ดับอีกราย สาวอยากสวยพึ่งหมอกระเป๋าฉีดยาสลายไขมัน! อยากสวยจนเกินความพอดีหรือเพราะความสะเพร่าและเห็นแก่เงินของหมอกระเป๋า? ที่ท้ายที่สุดเขาไม่ได้เสกความสวยงามให้ผู้หญิงเหล่านี้เลย แต่เป็นการคร่าชีวิตของพวกเธอให้ตายทั้งเป็นมากกว่า บางคนเสียโฉมและบางคนต้องสังเวยชีวิตให้กับ ‘ศัลยกรรม’ ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้มีให้เห็นเป็นอุทาหรณ์มาแล้วหลายราย!!
อยากสวย จนไม่กลัวตาย!
“ตายกันมาหลายคนละ ไปเอาความมั่นใจมาจากไหนกับพวกหมอกระเป๋า”
“ข่าวก็มีเห็นบ่อยๆ ทำไมถึงยังทำ ต้องถามว่าพร้อมเอาชีวิตไปแลกกับคำว่าของ ‘ถูก’ เองใช่ไหม ไม่ได้น่าสงสารเลยนะในมุมมองผม”
“ผมว่ามันเอาไว้ดูดตังค์คนรวยแต่ขี้เกียจครับ คนส่วนใหญ่ขี้เกียจ ชอบทางลัด อยากได้หุ่นดีๆ แค่เปลือกนอก”
“แพทย์ช่วยได้เป็นจุดๆ และไม่ถาวร ออกกำลังกายได้ทุกส่วนของร่างกาย สิ่งที่สำคัญที่สุดคือทำแล้วพึงพอใจในข้อจำกัดของตัวเอง ไม่อย่างนั้นจะหาความสุขใจไม่ได้ค่ะ”
กี่ครั้งแล้วที่ความอยากสวยของผู้หญิงทั้งหลายนำพามาพบกับจุดจบ เพราะพึ่งหมอกระเป๋าบุคคลที่ไม่ใช่แพทย์ แต่แอบอ้างให้บริการทางความงามตามสถานที่ต่างๆ โดยหิ้วกระเป๋าอุปกรณ์ไปฉีดให้ถึงที่ ซึ่งล่าสุดในโลกออนไลน์ได้มีการแชร์ภาพและข้อมูล เหตุการณ์ที่หญิงสาวรายหนึ่งจ้างหมอกระเป๋าให้ไปฉีดยาสลายไขมันเข้าที่หน้าท้องถึงบ้าน
ทว่าใครเล่าจะรู้ว่าความอยากสวยอยากงามครั้งนี้เธอกลับไม่ฟื้นขึ้นมาอีกเลย เหตุเพราะหลังจากฉีดสารสลายไขมันเข้าไปเธอก็มีอาการอาเจียน แล้วแน่นิ่งไป ญาตินำตัวส่งโรงพยาบาลแต่แพทย์พบว่าหัวใจหยุดเต้นแล้ว และทำการปั๊มช่วยชีวิตไว้แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว...
เหตุการณ์ครั้งนี้ถูกเผยแพร่โดยแพทย์ท่านหนึ่งชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ได้โพสต์ภาพและข้อความระบุว่า วันนี้ได้รับข่าวที่ไม่ค่อยจะสู้ดีมาครับ มีผู้หญิงเสียชีวิตเนื่องจากได้รับการฉีดยาสลายไขมันเข้าที่หน้าท้องโดยหมอกระเป๋าไปฉีดให้ถึงบ้านพรวดเดียวหลายสิบหลอด จนคนไข้หัวใจหยุดเต้นและไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลในภายหลัง
โดยสารที่ฉีดเข้าไปนี้คือสารเคมีที่อวดอ้างสรรพคุณว่าฉีดแล้วสลายไขมันได้ เชื่อว่ากลไกของมันจะทำให้เซลล์ไขมันตาย แต่งานวิจัยที่ออกมาทดลองในหนูเท่านั้น ในปัจจุบันยังไม่มีการทดลองในมนุษย์ว่าหากฉีดในคนแล้วจะเกิดผลข้างเคียงอย่างไร แต่นักวิจัยห่วงว่า โครงสร้างในร่างกายเราจำนวนไม่น้อยที่ประกอบด้วยไขมัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระบบประสาท ไขสันหลัง สมอง หากเราฉีดสารนี้เข้าไปที่ส่วนใดส่วนหนึ่งในปริมาณมาก มันจะถูกกระจายไปทั่วร่างกายและออกฤทธิ์ละลายมันทุกส่วน ส่วนที่สำคัญที่สุดมันคงหนีไม่พ้นสมอง ซึ่งถ้าไขมันในสมองละลายไปด้วย...คงไม่แปลกที่จะเสียชีวิต
เมื่อความอยากสวยเข้าครอบงำ ปัจจุบันจึงมีการฉีดสารตัวนี้ให้ลูกค้าในไทยอย่างแพร่หลายอย่างไม่กลัวผิด-ถูก เพียงเพราะอยากได้เงินจึงไม่สนว่าจะเกิดอันตรายขึ้นอย่างไรบ้าง เพราะตามกฎหมายจริงๆ แล้ว สารจำพวกนี้ขึ้นทะเบียนเป็นเวชสำอาง ไม่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นยาจึงเอามาฉีดให้คนไข้ไม่ได้
หากเจ้าไหนอ้างว่าผ่าน อย. แล้ว นั่นหมายความโกหกหลอกลวงแน่นอน หากสาวๆ อยากสวย ผอม หุ่นดี แต่ไม่อยากตาย มีทางเดียวคือหันมาใช้วิธีทางธรรมชาติ ออกกำลังกาย ควบคุมอาหารแทนจะดีกว่า ปลอดภัยและไม่เป็นอันตรายอย่างแน่นอน...
