ถ้าเอ่ยถึง "กอล์ฟ-อนุวัฒน์ ชูเชิดรัตนา" มีทั้งคนที่รู้จัก และไม่รู้จัก แต่ถ้าใครเป็นแฟนละคร 7 สี คงต้องคุ้นหน้าคุ้นตาผู้ชายหน้าไทย หุ่นล่ำ น่ากอดคนนี้กันดี เพราะเขามีดีกรีเป็นถึง "พระเอก" ที่ฝากฝีไม้ลายมือไว้หลายเรื่อง ล่าสุดเพิ่งลาจอไปกับละครบู๊สุดยิ่งใหญ่แห่งปี "ทองสิบ"
นอกจากนั้นยังมีละครจ่อคิวรอออกอากาศอีก 3 เรื่องติด ทั้งยมบาลเจ้าขา ปี 2, เพลิงพระนาง และรักสลับร่าง อีกทั้งยังมีผลงานหนังเรื่องแรกในชีวิต "อ้อมกอดเขมราฐ" ภาพยนตร์รักโรแมนติก เชื่อมสายสัมพันธุ์ไทย-ลาวที่มีกำหนดเข้าฉายแล้วในโรงภาพยนตร์ แม้จะมีเวลาคุยกันไม่นาน แต่ตอนหนึ่งของบทสัมภาษณ์ก็สะท้อนให้เห็นทัศนคติ และการมองโลกได้เป็นอย่างดี ซึ่งกว่าจะมีวันนี้ ชีวิตไม่ได้โรยรายด้วยกลีบกุหลาบ...
หลงเสน่ห์ "เขมราฐ"
"อ้อมกอดเขมราฐ เป็นงานหนังเรื่องแรกในชีวิตเลยครับ ตัวบทมีความน่าสนใจ และใกล้เคียงกับชีวิตผม ซึ่งในหนัง ผมรับบทเป็นกล้อง เป็นเจ้าของร้านกาแฟ ต้องดูแลน้อง และแม่ที่ป่วยเป็นมะเร็ง แม้จะยากกว่างานละคร ทั้งการแสดงที่ต้องเล่นจากข้างใน ต้องเค้นอารมณ์ ความรู้สึกออกมา แต่รวมๆ แล้วก็สนุกดีครับ ที่สำคัญคือ หนังเรื่องนี้ ทำให้ผมได้รู้จัก 'เขมราฐ' อำเภอเล็กๆ ในจ.อุบลราชธานี"
พระเอกหนุ่มพูดถึงผลงานล่าสุด ก่อนจะสารภาพว่า ไม่เคยรู้จักอำเภอนี้มาก่อน "ผมคิดว่าอยู่ฝั่งลาว หรือไม่ก็เขมร (ยิ้ม)" เขาบอก "แต่พอได้รู้จัก และลองไปสัมผัสแล้ว อำเภอแห่งนี้มีความน่าสนใจทั้งความงดงามทางธรรมชาติ วิถีชีวิต และวัฒนธรรม โดยเฉพาะวัฒนธรรมสองฝั่งแม่น้ำโขงที่ได้เห็นว่า คนลาว คนไทยเขาใช้ชีวิตร่วมกันอย่างไร ซึ่งมันก็อยู่ในหนังเรื่องนี้ ส่วนใกล้ๆ กันในอำเภอโขงเจียม เป็นที่ตั้งของผาชะนะได ซึ่งเป็นผาที่ได้มองเห็นพระอาทิตย์ขึ้นเป็นจุดแรกของประเทศไทย ถ้ามาแล้วผมอยากให้ขึ้นไปดู เพราะวิวสวยมาก"
อย่างไรก็ดี การขึ้นไปสัมผัสความสวยงามของผาแห่งนี้ แน่นอนว่า ต้องแลกมากับความยากลำบาก "ทีมงาน นักแสดงทุกคน เราตั้งใจทำงานกันมาก กว่าจะขึ้นไปบนผาชะนะได เก็บภาพสวยๆ มาฝากกัน ต้องเดินทาง 4-5 ชั่วโมง ซึ่งตอนขึ้นไป ผมเป็นคนขับ นักแสดงก็นั่งไปกับผม และการขับขึ้นไปนั้น มันไม่ใช่ทางลูกรัง แต่มันเป็นหิน เป็นหน้าผา รถคันหน้าติด ไปไม่ได้ พวกเราก็ลงไปช่วยกันเข็น เรียกได้ว่า ฝนตก แดดออก หรืออากาศจะหนาว เราทุกคนอยู่ด้วยกัน ลำบากไปด้วยกันครับ"
โลก "ไอจี" บอกตัวตน
หากใครได้ติดตามอินสตาแกรมส่วนตัวของเขา @golfanuwat นอกจากภาพหล่อๆ และผลงานการแสดงแล้ว ยังเต็มไปด้วยแง่งาม ความจริงของชีวิตที่เล่าเรื่องผ่านภาพถ่ายสวยๆ เหมือนได้เข้าไปนั่งอ่านไดอารีส่วนตัวของพระเอกหนุ่มคนนี้
