เสื่อมสังคมไทย! วัยรุ่นตรังยกพวกตบกัน ก่อนอีกฝ่ายจะควักมีดคัตเตอร์ออกมาหมายกรีดหน้าฝ่ายตรงข้าม เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความรุนแรงของวัยรุ่นไทยที่เข้าขั้นวิกฤตลงไปทุกที อะไรคือสาเหตุของความรุนแรงเหล่านี้ เด็กไม่มีวุฒิภาวะการยับยั้งชั่งใจหรือเป็นเพราะครอบครัวที่ให้ความใส่ใจไม่มากพอ?
แค้นนี้ต้องชำระ?!
เกิดอะไรขึ้นกับเยาวชนไทยในสังคมที่ยิ่งหนักข้อเข้าไปทุกวี่วัน เห็นได้จากข่าวตามหน้าสื่ออยู่บ่อยครั้ง ล่าสุด เกิดเหตุการณ์ที่สะท้อนให้เห็นความเสื่อมของสังคมไทยได้อย่างชัดเจน กับกรณีคลิปวิดีโอ “สาวตรังนัดตบ 1 VS 1 ก่อนใช้มีดกรีดหน้า” ซึ่งถูกเผยแพร่ในโลกออนไลน์อยู่ ณ ขณะนี้ โดยในคลิปเผยให้เห็นกลุ่มวัยรุ่นชายหญิง อายุประมาณ 17-20 ปี กำลังยืนดูเหตุการณ์เด็กสาว 2 คนกำลังตบตีกัน
ระหว่างที่เด็กสาวทั้ง 2 กำลังตบตีกันอยู่นั้น อีกฝ่ายได้ดึงมีดคัตเตอร์ออกมาหมายจะทำร้ายร่างกายฝ่ายตรงข้าม ทำให้เพื่อนๆ ของฝ่ายตรงข้ามเห็นก็ต่างกรูเข้ามาทำร้ายเด็กสาวที่ถือมีด ขณะเดียวกันเพื่อนของเด็กสาวที่ถือมีดก็ต่างกรูเข้ามาทำร้ายร่างกาย ทำให้การต่อสู้ของทั้ง 2 ฝ่ายเป็นไปอย่างชุลมุนวุ่นวาย
อย่างไรก็ตาม ไม่มีรายงานระบุว่าเด็กทั้ง 2 กลุ่มมาจากสถาบันใด แต่ตามกระแสข่าวมีการระบุว่ากลุ่มเด็กดังกล่าวเป็นนักศึกษาจากสถาบันในจังหวัดตรัง และทันทีที่ข่าวดังกล่าวแพร่สะพัดออกไป เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากผู้ใช้สื่อโซเชียลมีเดียอย่างหนาหู โดยให้ความเห็นไปในทางเดียวกันคือรู้สึกเอือมระอากับพฤติกรรมของวัยรุ่นไทยสมัยนี้
“นี่แหละสภาพสติปัญญาของวัยรุ่นของไทยบางคนที่จะเป็นอนาคตของชาติ โคตรปัญญาอ่อนเลยเดี๋ยวนี้”
“เด็กวัยรุ่น กับความก้าวร้าว รุนแรง ที่เกินตัว มันมาจากใครเป็นตัวอย่าง ที่สำคัญข่าวแบบนี้ไม่ได้เพิ่งเกิด หรือแปลกใหม่ มีเห็นตามเพจหนึ่งเป็นประจำ ยิ่งเผยแพร่เอามาลงเป็นข่าว ก็ยิ่งทำให้เกิดการเลียนแบบ”
“เด็กผู้หญิงสมัยนี้ ทำตัวน่ารังเกียจ นุ่งสั้นเท่าไหร่ได้ยิ่งดี แข่งกันทำสวย ไม่สนใจการเรียน ไอ้ที่ตบตีกันนี่ก็คงไม่พ้นเรื่องผู้ชาย”
ในฐานะที่เป็นบุคคลที่เรียกตนเองว่าแม่พิมพ์ของชาติ และมีหน้าที่ผลิตเยาวชนให้มีคุณภาพ “นคร สันธิโยธิน” อาจารย์ประจำโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ได้วิเคราะห์พฤติกรรมเด็กไทยผ่านทางทีมข่าว ASTV ผู้จัดการ Live ว่าจากเหตุการณ์รุนแรงในคลิปดังกล่าว ส่วนหนึ่งอาจมาจากการอบรมเลี้ยงดูภายในครอบครัวที่เด็กอาจจะได้รับความอบอุ่นไม่เพียงพอ
“มันพูดยากนะคะ อบรมเลี้ยงดูมาแตกต่างกัน แต่พฤติกรรมของวัยรุ่นมันก็เหมือนๆ กันนะคะ กี่ปีผ่านมามันก็จะมี อยากรู้ อยากโชว์ แต่ลักษณะแบบในคลิปนี้เขาเรียกว่ามีความรุนแรงเพราะถึงขั้นใช้คัดเตอร์กันเลย จริงๆ การทะเลาะเบาะแว้งมันก็เป็นเรื่องปกติของคน ถ้ามันรุนแรงมากเกินไปก็แสดงว่ามีปัญหาอะไรอยู่ในจิตใจหรือเปล่า หรืออาจจะเป็นเพราะครอบครัวไม่อบอุ่นหรือเปล่า
มันจะมาจากปัญหาครอบครัวหมดค่ะ เพราะถ้าเด็กอยู่แล้วมีความสุขก็จะไม่ค่อยมีปัญหา และจะไม่สร้างสถานการณ์ต่างๆ ที่มันรุนแรงมาก อีกทางหนึ่งคือเด็กอาจจะดูจากสื่อ อาจจะเห็นจากของจริง หรืออะไรต่างๆ ที่ทำไปแล้วมันต้องบอกว่าขาดความยับยั้งชั่งใจ เพราะฉะนั้น เวลาที่คนเราโมโห ควบคุมตัวเองไม่ได้ มันก็จะแสดงอาการต่างๆ แบบนี้ออกมา”
‘บางทียุคนี้สมัยนี้มันก็สายเกินแก้’ !!
