ช็อกไปตามๆกันเมื่อเน็ตไอดอลชื่อดัง เน วัดดาว ถ่ายทอดสดใช้อาวุธปืนยิงขมับตัวเองผ่าน Facebook Live แฟนคลับต่างแห่โพสต์ให้กำลังใจ คาดว่าสาเหตุการคิดสั้นครั้งนี้อาจเกิดมาจากความเครียด และโรคซึมเศร้าที่คุกรุ่นอยู่ในส่วนลึกจิตใจ ทว่า เมื่อตำรวจเข้าไปตรวจสอบภายในที่เกิดเหตุกลับไม่พบร่องรอยกระสุนปืน คราบเลือด แต่อย่างใด หลายคนตั้งคำถามว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจริงหรือเป็นแค่เพียงการสร้างกระแส! เพราะในกระบวนการถ่ายทอดสด หากไม่มีการอัปโหลดขึ้น ผู้ติดตามจะไม่สามารถเห็นคลิปขณะเกิดเหตุการณ์ได้
สติแตก! ยิงจ่อขมับถ่ายทอดสด...คนติดตามนับล้าน
สร้างความตกใจเป็นอย่างมากในช่วงวันสงกรานต์เมื่อวันที่ 16 เม.ย.59 เมื่อมีการแชร์ข่าวว่า นายมัครินทร์ พุ่มสะอาด หรือ เน วัดดาว เน็ตไอดอลชื่อดัง ที่มีผู้ติดตามมากถึง 1,289,625 และขณะนี้ยอดติดตามก็ทะยานสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ได้ถ่ายทอดสดเฟซบุ๊กไลฟ์ ผ่านเฟซบุ๊ก Makharin Phumsaart ขณะใช้ปืนพกจ่อยิงที่ศีรษะ ส่งผลให้ได้รับบาดเจ็บแต่ไม่เสียชีวิต ต่อมาคลิปดังกล่าวได้ถูกลบออกไป และมีการยืนยันว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นจริง
ก่อนหน้านี้ "เน วัดดาว" ได้โพสต์ภาพ "น้องฟาส"บุตรชาย พร้อมข้อความส่งสัญญาณบางอย่างระบุว่า "ฟาสกับแม่คือพลังพ่อ...เติมพลังให้พ่ออีกนิดได้ไหม พ่อแทบไม่เหลือพลังเลย พ่อไม่ไหวแล้ว"
ด้านคนใกล้ชิดของเน วัดดาว ได้โพสต์อัดวิดีโอคลิปผ่านเฟซบุ๊ก "Wannapa Pongson" ระบุว่า เน วัดดาว คิดสั้นเพราะอาจเป็นอารมณ์ชั่ววูบ หรืออยู่ในจุดตกต่ำสุดของชีวิต ตอนนี้อาการปลอดภัยแล้ว แต่อาจจะพักอยู่โรงพยาบาลสักคืน กำลังจะให้น้องเนย(น้องสาวเน วัดดาว)ทำเรื่องย้ายโรงพยาบาล ถ้าหายดีแล้วจะบังคับให้ไปบวช
ขณะที่เฟซบุ๊กชื่อ "ฉันชื่อ แสน หน่านาหน่าน๊าา" ได้โพสต์ข้อความบางอย่างเกี่ยวกับกรณีนี้ ว่าจริงๆ แล้วเน ส่งสัญญาณให้คนรอบข้างมาเรื่อยว่าจิตใจย่ำแย่ แต่นึกไม่ถึงว่าเนจะมาถึงจุดนี้!!