"ผมเป็นคนชอบเขียน ชอบถ่ายรูป คิดอะไรได้ก็เขียน เหมือนกำลังเขียนไดอารีส่วนตัวให้คนได้เข้ามาอ่าน (ยิ้ม) ซึ่งคนที่เข้ามาอ่านก็ไม่ได้เห็นแค่ความเป็นผมอย่างเดียว แต่ยังเห็นมุมมองความคิดที่เอาไปปรับใช้ได้ด้วย ซึ่งผมอยากให้แก่คนที่ท้อแท้ สิ้นหวัง ไม่อยากให้เห็นแค่ความสวยงาม หรือตัวผมอย่างเดียว"
แน่นอนว่า โลกสวยๆ ผ่านตัวหนังสือ หากไม่ใช่นักอ่านก็คงไม่มีวัตถุดิบดีๆ ในการเขียน "ผมเป็นคนชอบอ่านหนังสือ อ่านตั้งแต่ปรัชญาชีวิตไปจนถึงหนังสืออ่านเล่นทั่วไป ส่วนการถ่ายภาพ ผมเรียนด้านนี้มาอยู่แล้ว ซึ่งผมชอบถ่ายรูปมาตั้งแต่เด็กๆ จากความชอบ มันก็เลยพัฒนาเป็นความรัก และถ่ายภาพสวยๆ ให้คนอื่นได้ชม เหมือนที่ผมกำลังทำอยู่ในไอจี แถมมีเขียนข้อความสั้นๆ ให้แง่คิดไปด้วย"
เมื่อถามว่ามองตัวเองเป็นคนอย่างไร "ผมไม่ติสท์นะ แต่ทำไมคนอื่นมองว่าติสท์ (ยิ้ม) ผมแค่เป็นผู้ชายชอบของวินเทจ ชอบของเก่าเป็นชีวิตจิตใจ ชอบอยู่บ้าน ชอบอยู่กับพ่อแม่ ไม่ได้ติสท์อะไรมากมาย นอกจากนั้นก็จะชอบอ่านหนังสือ ชอบอยู่คนเดียว"
สู้ชีวิต! ขัดห้องน้ำ ขายเรียงเบอร์
ด้วยการมองเห็นโลกในแง่บวก ชอบแบ่งปันเรื่องราวความสุขให้ผู้อื่น การย้อนกลับไปค้นหายังสถานที่ที่สร้างเขาขึ้นมาอย่าง "ครอบครัว" จึงเป็นอีกหนึ่งความน่าสนใจว่า สภาพครอบครัว และการอบรมเลี้ยงดูแบบใดที่สามารถสร้างให้คนคนหนึ่งสามารถมายืนอยู่ได้ ณ จุดนี้
รางวัลบุคลคุณภาพตัวอย่างดีเด่นแห่งปี สาขาดารานักแสดงดีเด่นจากมูลนิธิต้นบุญ วิสาขา
"ผมเติบโตในครอบครัวที่พ่อชื่อตาเม้ง แม่ชื่อยายเน่ห์ เป็นคนสิงห์บุรี ตอนผมเกิดมา บ้านเราจนครับ ที่บ้านตอนนั้นทำเฟอร์นิเจอร์ แม่ทำอาชีพค้าขาย เวลาผม อยากได้ของอะไรก็ต้องทำงานเก็บเงินเอง ตั้งแต่ขัดห้องน้ำ ขายเรียงเบอร์ ตอนนั้นไม่ได้มีความคิดอยากเป็นดาราเลย รู้แค่ว่าตัวเองชอบเรียนวาดรูป ส่วนป๊าอยากให้เป็นนายร้อย แต่ตอนม.ปลายผมเกเร ไม่ค่อยเรียน ป๊าก็เลยเลิกหวัง
ผมทำงานไปด้วย เรียนไปด้วย ความตั้งใจคือ อยากทำหนัง อยากเป็นตากล้อง อยากจัดแสง แต่บังเอิญได้ไปเล่นโฆษณา ผมก็เลยค่อยๆ เข้ามาในวงการเรื่อยๆ จนได้เล่นละคร และหนังในทุกวันนี้ ถามว่าฝันในการทำงานเบื้องหลังยังอยากทำอยู่ไหม ผมไม่ทิ้งฝันแน่นอนครับ เก็บไม่ได้วันนี้วันหน้าก็ต้องเก็บ และทำฝันให้เป็นจริง ส่วนอีกฝันคืออยากทำบ้านครับ บ้านที่ออกแบบเอง"
