สุดอึ้ง!เมื่อทันตแพทย์คนหนึ่งออกมาระบายพร้อมโพสต์ตั้งข้อสงสัยถึงพ่อค้าแม่ค้า และลูกค้าที่ไปจัดฟันแฟชั่นเถื่อน ว่า เคยรู้บ้างไหม ลูกค้าคนก่อนเป็นเอดส์ ติดเชื้อ HIV เพราะเขาเพิ่งเจอมาหมาดๆ สุดท้ายใครเสี่ยง ก็ตัวแม่ค้า และลูกค้านั่นแหละ แน่นอนร้านพวกนี้ไม่มีระบบฆ่าเชื้อที่ปลอดภัย ส่วนใหญ่วนล้าง อย่างมากก็ต้ม สุดท้ายก็กรรมใครกรรมมันล่ะนะ!
เรื่องจริงที่ถูกเปิดเผย!
โดยข้อความดังกล่าวมีที่มาจากสมาชิกเฟซบุ๊ก Taksid Charasseangpaisarn โดยทันตแพทย์คนหนึ่ง เปิดเผยว่า
"วันนี้ครับ เจอคนไข้จัดฟันแฟชั่นมาถอดเครื่องมือออก จริงๆแล้วก็คงจะไม่มีอะไร มารื้อเครื่องมือแฟชั่นออก ขูดหินปูนให้ อุดฟันที่ผุให้ ตามปกติ แต่สิ่งที่ต่างออกไปคือ คนไข้เป็นคนไข้ที่ติดเชื้อ HIV ทานยาต้านไวรัส พบแพทย์ สม่ำเสมอ ดูแล้วก็เหมือนคนปกตินี่แหละ ถ้าไม่บอกก็ไม่รู้ แล้วยังไงต่อ ตอนให้การรักษาก็ universal precaution อยู่แล้ว ทำไมต้องเอามาบอก?
คำถามที่ถามคนไข้คือ คนไข้ไปทำที่ไหนมา แน่นอนว่าไม่ใช่คลินิกทำฟันที่มีระบบการฆ่าเชื้อตามหลัก แต่เป็นห้องพักคอนโดของแม่ค้า สิ่งที่น่ากังวลคือ แม่ค้าที่ทำจัดฟันเถื่อนให้รู้หรือเปล่าว่าในเลือดน้องมีเชื้ออยู่? ถ้าเกิดมีแผลเลือดออกในปากเชื้อก็ออกมา (คิดว่าคงไม่รู้ ถ้ารู้คงไม่ทำให้) เครื่องมือที่เอามาทำเสร็จแล้วไปไหน? คนที่มาทำต่อเป็นใคร? ขยะปนเปื้อนที่เอาไปทิ้งหายไปไหน?
สิ่งที่หมอกับสื่อต่างๆพร่ำบอกสม่ำเสมอว่า การทำปลอดเชื้อเป็นเรื่องสำคัญ ร้านพวกนี้ส่วนมากไม่มีระบบการฆ่าเชื้อ ของที่ใช้ก็วนล้าง อย่างมากก็ต้ม แน่นอนว่าแค่นั้นเชื้อพวกนี้ไม่ตายแน่นอน ทั้งแม่ค้า ลูกค้า(รายต่อไป) คนเก็บขยะ ล้วนมีความเสี่ยงในการติดเชื้อทั้งนั้น แล้วมีใครติดเชื้อไปจากเคสนี้หรือเปล่า (หวังว่าคงไม่มี) - -'
คิดต่อไปอีก เชื่อเถอะคนที่ไปทำ เราไม่รู้หรอกว่าใครมีเชื้ออะไรในตัวหรือเปล่า ไม่ใช่แค่ HIV หรอกที่น่ากังวัล (คนเป็นส่วนมากมีความรู้และเข้าใจในสิ่งที่ตัวเองเป็น) แต่เชื้อที่น่ากังวลและติดได้ง่ายกว่าคงจะเป็น Hepatits หรือโรคตับอักเสบ ถ้าติดแล้วอนาคตมีโอกาสเป็นมะเร็งตับ แม่ค้ารู้หรือเปล่า ลูกค้าที่ไปทำรู้หรือเปล่า ว่าเชื้อพวกนี้มันส่งต่อได้สุดท้ายตอนนี้ก็คงจะ กรรมใครกรรมมัน ทำอะไรไม่ได้ นอกจากให้ความรู้ตามโอกาสหล่ะนะ"
นอกจากนี้ ยังมีความคิดเห็นจากแฟนเพจ Drama-addict ได้ออกมาแสดงความคิดเห็น และตั้งข้อสังเกต ว่า เครื่องมือทางการแพทย์ มักเป็นเครื่องมือที่สัมผัสเลือดและสารคัดหลั่งโดยตรง และยิ่งมีเชื้อ HIV อยู่แค่หากแค่ล้าง หรือ ต้มจะปลอดภัยหรือ!?