“หลังจากรักษาตัวจนอาการดีขึ้นแล้ว พาเน ไปหาจิตแพทย์ด้วย ให้เค้าไปคุยกับนักจิตวิทยา เรื่องปมต่างๆ ความเครียดที่มีอยู่ สำคัญที่สุด คือ ภรรยาต้องทำความเข้าใจ และอยู่ข้างๆเน แบบติดตามตลอด เพราะเท่าที่ติดตามเนมา ในชีวิตตอนนี้ เนยึดติดเมียกับลูกเป็นหลัก เราว่าเนมีภาวะของโรคซึมเศร้านะ ต้องรีบรักษา เราเคยเป็นมาก่อน แต่ก็มาผ่านมาได้ สู้ๆนะเน ฮิ้วด้วย มาถึงจุดนี้เราต้องแกร่งนะฮิ้ว เพราะเนอ่อนแอมาตอนนี้
ส่วนภรรยาเน วัดดาว ที่ใช้เฟซบุ๊กชื่อ "ชนิกานต์ แก้วสิงห์" ได้ออกมาเปิดเผยว่า เนชอบทำร้ายตัวเองตั้งแต่ก่อนคบกันแล้ว เป็นมานานมาก ไม่รู้จะทำยังไงดี เวลาเครียดจะสติแตก เนเคยมีบัตรผู้ป่วยบำบัดทางจิตมาก่อน ตอนนี้ได้พบจิตแพทย์แล้ว หมอสั่งให้เข้าบำบัด แต่ยังไม่ยอม จึงต้องย้ายไปโรงพยาบาลอื่น ยังไม่ให้กลับบ้าน เพราะกลัวทำอะไรตัวเองอีก
ล่าสุด ภรรยาสาวได้อัพเดตอาการล่าสุดของเน วัดดาว ในสภาพผู้ป่วย พร้อมใบรับรองแพทย์ยืนยันผลการตรวจพิสูจน์แล้วว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับสารเสพติดแต่อย่างใด
นอกจากนี้ ยังมีแฟนคลับหลายคนตั้งข้อสงสัยในกรณีดังกล่าว พร้อมคอมเมนต์บอกด้วยว่า เป็นตัวอย่างไม่ดีให้กับเด็กๆ เพราะคนติดตามเขานับล้านคน
“ยิงกบาลกะปืนแก๊ปเหรอ หรือตั้งใจยิงเฉี่ยวๆ ถึงไม่ตาย อยากตายจริงๆมึงกดจ่อๆเข้าขมับมันจะรอดเหรอ แล้วทำไมไม่ไปตายเงียบๆมาโชว์เพื่อ เป็นตัวอย่างไม่ดีให้เด็กๆ ปลุกกระแสเหรอ อยากเป็นข่าวเด่น?”
“งงเหมือนกัน นี่ติดตามพี่เน เพราะชอบเค้าหลายๆอย่าง ความคิด การกลับตัวกลับใจ แต่พอมาเห็นข่าว บอกตรงๆ หมดศรัทธา ไม่ต่างอะไรจากเด็กเรียกร้องความสนใจ ผิดตั้งแต่คิดฆ่าตัวตายละ นี่ Live ตอนยิงอีก”
ตร.มึน! ไม่พบร่องรอยวิถีกระสุน - ย่ายันไม่ป่วยทางจิต
ครั้นเมื่อตำรวจลงพื้นที่ตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ ในเบื้องต้นกลับไม่พบร่องรอยหลักฐานวิถีกระสุน ส่วนย่า ของเนวัดดาว ก็ยืนยันว่า เขาไม่มีอาการป่วยทางจิต
พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รรท.ผบช.น.พร้อมด้วย พ.ต.อ.อรรถวุฒิ นิวาตโสภณ ผกก.สน.บางยี่ขัน พ.ต.ท.วิเศษฐ์ สังขนันท์ รอง ผกก.สส.สน.บางยี่ขัน และนางพะเยาว์ พุ่มสะอาด อายุ 80 ปี ย่าของ นายมัครินทร์ ร่วมประชุมเพื่อหาข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว
พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าสถานที่ ที่นายมัครินทร์ ใช้ในการก่อเหตุนั้น คือ บ้านพักในซอยวัดดาวดึงษ์ ซึ่งเป็นบ้านห้องแถวชั้นเดียว จากการสอบถามนางพะเยาว์ ให้การ ว่า ขณะนี้กำลังจะไปทิ้งขยะในช่วงเช้าของวันที่ 16 เม.ย. เห็นห้องของนายมัครินทร์ เปิดอยู่จึงเข้าไปดู และพบนายมัครินทร์ นั่งหลับพิงผนังอยู่ บริเวณศีรษะพบเลือดเล็กน้อย จึงเรียกนายมัครินทร์ เพื่อให้นายมัครินทร์ ไปโรงพยาบาล โดยนายมัครินทร์ ก็สามารถลุกเดินไปโรงพยาบาลเองได้