อยากตายเพราะศัลยกรรมหรือ?
อยากสวยแต่ต้องแลกกับความตาย!! นี่คืออีกหนึ่งอุทาหรณ์ที่พร้อมเตือนใจให้กับสาวๆ ที่อยากสวยทางลัดแต่ไม่ยอมศึกษาข้อมูลให้ถี่ถ้วนเสียก่อน หลายคนทำออกมาแล้วดูดีขึ้น สวย หล่อ ชีวิตดีกันไปตามระเบียบ แต่บางครั้งการตัดสินใจทำศัลยกรรมก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป การทำสวยแค่ครั้งเดียวอาจทำให้ทั้งชีวิตพังพินาศได้เหมือนกัน
เฉกเช่น กรณีก่อนหน้านี้สาวพริตตี้ ‘น้องเฟิร์น’ ทำศัลยกรรมทุบโหนกแก้มหรือวีไลน์กับคลินิกแห่งหนึ่ง เธอแพ้ยาสลบจนเสียชีวิตระหว่างการผ่าตัด ต่อมาเป็นเคสของ ‘น้องออย’ สาวสวยรายนี้ เธอได้ตัดสินใจฉีดเสริมความงามกับหมอกระเป๋ารายหนึ่ง แต่เกิดผิดพลาดจนหน้าพังเสียโฉม มีอาการบวมอักเสบอย่างรุนแรง จนไม่สามารถทำงานต่อได้ ต้องออกจากงานและใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก และท้ายที่สุดเธอต้องฆ่าตัวตายเพราะไม่สามารถใช้ชีวิตอย่างปกติได้อีกต่อไป
พญ.รังสิมา วณิชภักดีเดชา ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยา สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย เคยกล่าวให้ความรู้เกี่ยวกับการทำศัลยกรรมด้วยความเป็นห่วงไว้ว่า คนไทยนิยมรับบริการทางการแพทย์เพื่อความงามมากขึ้น แต่ก็พบผู้ที่ได้รับความเสียหายมากขึ้นเช่นกัน
โดยเฉพาะการทำหัตถการด้วยเครื่องมือแพทย์ที่ไม่ได้มาตรฐานจากคนที่ไม่ใช่แพทย์ การใช้อุปกรณ์ที่ไม่เหมาะสมกับผู้ป่วย มีคนไทยเสียโฉมจากการทำสวยด้วยหมอกระเป๋าเพียบ และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น พบแก้ไขหน้าเน่าจากการทำสวยเดือนละ 1 คน บางอย่างแก้ไขยาก พบการติดเชื้อ และการฉีดฟิลเลอร์เป็นเคสที่น่าห่วงสุด
“หลังๆ มาเราพบหมอกระเป๋าที่หิ้วเครื่องมือแพทย์มาเปิดให้บริการตามตลาดและคิดราคาถูกๆ 30 - 50 บาทนั้นเอง ไปฉีดท็อกซิน ฟิลเลอร์ ติดเชื้อเนื้อตาย ตาบอด ตรงนี้ทำให้ผู้มารับบริการได้รับผลกระทบจำนวนมาก โดยขณะนี้มีผู้มารับบริการแก้ไขความบกพร่อง หรือผลกระทบจากการรับบริการที่ไม่ได้มาตรฐาน ที่ รพ.ศิริราช อย่างน้อยเดือนละ 1 คน โดยเฉพาะฟิลเลอร์ เรื่องนี้น่าเป็นห่วงมาก”
อย่างไรก็ตาม มีข้อบังคับใช้กฎหมายป้องกันการเสี่ยงตกเป็นเหยื่อของหมอเถื่อน หมอกระเป๋า หรือการลักลอบโฆษณาอวดอ้างการรักษาที่เกินความจริงในสื่อออนไลน์แล้ว เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยประชาชน
โดยแพทย์เชี่ยวชาญด้านความงามที่ให้การรักษา จะต้องได้รับวุฒิบัตรหรืออนุมัติจากแพทยสภาเท่านั้นจึงจะสามารถโฆษณาความเชี่ยวชาญทางการรักษาได้ ส่วนแพทย์เวชกรรมทั่วไปที่ไม่ได้จบเฉพาะทางด้านความงามหรือผิวหนังจะโฆษณาความเชี่ยวชาญไม่ได้
หากฝ่าฝืนจะมีความผิดฐานเป็นการโฆษณาเท็จ ตามมาตรา 38 แห่งพระราชบัญญัติ สถานพยาบาล พ.ศ. 2541 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท และให้ปรับอีกวันละไม่เกิน 10,000 บาทนับแต่วันที่ฝ่าฝืน จนกว่าจะระงับการโฆษณาดังกล่าว
โดยคลินิกทุกแห่งต้องจัดทำบันทึกรายงานการรักษาผู้ป่วยทุกราย และระบบรายงานประจำปีด้วย ซึ่งในปี 2559 นี้ กรมสบส. จะร่วมกับงานคุ้มครองผู้บริโภคของสำนักงานสาธารณสุขทุกจังหวัดทั่วประเทศตรวจสอบอย่างใกล้ชิด หากพบไม่เป็นไปตามกฎหมาย มีโทษตามมาตรา 65 ตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541 มีโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ข่าวโดย ผู้จัดการ Live
ข้อมูลบางส่วน เฟซบุ๊ก Ping Aranyapala
มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram
"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!
และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754