อาจารย์ประจำโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ยังกล่าวต่อว่ามีวิธีการป้องกันเด็กในการปกครองไม่ให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้นเหมือนในอย่างกรณีนี้ โดยมีวิธีการสอนคือใช้เหตุการณ์จริงมาสอนเพื่อให้เด็กได้เห็นภาพอย่างชัดเจน และเมื่อได้คำตอบก็จะได้รู้ทัศนคติของเด็กแต่ละคนอีกด้วย
“ตอนที่สอนกันอยู่ตอนนี้จะมีบางกิจกรรมที่ลักษณะเหมือนยกตัวอย่างขึ้นมา อย่างคลิปนี้ก็ให้เด็กดู พอดูเสร็จเรียบร้อย ก็ถามเด็กว่าดูแล้วรู้สึกยังไงแล้วถามต่อว่าคนที่เห็นทั้งหมดคือคนอื่นใช่มั้ย ไม่ใช่ญาติพี่น้องก็เลยไม่รู้สึกอะไร ลองเปลี่ยนดูซิถ้าคนเหล่านี้คือญาติของเราที่มาตบตีกันแบบนี้ เราจะรู้สึกยังไง และเราได้รู้อะไรกับบทเรียนตรงนี้บ้าง ถ้าไม่อยากให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นกับตัวเราเราจะทำอะไรได้บ้าง
ซึ่งคำตอบของเด็กในห้องก็จะมีมากมายหลายรูปแบบว่าคนไหนคิดยังไง บางคนก็สะใจ บางคนก็รู้สึกไม่ดี บางคนก็มีแนวคิด มีวิธีการต่างๆ และก็ให้ข้อแนะนำ อย่างบางคนบอกถ้าเป็นเขา เขาก็จะไม่ทำ ถ้ามีเหตุการณ์อะไรขึ้นมาอันดับแรกต้องพูดคุยกันเลยค่ะ เราต้องกระตุ้นความใฝ่ดีออกมา ถ้ามันมีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น ต้องใช้วิธีการแก้ยังไง”
ถ้าจะให้กล่าวในมุมของพ่อแม่แล้ว ในฐานะที่เป็นอาจารย์คนหนึ่งจึงอยากฝากไว้ว่าครอบครัวจะอยู่กันได้อย่างอบอุ่นมีและความสุขได้นั้น ต้องใช้เหตุผลคุยกันอย่าใช้อารมณ์ในการตัดสิน ต้องเปิดใจรับฟังปัญหาของลูก เพราะยุคนี้ขึ้นชื่อว่ายุคสมัยใหม่ บางทีอะไรๆ ก็อาจจะสายเกินแก้
“มันก็ขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดูในแต่ละครอบครัวค่ะ ว่าเขาเลี้ยงกันมายังไง ดูแลกันมายังไง อย่างถ้าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น พ่อแม่บางคนไม่รับฟังเหตุผล ตีอย่างเดียว ด่าอย่างเดียว เด็กก็จะหนีหายเตลิดเปิดเปิงไป แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่พ่อแม่ใช้เหตุผลพูดคุยกัน บอกตลอดเวลาว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นนะลูก พ่อแม่รับได้ทุกเรื่องนะ ขอให้พ่อแม่รับรู้เป็นคนแรก อย่าให้พ่อแม่รับรู้เป็นคนสุดท้ายนะ ก็จะไม่เกิดเหตุการณ์เหล่านี้ขึ้น
สังเกตมั้ยคะเวลามีข่าวคราว หรือเหตุการณ์อะไรของลูก พ่อแม่จะรับรู้เป็นคนสุดท้าย แต่หน้าปากซอยหรือชาวบ้านเขารู้กันหมดแล้ว นี่คือสังคมไทยจะเป็นแบบนี้ไงคะ ถ้าเราไม่ยอมรับความจริง ถ้าเราไม่กล้าที่จะพูดความจริงกันก็จะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นซ้ำๆ อีก บางทียุคนี้สมัยนี้มันก็สายเกินแก้”
ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการLive
คลิปจาก cliphot zaa เว็บไซต์ยูทูบ