ทั้งนี้ ยังไม่พบอาวุธมีดหรือปืนในที่ก่อเหตุด้วย อย่างไรก็ตาม นางพะเยาว์ ยืนยันว่านายมัครินทร์ ไม่ได้มีอาการป่วยทางจิต เพราะตนเลี้ยงมาตั้งแต่ยังเด็ก
พล.ต.ท.ศานิตย์ เปิดเผยต่อว่า จากการเข้าตรวจสอบในบ้านของนายมัครินทร์ ด้วยตาเปล่า ไม่พบร่องรอยหลักฐานวิถีกระสุน โดยหลักความเป็นหากจริง ถ้ายิงจากแนวด้านข้างกระสุนจะต้องไปถูกฝาผนัง ขณะที่หากยิงแนวเฉียงขึ้นบนจะต้องมีรอยกระสุนบนเพดาน อย่างไรก็ตาม ต้องรอผลจากผู้เชี่ยวชาญอีกครั้ง ทั้งนี้ สอบถามญาติและเพื่อนบ้านทุกคนยืนยันว่าไม่ได้ยินเสียงปืน ที่เดินทางมาตรวจในวันนี้เพื่อพิสูจน์หลักฐานให้ประชาชนกระจ่างว่าไม่น่าจะมีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น
จากการตรวจสอบประวัติ นายมัครินทร์ ไม่พบหมายจับ หรือคดีติดตัว และไม่พบใบอนุญาต พกพาหรือครอบครองอาวุธปืน ประกอบกับทางญาติ ยืนยันว่า ไม่เคยเห็นนายมัครินทร์ มีปืน อย่างไรก็ตาม จะออกหมายเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งญาติ ภรรยา ผู้โพสต์และตัวนายมัครินทร์ มาสอบถามข้อเท็จจริงต่อไป ซึ่งหากพบว่ามีการกระทำความผิดไม่ว่าจะเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 หรือความผิดในข้อหาอาวุธปืน หรือข้อหาอื่นๆ ก็จะดำเนินคดีทันที สุดท้ายอยากฝากถึงประชาชนว่าอย่าใช้คำว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์มาอ้าง เพราะปัจจุบันสื่อมีมาก สามารถเข้าไปอ่านและทำความเข้าใจกับกฎหมายต่างๆได้
สื่อออนไลน์ ...อาวุธการตลาดที่ทรงพลัง!
ด้าน หนุ่ย - พงศ์สุข หิรัญพฤกษ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านไอที ที่ได้รับฉายา "เจ้าพ่อไฮเทค"ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อหนึ่งถึงกรณีดังกล่าวด้วยว่า การเผยแพร่เรื่องราวผ่าน Facebook Live ที่ไม่เหมาะสมเกิดขึ้นมาแล้ว 2 ครั้งในต่างประเทศ ซึ่งทางเฟซบุ๊ก ได้ทำการแบนผู้เผยแพร่แล้ว พร้อมเตือนด้วยว่า การใช้สื่อต้องมีสติ เพราะปัจจุบันสื่ออยู่ในมือทุกคน ผู้ปกครองต้องรู้เท่าทันสื่อ และต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ซึ่งในต่างประเทศก็มีปัญหาเหล่านี้ และต้องยอมรับว่า เครื่องมือสื่อสารออนไลน์เป็นอาวุธที่ทรงพลัง ผู้ใช้สื่อ และเสพสื่อ ต้องรู้เท่าทัน