เมื่อถามถึงการเลี้ยงดู "ป๊ากับแม่ ไม่เคยสอนผมด้วยคำพูด แต่จะทำให้เห็น" เขาบอก "ป๊าไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่เจ้าชู้ ครอบครัวต้องมาอันดับหนึ่ง เงินเดือน 8,500 บาทส่งลูกเรียนปริญญาตรี 3 คน นั่นคือสิ่งที่ป๊าสอนผม (น้ำเสียงสั่นเครือ) ป๊าเป็นคนคิดดี ไม่เคยโกงใคร มีก็ใช้เท่าที่มี ไม่เคยมีบัตรเครดิต ไม่เคยไปกู้หนี้ยืมสินใคร สิ่งที่พ่อกับแม่จะมีเหมือนกันก็คือ เป็นคนคิดดี ไม่โกงใคร มีจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีความเป็นผู้ให้มากกว่าผู้รับเสียอีก"
ไม่แปลกที่เขาจะชอบโพสต์ภาพ และเขียนถึงครอบครัวในอินสตาแกรมอยู่บ่อยๆ เพราะความสุขของเขาคือ "ครอบครัว" เห็นได้จากภาพ และข้อความที่เขียนแบ่งปันความสุขถึง "ป๊า" ผู้ชายธรรมดาที่ชอบทำงานบ้าน และมีความสุขใจที่ได้ดูแลคนในบ้าน
"ตาเม้งเป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง ทำอาชีพพ่อบ้าน (ของผม) เต็มขั้น ไม่เคยร่ำเรียน หรือเคยศึกษาทางการเกษตรมาก่อน วันๆ ก็ทำงานบ้าน กวาดบ้าน ถูบ้าน รดน้ำต้นไม้ ปลูกต้นไม้ นั่งดูต้นไม้ เช็ดรถ เลี้ยงหมา (ไอ้เศรษฐี) ปอกกระเทียมและหัวหอมให้เมีย ไม่ชอบอยู่เฉยๆ ต้องหาอะไรทำตลอดเวลา จนเมียชอบเปรยให้ผมได้ยินว่า บ้าพลัง มีนิสัยอยากทำ อยากเรียนรู้ในสิ่งที่ตัวเองชอบ ทั้งหมดที่ตาเม้งได้ทำมีเพียงแค่ความสุขใจที่ได้ดูแลทุกคนในบ้าน แบ่งปันความสุขซึ่งกันและกัน แค่นี้แหละครับ #ตาเม้ง #ป๊าของผม #รักนะ"
เช่นเดียวกับตัวเขาที่มีความสุขเมื่อได้กลับเข้าบ้าน และทำหน้าที่ลูกในการดูแลป๊ากับแม่ให้อยู่ดี กินดี "เปิดประตูเข้าไปเจอป๊ากับแม่ ผมนี่หายเหนื่อยเลยครับ แม้จะไม่ค่อยว่าง ท่านก็เข้าใจ อีกอย่างคือผมกลับบ้านทุกวัน ไม่ว่าจะดึกแค่ไหนผมก็ต้องกลับบ้าน เพราะผมเป็นห่วง คิดถึงท่าน เวลาต้องไปทำงานต่างจังหวัด ผมอยากกลับบ้านมาก เวลาตื่นนอนแล้วออกมาเจอท่าน ผมรู้สึกดีมากๆ" พระเอกหนุ่มพูดไปยิ้มไป
มีคนคุย แต่ยังไม่ใช่แฟน
ปิดท้าย ไม่ถามไม่ได้ถึงสถานะหัวใจตอนนี้ "มีคนคุยอยู่ครับ แต่ยังไม่ได้ถือว่าเป็นแฟน ซึ่งมันหายากนะครับสำหรับคนที่ใช่ ตอนแรกผมสเปกสูงมากนะ ส่วนตัวไม่ชอบผู้หญิงใส่ส้นสูง ผู้หญิงของผมต้องใส่ผ้าใบ ลุยๆ ไปกับเราได้ทุกที่ เพราะผมเกิดมาแบบนี้ ลุยๆ ไม่กลัวลำบาก แต่พอเอาเข้าจริง สเปกมันไม่ได้ตามที่ต้องการหรอก
มันอยู่ที่ความเข้าใจ จริงๆ นะ (เน้นเสียงหนัก) ใครก็ได้ที่เราอยู่ด้วยแล้วสบายใจ คุยได้ทุกเรื่อง รับได้ในสิ่งที่เราเป็น แต่ไม่ใช่ไปแสดงพฤติกรรมแย่ๆ ใส่เขานะ ถามว่าตอนนี้เจอหรือยัง ไม่รู้เหมือนกันครับ เจอแรกๆ หลังๆ อาจจะไม่ใช่ก็ได้ อันนี้ก็ตอบยากนะ (ยิ้ม)"
