แชร์กระหน่ำกับความสะเพร่าหรือเจตนาบางอย่างแฝงของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ที่นำฉลากยากินมาแปะทับคาลามายด์ซึ่งเป็นยาใช้ภายนอก ส่งผลให้คนไข้เด็กน้อยที่อายุไม่ถึง 1 ขวบ ต้องเข้าไปนอนโรงพยาบาล ขณะนี้ยังดูอาการ แม่โกรธจัด ตั้งคำถามจะทำยังไงต่อไป?
เมื่อวันที่ 21 เมษายนที่ผ่านมา ผู้ใช้เฟซบุ๊กนามว่า Alover Bah ได้โพสต์ข้อความเล่าเหตุการณ์ความผิดพลาดติดฉลากยาผิดของเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล
“อุทาหรณ์เตือน ทุกท่าน .....วันนี้ฉันพาลูกชาย มา รพ.แห่งหนึ่ง เพื่อมาตรวจ ผลตรวจหมอบอกว่าเป็นปอดบวม เลยให้พ่นยา 2 ครั้ง แล้วให้ยากลับไปกินที่บ้าน จากนั้น เมื่อประมาณ 6 โมงเย็น ฉันก็พาลูกชายมาอีกครั้งเพื่อมาพ่นยาอีกครั้ง โดยยังไม่ดูยาที่อยู่ในถุงของเมื่อเช้า พอใกล้เวลาจะนอน ฉันก็เปิดดูยาที่อยู่ในถุงนั้น เพื่ออ่านว่ามียากินก่อนนอนไหม สรุปว่ามียากินก่อนนอนประมาณ 3 ตัวยา โดยหนึ่งในนั้นคือ ยาขยายหลอดลม
ฉันจึงเปิดขวดเพื่อป้อนลูกชาย โดยตามสติ๊กเกอร์ที่ทางรพ.แปะมาให้กิน ครึ่งช้อนชา เช้า เย็น ก่อนนอน ฉันจึงป้อนลูกชายตามสติ๊กเกอร์นั่น จากนั้นลูกชายก็ตัวสั่น ฉันเลยรู้สึกว่ายานี้กลิ่นแปลกๆ เลยลองชิมเอง รสชาติและกลิ่นเหมือนไม่ใช่ยาของเด็กวัยไม่ถึง 1 ขวบ เลยฉีกสติ๊กเกอที่ทาง รพ.แปะไว้ออก เพื่ออ่านสติกเกอร์ที่ติดมากับขวดยา
ฉันตกใจมาก เพราะยาที่ทางรพ.ให้ลูกชายฉันกิน เป็นยาคาลามายด์ แก้อาการผดผื่น คัน ลมพิษ ซึ่งเป็นยาใช้ภายนอก ห้ามรับประทาน ทำไมถึงมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ? แล้วจะทำยังต่อไป ?”
อัปเดตล่าสุด จากไทม์ไลน์เฟซบุ๊กของเธอเมื่อวันที่ 23 เมษายน ที่ผ่านมา ได้โพสต์ภาพเด็กน้อยนอนซมในชุดคนไข้โรงพยาบาล เพื่อนๆ เข้ามาส่งกำลังใจขอให้หายไวๆ กันเพียบ
“คาลามายด์ถือว่าเป็นยาที่ใช้ภายนอกจริง แต่ถ้ารับประทานเข้าไป ก็ยังไม่ถึงขั้นเป็นอันตราย เพราะตัวยาไม่ดูดซึมในทางเดินอาหาร แต่ถือเป็นอุทาหรณ์เพราะยาแต่ละชนิดต่างมีวิธีการใช้ที่แตกต่างกัน หากใช้ยาไม่ถูกต้องอาจทำให้เกิดโรคอื่นแทรกซ้อน เกิดอันตรายได้ หากกินยาแล้วมีอาการผิดปกติ ต้องรีบไปพบแพทย์” รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) อธิบายผ่านสื่อ
อย่างไรก็ตาม เพื่อนๆ ของเธอต่างแสดงความห่วงใยถามอาการลูกชาย และเชียร์ให้ฟ้องโรงพยาบาล เพราะเหตุการณ์แบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก หากเกิดขึ้นมาแล้วซ้ำซาก
“ฟ้องเลย ให้ทางโรงพยาบาลรับผิดชอบ อย่ายอม เอาเรื่องให้ถึงที่สุด”
“คำขอโทษไม่เอานะ บะห์ แจ้งความอย่างเดียวเลย ลูกเป็นไงบ้าง”
“เดะบะห์มิใช่รายแรก พ่อกะนีเคยโดนมาแล้ว” เพื่อนคนหนึ่งบอก แล้วเธอก็ถามว่า
“แล้วกะนีทำไง”
