แม้จะลาลับโลกนี้ไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ แต่สิ่งที่เน็ตไอดอลสาวประเภท 2 "เซ็กซี่ แพนเค้ก" ได้ทิ้งเอาไว้นอกจากเสียงหัวเราะ และรอยยิ้มก็คือ การสร้างความตื่นรู้เกี่ยวกับ "โรคมะเร็งอัณฑะ" ที่แม้จะพบไม่บ่อย แต่ก็น่ากลัว เพราะอาจถูกจู่โจมอย่างฉับพลันหากรู้ไม่เท่าทัน
สำหรับ "มะเร็งอัณฑะ" แม้จะเป็นโรคร้ายที่พบไม่ค่อยบ่อย แต่เมื่อพิจารณาเฉพาะผู้ชายที่มีอายุระหว่าง 15-35 ปี มีข้อมูลพบว่าโรคมะเร็งดังกล่าว เป็นมะเร็งที่พบได้บ่อยที่สุดสำหรับผู้ชายช่วงอายุนี้ โดยคิดเป็นแค่ประมาณร้อยละ 1 ของโรคมะเร็งในเพศชายทั้งหมด
ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจนของการเกิดโรคนี้ แต่สันนิษฐานว่า เกิดขึ้นได้จากปัจจัยทางพันธุกรรม เช่น มีคนในครอบครัวเป็นโรคมะเร็งอัณฑะ, ประวัติการเป็นมะเร็งที่อัณฑะข้างหนึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงที่จะตรวจพบมะเร็งที่ลูกอัณฑะอีกข้าง และภาวะที่ลูกอัณฑะไม่เคลื่อนลงสู่ถุงอัณฑะ
นอกจากนี้ ยังมีความเกี่ยวข้องกับ "ยาฆ่าแมลง" โดยศูนย์ข้อมูลสุขภาพกรุงเทพ เครือโรงพยาบาลกรุงเทพ ได้ให้ข้อมูลเอาไว้ผ่านบทความสุขภาพเรื่อง "โรคมะเร็งของลูกอัณฑะ (testicular cancer)" ซึ่งพบว่าผู้ป่วยโรคมะเร็งอัณฑะตรวจพบระดับ DDE สูงกว่าปกติ โดย DDE เป็นสารที่เปลี่ยนแปลงมาจาก DDT ซึ่งในประเทศสหรัฐอเมริกาได้สั่งระงับการใช้ไปแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 1973 ผลการศึกษาพบว่าโอกาสเสี่ยงเพิ่มขึ้น 1.7 เท่า
ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีการรายงานผลการวิจัยจากประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่า พนักงานดับเพลิงมีโอกาสเสี่ยงเป็นมะเร็งอัณฑะ สูงกว่าคนธรรมดาหนึ่งเท่าตัว จากการคลุกคลีกับสารเบนซิน โคโรฟอร์ม และเขม่า และยังมีโอกาสเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากเพิ่มขึ้นร้อยละ 28 เสี่ยงกับการเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง และเนื้องอกไขกระดูกเพิ่มขึ้นร้อยละ 50 เมื่อเทียบกับผู้ประกอบอาชีพอื่น และพลเมืองทั่วไป
ส่วนอาการแสดงของมะเร็งชนิดนี้ นอกจากจะคลำก้อนหรือมีอาการบวมของลูกอัณฑะแล้ว ยังอาจจะมีอาการปวดและกดเจ็บ และคนไข้จะรู้สึกตึงหนักๆ บริเวณลูกอัณฑะ หากผิดปกติควรต้องรีบปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อยืนยันและให้การรักษาที่ถูกต้องต่อไป ทางที่ดี ผู้ชายทุกคนควรคลำความผิดปกติที่ลูกอัณฑะให้เป็นประจำ เพื่อจะสามารถบอกความผิดปกติได้ทันทีเมื่อเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงของลูกอัณฑะ
สำหรับวิธีการตรวจลูกอัณฑะด้วยตนเอง ทำให้ได้ง่ายๆ โดยใช้เวลาประมาณ 1-2 นาทีหลังอาบน้ำ เพราะผิวหนังบริเวณลูกอัณฑะจะหย่อนและคลำได้ง่าย จากนั้นตรวจลูกอัณฑะทีละข้าง โดยใช้นิ้วหัวแม่มือ และนิ้วชี้ค่อยๆ คลำเลื่อนไปเรื่อยๆ คลำดูว่ามีก้อนหรือการอักเสบเกิดขึ้นหรือไม่ บริเวณด้านหลังของลูกอัณฑะจะคลำได้ส่วนหยุ่นๆ ขนาดเล็ก ซึ่งถือว่าเป็นปกติ ถ้าคลำได้ก้อนหรือส่วนใดผิดปกติ ควรได้รับการตรวจยืนยันโดยแพทย์
อีกหนึ่งมะเร็งที่พบน้อย แต่น่ากลัวเช่นกันก็คือ "มะเร็งองคชาต" หรือมะเร็งที่เกิดกับผิวหนังที่ห่อหุ้มตัวอวัยวะเพศ โดยอาการของโรคคล้ายกับโรคอื่นเช่น กลุ่มโรคติดเชื้อ หากมีอาการแสบร้อน แดง หรืออาการคันก้อนบริเวณองคชาตควรรีบปรึกษาแพทย์ ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ ส่วนคนที่มีความเสี่ยงต่อโรคนี้ คืออายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป, มีการหมักหมมที่หนังหุ้มปลาย และมีการติดเชื้อไวรัสเอชพีวี
นอกจากนั้นคนที่ "สูบบุหรี่" มีโอกาสเป็นมะเร็งชนิดนี้มากกว่าชายที่ไม่สูบบุหรี่ 2-3 เท่า รวมไปถึงคนที่มีการอักเสบติดเชื้อหรือมีแผลที่ปลายอวัยวะเพศต่อเนื่องกันนานมากกว่า 2 ปี มีโอกาสเป็นมะเร็งมากกว่าชายทั่วไป 4-10 เท่า รวมไปถึงการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน หรือมีหลายคู่นอน หากเป็นแล้ว เซลล์มะเร็งจะเติบโตลุกลามไปเนื้อเยื่อบริเวณข้างเคียง แพร่กระจายไปทางต่อมน้ำเหลือง และทางหลอดเลือด
ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก นพ.วรวุฒิ เจริญศิริ ศูนย์ข้อมูลสุขภาพกรุงเทพ และสาขารังสีรักษาและมะเร็งวิทยา ฝ่ายรังสีวิทยา โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram
"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!
และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754