ด้านประสบการณ์ความรัก เขามีบทเรียนที่น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับใครหลายคน โดยเฉพาะการบูชาความรักที่เคยส่งผลต่อชีวิตของเขาอย่างมาก
"ชีวิตผมผ่านความรักมาหลายรูปแบบ ผมเคยอกหักจนเล่นละครไม่ได้ ตอนนั้นโคตรบูชาความรัก ผลสุดท้ายก็เจ็บ แต่หลังจากผ่านความเจ็บปวดในวันนั้นมาได้ วันนี้มองย้อนกลับไป มันก็ขำตัวเองเหมือนกันนะว่า เฮ้ย! มึงบ้าหรือเปล่า คือวันนั้นผมนอนไม่ได้เลย ปิดไฟปุ๊บ นอนไม่หลับ ต้องเข้าไปห้องแม่แล้วบอกแม่ว่า แม่ขอจับมือหน่อย
แม่ก็บอกว่า มึงเป็นอะไรเนี่ย ผู้หญิงคนเดียว ผมก็บอกแม่ไปว่า โหแม่! แม่ไม่เป็นผม แม่ไม่รู้หรอก จากครั้งนั้น และหลายๆ ครั้ง มันเป็นบทเรียนที่สอนให้ผมมองความรักเป็นสีเทา ไม่ขาว และไม่ดำ เมื่อก่อนมองโคตรขาวเลย วันหนึ่งเราแฮปปี้กัน พรุ่งนี้เราอาจจะไม่แฮปปี้กันก็ได้
ส่วนเรื่องเซ็กซ์ที่เคยเข้าใจว่าต้องมาก่อน จริงๆ แล้วอยู่หลังสุดเลย มันต้องไปเที่ยว ไปใช้ชีวิตด้วยกันก่อนเพื่อดูว่าเข้ากันได้หรือไม่ เมื่อก่อนผมยอมรับว่า คิดเรื่องนี้ก่อนเลย โห! ผู้หญิงคนนี้สวย หุ่นโคตรดี ผลสุดท้ายก็...อะไรอ่ะ ผมโคตรเรียนรู้เลย ซึ่งความรักต้องใช้เวลากับมันให้มากๆ ที่สำคัญคือ เราก็ต้องอยู่กับตัวเองให้ได้ก่อน เข้าใจตัวเอง ดูแลตัวเองให้ดีก่อน แล้วค่อยไปดูแลคนอื่น"
ถึงวันนี้ ถามว่า "กอล์ฟ อนุวัฒน์" ดังไหม "ผมไม่เคยมองตัวเองว่าดัง หรือมีชื่อเสียง" พระเอกหนุ่มตอบด้วยเสียงหนักแน่น "ผมแค่รู้สึกว่า ผมเป็นนักแสดง ผมอยากทำอาชีพนี้ยันแก่ ผมไม่ได้เลือกบทว่าจะต้องเป็นพระเอก ที่อยากเล่นแต่ยังไม่มีโอกาสได้เล่นคือ บทคนใบ้ ซึ่งผมว่ามันท้าทายดี"
ส่วนความเจ๋งของ "กอล์ฟ" อยู่ตรงไหน "ความจริงใจ" คือสิ่งที่เขาตอบขึ้นมาโดยไว ก่อนจะขยายความให้ฟังต่อไปว่า "เวลาเล่นละคร หรือหนัง ผมจะจริงใจกับตัวละครที่ผมเล่น ไม่โกหกตัวละครที่ผมเล่น นั่นหมายความว่า ผมต้องทำการบ้านมาอย่างดีเพื่อเข้าถึงตัวละครนั้นๆ อย่าไปเล่นแล้วไม่รู้สึก เพราะมันคือการหลอกคนดู เหมือนชีวิตจริง ผมไม่เคยหลอกตัวเอง ไม่อายที่เคยจน ผมให้ความจริงใจกับทุกคน ความรักก็เช่นกัน อยากได้ความรักดีๆ ก็ต้องให้ความรักที่จริงใจแก่เขาก่อน"
ขอบคุณภาพ : วรวิทย์ พานิชนันท์ และขอบคุณภาพจากอินสตาแกรม @golfanuwat
มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram
"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!
และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754