"ปราณบุรี" ทริปนี้ดี๊ดี แตกต่างจากการไปเที่ยวในหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา เพราะเป็นการไปเที่ยว และทดสอบรถหรู ราคาหลักล้าน RX200t หนึ่งในยนตกรรมเลกซัส RX รถใหม่รุ่นที่ 4 ซึ่งโดดเด่นด้วยการออกแบบภายนอกและภายในใหม่ที่เขาว่ากันว่า ดุ สุขุม โฉบเฉี่ยว เลิศหรู สง่างาม
ทันทีที่ได้รับเชิญจากค่ายรถยักษ์ใหญ่อย่างโตโยต้าให้ไปทดสอบรถจากกรุงเทพฯ ไปปราณบุรี แทบจะทนรอให้ถึงวันเดินทางไม่ไหว เพราะอยากสัมผัส ลูบไล้ คลุกคลีกับรถที่โฆษณาว่า หรูหรา ดีไซน์เฉียบคม มีสมรรถนะในการขับขี่ที่ทรงพลัง ล้ำหน้าทางเทคโนโลยีความปลอดภัยระดับโลก แต่ก็ชวนตั้งคำถามขึ้นในใจ "มันดีกว่ารถคันอื่นๆ อย่างไร"
เมื่อเดินทางมาตามเวลานัดหมาย ความรู้สึกคล้ายๆ กับการออกเดตกับผู้ชายที่คิดว่าจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันไปตลอด
พบกันครั้งแรก..ก็ตกหลุมรัก
ครั้งแรกที่ได้พบกัน ความหล่อเท่ สุขุมของรถทะลุเข้ามาในหัวใจ ไม่ต่างกับการตกหลุมรักใครสักคนในครั้งแรกพบ เพราะสะกดสายตาด้วยดีไซน์โฉบเฉี่ยว ทรงพลัง ตั้งแต่การออกแบบตัวรถที่เน้นความโค้งเว้าควบคู่เหลี่ยมสันอันเฉียบคม และเส้นรายละเอียดบนตัวรถที่สมบูรณ์แบบไร้ที่ติ โดยมีโป่งซุ้มล้อที่แข็งแกร่งยื่นออกมาจากตัวถังทั้งสี่ด้านรับกับล้อที่ใหญ่ขึ้น
เมื่อได้สัญญาณให้เตรียมตัวออกเดินทางจากกทม. มุ่งหน้าไปปราณบุรี สิ่งแรกที่ต้องจัดการคือ ขนกระเป๋าสัมภาระไปเก็บไว้หลังรถ แต่วิธีการเปิดเหนือระดับกว่ารถคันอื่นๆ เพราะเป็นระบบเปิด-ปิดประตูหลังอัจฉริยะ โดยจะเปิดอัตโนมัติเพียงยื่นมือเหนือสัญลักษณ์เลกซัสที่มีระบบเซ็นเซอร์ติดตั้งอยู่ โดยไม่ต้องสัมผัสที่ตัวรถ ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายยิ่งกว่า โดยเฉพาะในขณะที่มือถือสัมภาระอยู่ หรือในกรณีที่รถเปียกหรือสกปรก
พอเข้ามาด้านในของรถ ต้องบอกว่า มีการผสมผสานความหรูหราเข้ากับนวัตกรรมได้อย่างมีระดับ เริ่มจากตำแหน่งผู้ขับที่ชวนให้รู้สึกราวกับนั่งอยู่ในค็อกพิทบนเครื่องบินที่เกิดจากลักษณะการวางคอนโซลระดับแนวนอนต่ำ รวมถึงการเล่นระดับแบบขั้นบันไดอย่างมีชั้นเชิงของแผงอุปกรณ์ภายใน
ก่อนจะไปตกอยู่ในสภาวะทิ้งตัวกับเบาะหลังสุดโอ่โถง นั่งสบายเพียงพอสำหรับ 5 คนพร้อมสัมภาระส่วนตัว หรือถ้าใครเล่นกอล์ฟ รถคันนี้สามารถบรรทุกถุงกอล์ฟได้ถึง 4 ใบในขณะที่มีผู้โดยสารเบาะหลัง 3 คน
สบายๆ ชิลชิล แบบอัจฉริยะ