“น้ำเดือด ต้มนาน 20 นาทีฆ่าเชื้อได้ทั้ง HIV และ HBV (ตับอักเสบ B)แต่ไม่ถือว่าเป็นวิธีที่ควรเลือกใช้ WHO(องค์การอนามัยโลก) ยังแนะนำให้ทำการ sterilization เพื่อฆ่าเชื้อเช่น autoclaving (นึ่งไอน้ำแรงดันสูง) หรืออบแก๊ส (gas strerilization) มากกว่าการต้มน้ำเดือด 20 นาทีอยู่ดี ซึ่งวิธีทำ sterilization 2 วิธีมีต้นทุนสูง ต้องใช้เครื่องมือเฉพาะ ไม่น่าจะทำกันได้ดาษดื่นตามหอพักหรือบ้านเรือนทั่วไป เมื่อกลางปียังมีข่าวว่าคลินิคหมอฟันที่ออสเตรเลียยังทำคนไข้เสี่ยงที่จะติด เชื้อไปเป็นหมื่นราย ปัญหาคือ
อุปกรณ์ที่แม่ค้าใช้ตามห้องพักบางอย่างอาจจะต้มไม่ได้ หรือทนความร้อนนานขนาดนั้นไม่ได้ โดยเฉพาะถ้าทำจากพลาสติก อีกอย่าง ต้มให้เดือดนาน 20 นาทีนี่นานมากนะ เคยเห็นอุปกรณ์แพทย์ในโรงพยาบาลไหม ที่เป็น stainless ทนความร้อนพอที่จะเอาไปอบนึ่งได้หลายๆครั้ง อุปกรณ์เหล่านั้นแพงมาก แค่เครื่องมืออันเท่าปากกาก็หลายพันบาทต่อชิ้นแล้ว
เราจะมั่นใจได้อย่างไรว่าแม่ค้าทำความสะอาดดีจริง โดยเฉพาะตามมุมตามซอกของอุปกรณ์ต่างๆที่อาจจะมีน้ำลายมีเลือดติดอยู่ ไวรัสก็อาจอาศัยอยู่ได้นาน เพราะของเหล่านั้นมันหุ้มไวรัสไว้อย่างดี ก่อนทำ sterilization ต้องล้างเลือดพวกนี้ออกให้หมดก่อนทุกซอกทุกมุม ไม่อย่างนั้นประสิทธิภาพของการทำความสะอาดอาจจะไม่ได้ตามที่คาดไว้ แน่นอน อุปกรณ์เหล่านั้นก็ไม่ถือว่าสะอาดพอ
ขนาดตามร้านทำเล็บยังเคยมีรายงานสงสัยว่าจะติดเชื้อ HIV ได้ ตอนนี้ก็แนะนำให้แต่ละคนมีอุปกรณ์ทำเล็บส่วนตัวกันเพื่อที่จะไม่ใช้ของรวมกับผู้อื่นถ้าร้านทำเล็บเสี่ยง ทำไมร้านจัดฟันที่ไม่ได้มาตรฐานจะไม่เสี่ยง" Ploy Pantila ตั้งข้อสังเกต
ดัดฟันเถื่อนไม่เกินสามพัน วังหลัง แหล่งชุมชน ตรึม!
ส่วนสถานที่จัดฟันแฟชั่นนั้นไม่ได้หายากแต่ประการใด สมัยนี้แค่เปิดเฟซบุ๊ก หรือพึ่งอากู๋ (Google) เซิร์ชจัดฟันแฟชั่นปุ้บก็โผล่หราพรึ่บ มีทั้งขายส่ง - ขายปลีก สามารถเลือกช็อปออนไลน์ โอนเงิน จัดส่ง
"ชุดจัด ฟันแฟชั่น สำหรับ เปิดร้าน ขนาดกลาง ประกอบ ด้วย แบล็คแก็ต 10 แผง ชุด กาว ใหญ่ 3 หลอด ลวด 2 ซอง มี 20 เส้น ตะขอ เกี่ยวยาง 1 อัน ที่หนีบ ปลายตรง แหล็ก 1 อัน ที่หนีบ ปลายโค้ง แหล็ก 1 อันที่ถ่าง ปาก 1 อัน กรรไกรตัดลวดเลส 1 อันกรรไกร มินิ 1 อัน พร้อมวิธีทำเสร็จสรรพ ราคายกเซ็ทเพียง 3,500 บาท ได้ของมาเพียบ ทำให้แม่ค้าฟันกำไรกันเหนาะๆ! ซึ่งเรามักจะพบเห็นตามตลาดนัด แหล่งชุมชน อนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ร้านเสริมสวย วังหลัง ย่านศิริราช และเป็นที่น่าตกใจอย่างยิ่ง เมื่อแม่ค้าเพิ่มกลยุทธ์ใหม่เอาใจโจ่ใจร้อนด้วยการเปิดเพิงหน้าสถานศึกษาซะเลย เลิกเรียนเสร็จก็แวะจัดฟันเปลี่ยนสีก่อนกลับบ้าน
