับมืออาชีพหรือไม่
เพราะการนำทำนองเพลงต่างชาติที่ถูกหูมาทำเลย เป็นทางลัดรวยเร็ว!?!
ขอบคุณภาพจากคุณ OliverSixSixSix สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม และ FB: วงมหาหิงค์ - เอ มหาหิงค์, โหดสัส ตามภาพ
มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram
"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!
และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754