จากออลซีซั่นเพลส กทม. มุ่งหน้าไปปราณบุรี รวมระยะทาง 200 กว่ากิโลเมตร ด้วยการสังเกต และความซุกซนปนอยากรู้ จึงลองสอดส่อง และมองหาความแปลกใหม่ในรถหรูคันนี้ดู จึงพบความพิเศษของ เบาะคู่หน้าที่สามารถปรับด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมที่ดันหลัง และหน่วยความจำ รองรับสรีระคนขับได้อย่างกระชับและมั่นคง แถมยังต้องร้องว้าว! กับระบบเป่าลมเย็น หรือลมร้อนที่ตัวเบาะ ส่วนเบาะหลังแยกพับด้วยระบบไฟฟ้า และเลื่อนเดินหน้า-ถอยหลังได้ ทำให้การเดินทางในฐานะคนนั่ง ไร้การเมื่อยล้า แต่สัมผัสได้ถึงความรู้สึกสบายตลอดการเดินทาง
ยิ่งไปกว่านั้น ยังมี ระบบอัจฉริยะ S-Flow Control ช่วยให้ขับ และนั่งไปเที่ยวแบบเย็นสบาย และประหยัดกว่า ผ่านการคำนวณอุณหภูมิภายในรถที่ตั้งไว้ อุณหภูมิด้านนอก หรือตำแหน่งที่โดนแสงแดด จากนั้นจะปรับอุณหภูมิที่เหมาะสม พร้อมส่งลมเย็นสู่คนนั่งโดยตรง หรือจะเป็นระบบกรองอากาศ Nano-e ให้อากาศภายในรถบริสุทธิ์ ไร้กลิ่น และเชื้อโรค ช่วยถนอมผิวให้ชุ่มชื้นทั่วทั้งรถ
ส่วนใครที่มีอารมณ์สุนทรีกับการฟังเพลง ในรถมีระบบเครื่องเสียง Lexus Premium Audio Surrond Sound System พร้อมลำโพงประสิทธิภาพสูง 12 ตัว ช่วยเพิ่มความสุนทรีย์ให้ช่วงเวลาดีๆ ตลอดการเดินทาง
นอกจากนี้ ยังอำนวยความสะดวกในการชาร์จแบตเตอรี่มือถือด้วยระบบชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless charger) มีแท่นชาร์จแบบไร้สายบริเวณกล่องคอนโซลกลาง รองรับระบบชาร์จไฟแบบ Qi แค่วางโทรศัพท์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ โดยไม่ต้องเสียบสายชาร์จให้ยุ่งยาก
มั่นใจกับการขับขี่ตลอดเส้นทาง
เดินทางมาถึงจุดแวะพักที่ย่านวังมะนาวบริเวณ Danus Hobby Farm แวะดื่มน้ำ จิบกาแฟ ให้นมแพะ และถ่ายรูปประมาณครึ่งชั่วโมง ซึ่งในจุดนี้ ได้ความรู้จากเจ้าหน้าที่ถึงระบบความปลอดภัยของรถ ตั้งแต่ระบบช่วยเตือนจุดบอดและระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ โดยสัญญาณเรดาร์บริเวณกันชนหลังจะเตือนหากพบรถที่วิ่งอยู่เลนข้างๆ ในตำแหน่งที่ไม่อาจสังเกตเห็นได้หรือพบสิ่งกีดขวางด้านหลังในขณะถอยรถ
ตามมาด้วยระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ซึ่งมีข้อดีตรงที่จะช่วยรักษาระดับความเร็วรถให้คงที่ เพิ่มความสะดวกสบาย ลดความเมื่อยล้าจากการขับขี่ทางไกลเป็นเวลานาน (มีทุกรุ่น), ระบบแสดงสภาพมุมสูงบนหน้าจอ EMV สามารถขยายภาพเพื่อดูตำแหน่งที่ต้องการเพื่อความปลอดภัยยิ่งขึ้น
ไฟส่องสว่างมุมข้าง เพิ่มทัศนวิสัยและประหยัดพลังงาน ช่วยให้เห็นทิศทางการขับขี่ และสังเกตคนเดินเท้าในขณะเลี้ยวได้ดียิ่งขึ้น และถุงลมเสริมความปลอดภัย (ระบบยึดหน่วงเสริม) ป้องกันสูงสุด เพิ่มความปลอดภัยของคนขับและคนนั่งในทุกแง่มุม