"เราทำมา 1,500 อ่านะ ตอนนี้ลดยังไม่รู้ แบบเอาออกได้นะ ที่วังหลังอ่ะ มีสองร้าน ไปดูจิ"
"ถ้าทำถูกๆอ่านะลองไปดูดิ แบบถอดได้ ข้างบน 1,000 ล่าง 1,000 ถ้าเหล็กเส้นเดียวบน 500 ล่าง 500 เคยทำที่ศาลเจ้าที่สังหลัง ร้านอื่นถูกกว่านี้ แต่มันถูกน่ากลัวอ่า เพื่อนเราเคยไปทำที่คลินิคแบบติดฟันเหมาๆแล้ว 3,800 เปลี่ยนสีครั้งละ 100"
"พันเดียวหน้าโรงเรียน ติดอยู่ 5555"
"เราดัดอยู่สีชมพูอ่ะ พันสอง บนอย่างเดียว แปดซีก บนล่าง 2,400 หกซีกกำลังดีนะ แปดร้อยเอง แบบเส้นเดียว 500 ไปทำร้าน สาขามาจากวังหลังอ่ะ แต่ใส่แล้วรำคาญ ถอดได้นะ ระวังปากเป็นแผลด้วย จะทำคิดให้ดีนะ ไม่เข้ากะหน้าเรา เสียดายตังแน่เลย หวังดีจ้ะ"
และนี่คือส่วนหนึ่งของค่านิยมเพี้ยนๆ ของเด็กวัยรุ่นไทย เมื่อวัยโจ๋โพสต์ถามสถานที่ดัดฟันแฟชั่นในเว็บไซต์วัยรุ่นชื่อดังแห่งหนึ่ง คำตอบที่ได้รับ ถึงกับขนลุกซู่ เพราะต่างคนต่างเน้นของถูก แต่ไม่ได้เกรงกลัวอันตรายพิษสงจากเหล็กลวดตากผ้าที่เต็มไปด้วยสารปนเปื้อนเลยสักนิดเดียว
HIVหลบไป ไวรัสตับอักเสบบี น่ากลัวกว่าเยอะ!
นอกจากอุปกรณ์ไม่ได้มาตรฐานแล้ว วัสดุอาจมีการปนเปื้อนของสารพิษต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นตะกั่ว พลวง ซิลิเนียม โครเมียม และสารหนู ซึ่งอาจจะทำให้ถูกดูดซึมเข้าร่างกาย สะสมในระยะยาว บางรายอาจถึงขั้นไตวายได้ ทว่า สิ่งที่น่ากลัวมากกว่าเชื้อ HIV และต้องพึงระวังคือ ไวรัสตับอักเสบบี สู่มะเร็งตับ
ทีมงานผู้จัดการ Live ได้สอบถามไปยัง รศ.(พิเศษ)ทพญ.สมใจ สาตราวาหะ ประธานกรรมการที่ปรึกษา สมาคมทันตแพทย์จัดฟันแห่งประเทศไทย ได้ให้ข้อมูลถึงการติดเชื้อต่างๆจากการจัดฟันแฟชั่นว่า
“การจัดฟันในสถานที่ที่ใช้อุปกรณ์โดยไม่มีการฆ่าเชื้ออย่างถูกต้อง และที่สำคัญ คือ ไวรัสตับอักเสบบี ซึ่งทำให้เป็นมะเร็งตับได้ หรือเชื้อบางอย่างอาจทำให้เกิดการติดเชื้อในกระแสโลหิต เชื้ออาจแพร่ไปที่หัวใจ และสมอง เคยมีข่าวการเสียชีวิตจากการติดเชื้อในกระแสโลหิตจากการจัดฟันแฟชั่นมาแล้วในบ้านเรา ส่วนการติดเชื้อ HIV จากการจัดฟันนั้นขณะนี้ยังไม่พบรายงาน แต่แนะนำไว้ว่า กันไว้ดีกว่าแก้ อย่าไปเสี่ยงเลย
ส่วนเครื่องมือที่ใช้ทำฟัน เครื่องมือทุกชนิดจะต้องสะอาดฆ่าเชื้ออย่างได้มาตรฐาน และอบด้วยเครื่องอบไอน้ำความดันสูง (Autoclave) ฆ่าเชื้อในอุณหภูมิ 121องศาฯ ประมาณ 15 - 20 นาที ก่อนใช้
ส่วนเข็มฉีดยา ใช้แล้วต้องทิ้งเลย ผ้าก็อดที่ซับเลือด และน้ำลาย ต้องแยกเก็บเป็นขยะติดเชื้อ ไม่ปนกับขยะอื่น อย่างไรก็ตามการจัดฟันควรทำโดยทันตแพทย์ที่มีความชำนาญ” คุณหมอทิ้งท้าย
ข่าวโดย ผู้จัดการ Live
มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram
"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!
และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754