"ในต่างประเทศก็มีเหตุการณ์แบบนี้เหมือนกัน แต่ในเมืองไทยต้องยอมรับว่า เครื่องมือสื่อสารออนไลน์ เป็นอาวุธแห่งการตลาดที่ทรงพลังมาก แต่มันกำลังตกไปอยู่ในมือของคนที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ชอบพูดเสมอเวลาที่เกิดเหตุผิดพลาด ว่า รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ผมเผลอไป ผมพลาดไป
ผมฟังคำนี้แล้วก็พยยามวิเคราะห์ คำว่า "รู้เท่าไม่ถึงการณ์" มันแปลว่าอะไร สรุปมันแปลว่า ไม่คิดว่าจะซวย คือตอนกด ก็รู้ว่า กดไปน่าจะสนุกดี แต่อารมณ์ สังคม ที่ตีกลับ มันเป็นคนละเรื่อง
ฉะนั้น เรื่องนี้ต้องคิดให้เยอะ และคิดให้มากยิ่งขึ้น ผู้ใช้เอง คนที่เสพสื่อทุกวัน ต้องรู้เท่ามันทัน" ผู้เชียวชาญด้านเทคโนโลยี ฝากข้อคิด
จิตแพทย์แนะใช้สื่อโซเชียลมีเดียอย่างสร้างสรรค์
อย่างไรก็ตาม จิตแพทย์ยังกล่าวถึงกรณีดังกล่าวด้วยว่า ทำร้ายตัวเองเผยแพร่ลงโซเชียลมีเดียให้โลกรับรู้ สะท้อนถึงจิตวิญญาณของมนุษย์ที่ต้องการความรัก ความสนใจ การเสาะแสวงหาการยอมรับ
พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ ผอ.สถาบันราชานุกูล กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า การตัดสินใจทำร้ายตัวเอง ถือเป็นเรื่องที่หนักหนามาก เนื่องจากมองไม่เห็นทางอื่น จึงทำร้ายตัวเอง ส่วนที่เผยแพร่ลงโซเชียลมีเดียให้โลกรับรู้ สะท้อนถึงจิตวิญญาณของมนุษย์ที่ต้องการความรัก ความสนใจ การเสาะแสวงหาการยอมรับ จึงขอให้ คุณเน วัดดาว ผ่านจุดที่หักมุมตรงนี้ไปได้ และขอฝากไปยังผู้ที่กำลังมีปัญหาควรแสวงหาความรัก การยอมรับในทางที่ถูกต้อง ถ้าต้องการการเข้าใจต้องเปิดใจรับฟังและเข้าใจคนอื่นด้วยความสนใจ ขณะเดียวกัน คนรอบข้างต้องหมั่นเอาใจใส่คนรอบตัว สังเกตความผิดปกติป้องกันการก่อเหตุด้วย
“ช่วง 3 - 4 ปีที่ผ่านมา โซเชียลมีเดียมีการเปลี่ยนแปลงไปมาก เป็นทั้งแหล่งเรียนรู้ที่มีประโยชน์และโทษ การที่คนเข้าถึงง่ายเห็นภาพการเผยแพร่ความรุนแรงในลักษณะต่าง ๆ จะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงความคิดได้ ในช่วงแรกอาจจะรู้สึกตระหนก ตกใจ แต่พอนานวันเข้าอาจจะกลายเป็นความชินชา หรือโน้มนำความรู้สึกให้ต่อต้านความรุนแรง โดยเฉพาะความรุนแรงที่กระทำต่อตนเองยิ่งน่ากังวล
หลายคนเห็นใจ เข้าใจ เลยเปลี่ยนมาเป็นการเรียนรู้ที่ดี รอบคอบในการดำรงชีวิตมากขึ้น แต่บางคนไม่ได้อยู่ในสภาวะที่พร้อมจะรับเรื่องราวเหล่านี้ โดยเฉพาะเด็ก ๆ น่าเป็นห่วงมาก เพราะยังขาดวุฒิภาวะในการแยกแยะ การเลือกกระทำตามสิ่งต่าง ๆ ที่ยังมีข้อจำกัดพอสมควร ดังนั้น ขอให้ผู้ปกครองส่งเสริมให้บุตรหลานใช้โซเชียลมีเดียอย่างสร้างสรรค์”
มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram
"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!
และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754