อย่างไรก็ดี ระบบความปลอดภัยดังกล่าวจะขึ้นอยู่กับรุ่น โดยที่กล่าวไปในข้างต้นจะอยู่ใน RX 200t รุ่น Premium และรุ่น F-Sport ส่วน RX 350 รุ่น F-Sport และ RX 450h รุ่น Premium จะมีระบบเหล่านี้เพิ่มเข้ามา ซึ่งมีทั้งระบบเตรียมพร้อมก่อนการชน PCS ด้วยสัญญาณเรดาร์ และกล้องโดยจะส่งสัญญาณเตือนคนขับ หากตรวจพบความเป็นไปได้ที่จะเกิดการชนด้านหน้า รวมถึงสั่งการทำงานของระบบเบรก, ระบบช่วยรักษาช่องทางวิ่ง พร้อมสัญญาณเตือน ส่งสัญญาณเตือนหากพบการขับออกนอกเลนโดยไม่ตั้งใจ พร้อมสั่นเตือนที่พวงมาลัย
นอกจากนั้นยังมีระบบเรดาร์รักษาความเร็วอัตโนมัติ ควบคุมความเร็วรถให้คงที่ และระบบปรับองศาของไฟส่องสว่างอัจฉริยะ โดยปรับไฟ และกระจายแสงอัตโนมัติด้วยไฟ LED 11 ตัว เพื่อวิสัยทัศน์ที่ดีที่สุดด้วย ด้านระบบเนวิเกเตอร์ที่แม้จะมีระบบจีพีเอสพร้อมระบบแผนที่ดิจิตอลตลอดการเดินทาง แต่บางรุ่นก็ไม่สามารถค้นหาสถานที่ หรือประเภทของสถานที่ได้ เช่น ร้านอาหาร เป็นต้น
ออกจากจุดแวะพักไปขับเคลื่อนต่อไปยัง "ไร่องุ่นหัวหินฮิลล์" พร้อมรับประทานอาหารกลางวันสัมผัสวิวสวยๆ กันที่นี่ ก่อนจะไปถึงจุดหมายที่โรงแรมเชอราตัน ปราณบุรี โดยค้างแรมกัน 1 คืน นับเป็นทริปที่ได้เปิดประสบการณ์ใหม่อันแตกต่าง แม้จะเป็นทริปสั้นๆ แต่ก็จดจำไม่รู้ลืมว่า ครั้งหนึ่งได้มีโอกาสนั่งรถหรูในราคาหลักล้านไปกิน ดื่ม เที่ยวที่ปราณบุรี
สำหรับ รถเล็กซัส RX ใหม่ มีออกมาให้เลือก 5 รุ่น เริ่มจาก RX 200t รุ่น Luxury ขับเคลื่อนล้อหน้า ราคา 3,990,000 บาท รุ่น Premium ขับเคลื่อนล้อหน้า ราคา 4,490,000 บาท และรุ่น F-Sport ขับเคลื่อนสี่ล้อ ราคา 5,090,000 บาท ตามมาด้วย RX 350 รุ่น F-Sport ขับเคลื่อนสี่ล้อ ราคา 6,800,000 บาท และปิดท้ายกันที่ RX 450h รุ่น Premium ขับเคลื่อนสี่ล้อ ราคา 7,600,000 บาท
รู้ราคาแบบนี้แล้ว หากเงินในบัญชีมีมากพอ ต้องบอกว่า ควรค่าแก่การซื้อเก็บไว้ครอบครองสักคัน เพราะมีดีที่แตกต่าง เนี้ยบหรูสมราคา ตอบโจทย์การเดินทางได้เป็นอย่างดี ว่าแต่จะจริงตามที่อวยความหรูหรา ล้ำเลิศในข้างต้นหรือไม่ ต้องลองไปโดนเองสักครั้ง เพราะเขียนให้เห็นภาพ ไม่เท่ากับเห็นและสัมผัสด้วยตัวของคุณเอง
มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram
"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!
และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754