ชาวโซเชียลจึงพากันให้ข้อมูลแนะนำผ่านสื่อออนไลน์ว่า
“คุณแม่สามารถฟ้องร้องเรียกค่าเสียได้ 1. หากเป็น รพ.รัฐ ฟ้องกระทรวงสาธารณสุข+รพ.นั้น, 2. หากเป็น รพ.กทม. ฟ้อง กทม+รพ. ตามพ.ร.บ.ละเมิด จนท. เพราะ แพทย์/เภสัช เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ฟ้องต่อศาลปกครอง (คุณแม่สามารถยื่นฟ้องได้ตนเอง ไม่ต้องจ้างทนาย), 3. หากเป็น รพ.เอกชน ฟ้องแพทย์+เภสัช+รพ. ต่อศาลแพ่ง (ต้องใช้ทนาย)
ฟ้องเถอะผมว่า แพทย์/เภสัช ไม่ต่างกัปตันเครื่องบิน เพราะคนเราประมาทได้ แต่ด้วยหน้าที่คุณประมาทไม่ได้ เพราะส่งผลต่อชีวิตของคนทั้งคน”
“อธิบายเพิ่ม 1. หากเป็น รพ.ของรัฐหรือกทม .โดยหลัก ต้องฟ้องหน่วยงาน จะฟ้องจนท.ไม่ได้ (เพราะจนท.ได้กระทำตามหน้าที่) แต่หน่วยงานนั้นสามารถให้ จนท.ร่วมรับผิดได้ และเมื่อรัฐหรือกทม.จ่ายไป ก็รับช่วงสิทธิในการเรียกให้ จนท.ผู้ทำละเมิดชดใช้
เป็นตาม พ.ร.บ.รับผิดทางละเมิดของ จนท., 2. หากเป็นเอกชน ฟ้องเภสัช(จนท.ได้โดยตรง) จะเรียกให้ รพ.ร่วมรับผิด(โจทก์ร่วม)ได้, 3. ไม่ว่าจะฟ้องแบบไหน เป็นเรื่องของผู้ถูกฟ้องมีภาระพิสูจน์ว่าใครผิด ผิดยังไง”
“ถ้าลูกชายใช้สิทธิ์บัตรทอง สามารถยื่นคำร้องเพื่อขอรับการช่วยเหลือเบื้องต้นที่สปสช.ได้ค่ะ โทร.1330”
กรณีอาการของเด็กดีขึ้นในอนาคต คุณแม่ก็ควรดำเนินการฟ้อง ด้วยเหตุผลหลายประการล้วนน่าสนใจ ดังนี้
“1. เห็นด้วยว่า สมควรฟ้องร้องเพื่อเรียกค่ารักษาพยาบาล และขอคุ้มครองผลข้างเคียงต่อไปที่อาจเกิดขึ้นจากสารตกค้าง รวมทั้งความพิการที่อาจมี เช่น ความผิดปกติของสายตา หรือของระบบต่างๆ ในร่างกาย เป็นต้น
2. สมควรมีกฎหมาย กำหนดมิให้สถานประกอบการพยาบาล, สถานบริการยา, ร้านค้ายา, คลินิก ฯลฯ ปิดป้ายฉลากของตนเองปิดทับ, ปกปิด หรือทำลาย เอกสารกำกับยาของโรงงานผู้ผลิต รวมทั้งมิให้เปลี่ยนถ่ายภาชนะบรรจุยาจากโรงงานผู้ผลิต (ซึ่งข้อนี้ คลินิกโรคผิวหนัง สถานบริการความงามด้วยยารักษา แทบทั้งหมดมักถ่ายยาหลอดลงภาชนะใหม่แล้วขายแก่คนไข้ในราคาสูงเกินจริงเสมอๆ)”
“ใช้กับกรณีนี้ไม่ได้นะครับติดฉลากยาผิดเอายาใช้ภายนอก มาติดฉลากยาที่ใช้สำหรับกิน
กรณีนี้คนไข้ตายได้นะครับ จะบอกว่าคนทำงานโรงพยาบาลไม่เคยทำร้ายใคร กรณีนี้ทำร้ายแล้วครับ เป็นการทำร้ายร่างกายตามกฎหมายด้วย แต่จะเจตนาหรือไม่นั้นอีกเรื่อง คือ ถ้าพูดแบบรวมๆ จะบอกว่าไม่เคยไม่ได้แล้วล่ะครับ แถมมีคนยืนยันอีกว่ามีแบบนี้หลายรอบ คนที่เรียนทางวิทยาศาสตร์สุขภาพย่อมรู้ดี กรณีนี้ คุกเหอะครับ เอาคาลามายมาแปะฉลากยากิน มีเจตนาอะไรแอบแฝงหรือเปล่า”
ขอบคุณภาพจาก FB: Alover Bah
มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram
"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!
และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754