ช่างกล้า! 2 พริตตี้สาวสวมชุดแดงสุดเซ็กซี่ บุกเขตวัดถ่ายวับๆ แวมๆ เพื่อแลกค่าตัว แถมท้ายด้วยการถ่ายคลิปเต้นขยี้ธรณี เขย่าวัฒนธรรม ยั่วเย้าอารมณ์ สร้างความเสื่อมเสียในเขตโบราณสถาน วัดไชยวัฒนาราม จ.พระนครศรีอยุธยา ด้วยคำอ้างที่ว่า “รู้เท่าไม่ถึงการณ์” สุดท้าย ถูกสังคมรุมประณามจนต้องเดินทางกลับไปขอขมาฟ้าดิน ณ จุดเกิดเหตุ พร้อมเข้ามอบตัว รับข้อหา “กระทำการอันน่ารังเกียจ เป็นที่เสื่อมเสียต่อศีลธรรมอันดีในเขตโบราณสถาน” ปฏิเสธลั่นไม่ได้อยากดัง วอนสังคมให้อภัยและอย่าเอาเป็นเยี่ยงอย่าง
ไม่ได้อยากดัง แค่ “รู้เท่าไม่ถึงการณ์”
(ขอขมาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ขอให้สังคมให้อภัย)
“ที่ไปเต้นโดยมีแบ็กกราวนด์เป็นสถานโบราณหรือสถานที่เก่าแก่ตามวัด เรารู้ว่าไม่สมควรก็ขอโทษทุกท่านและชาวอยุธยาด้วยค่ะ พวกเรารู้เท่าไม่ถึงการณ์ พวกหนูก็ขอโทษด้วยนะคะ”
"ก็ไม่อยากให้เอาเป็นเยี่ยงอย่างนะคะ เพราะมันเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม การที่เราได้ทำลงไป พวกเรารู้เท่าไม่ถึงการณ์ค่ะ พอรู้แล้วก็จำจนวันตายเลยค่ะ ก็อยากจะฝากน้องๆ พี่ๆ หรือลูกๆ หลานๆ ที่กำลังจะโตขึ้นมานะคะว่า จะทำอะไรให้รู้จักกาลเทศะ"
“ปลานิล-ธัญณิชา นามปัญญา” และ “จ๊ะเอ๋-นิธิกานต์ โชติธนพงศ์” พูดผ่านไมค์ในวันแถลงข่าวความคืบหน้าเกี่ยวกับกรณีที่เกิดขึ้นด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก ท่ามกลางสื่อมวลชนที่รุมล้อมและนายตำรวจที่คอยควบคุมความเรียบร้อย เผยเบื้องหลังคลิปหลุดสาวเซ็กซี่ชุดแดงที่เต้นเร่าๆ เร้าอารมณ์อยู่บริเวณด้านหน้าวัดไชยวัฒนาราม โบราณสถานภายในอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ว่าคือวีรกรรมของพวกเธอ 2 คนเอง ตั้งแต่เมื่อครั้งรับงานนุ่งน้อยห่มน้อย ไปถ่ายแบบในนั้นตั้งแต่เมื่อวันที่ 12 มิ.ย.ที่ผ่านมา
ที่เห็นว่าเรื่องกลับเพิ่งแดงเดือดทั่วโลกออนไลน์ออกมานั้น เป็นเพราะคลิปที่กะถ่ายเล่นๆ ตัดต่อเอาไว้ในแอปฯ มือถือตั้งแต่คราวนั้นดันหลุดออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ อย่างไรก็ตาม ล่าสุด ผู้ถูกสังคมประณามทั้งสองรายได้เดินทางไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ณ จุดเกิดเหตุ พร้อมจุดธูปเทียนไหว้ขอขมาสิ่งศักดิ์สิทธิ์เรียบร้อยแล้ว ทั้งจุดที่ถ่ายคลิปเต้นขยี้ธรณีและจุดต่างๆ ที่ได้ลงพื้นที่ถ่ายแบบโดยใช้สถานที่ศักดิ์สิทธิ์เป็นแบ็กกราวนด์โดยไม่คำนึงถึงความเหมาะสม
ท่ามกลางคำครหาว่า “สร้างกระแส” “อยากดัง” “อยากอัปค่าตัว” ฯลฯ ทั้งจ๊ะเอ๋และปลานิล ต่างยืนยันหนักแน่นว่าไม่เคยมีเจตนาให้เป็นเช่นนั้นเลย เพราะทั้งคู่ไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่าการรับงานถ่ายแบบตามที่ถูกว่าจ้าง ส่วนคลิปที่หลุดออกมานั้น ถ่ายขึ้นหลังจากเดินออกมาจากบริเวณวัดเรียบร้อยแล้ว ข้ามสะพานออกมาไม่ห่างจากนั้นมากนัก นึกครึ้มอยากถ่ายคลิปเอาไว้ดูเล่นๆ จึงพร้อมใจกันเต้นกระเด้งซ้ายขวาหน้าหลังอย่างไม่สนใจใคร เสร็จเอามาตัดต่อใส่เพลงเก็บเป็นที่ระลึก ไม่ทราบเหมือนกันว่าคลิปนั้นหลุดออกไปได้อย่างไร และหากรู้ว่าใครคือตัวการผู้นำคลิปนี้เผยแพร่ต่อสาธารณะ จะจัดการฟ้องร้องและดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
(คลิป แถลงข่าวรับข้อกล่าวหา ขออภัยสังคม)
จากปากคำอีกฝั่ง แม่ค้าขายของที่ระลึกประจำวัดไชยวัฒนาราม ผู้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดมาโดยตลอด บอกเอาไว้ว่าหญิงสาวทั้งสองรายนี้ มาพร้อมกับตากล้องชายอีกหนึ่งคน ซื้อตั๋วเข้าไปในบริเวณวัด และโบราณสถานพร้อมกับนักท่องเที่ยวทั่วๆ ไป จากนั้นก็ลงมือถ่ายภาพตามจุดต่างๆ ด้วยชุดสีแดงที่แลดูเร่าร้อนขัดกับฉากหลังของภาพถ่ายเป็นอย่างมาก ซ้ำยังยืนโพสท่าอยู่มากมายหลายมุมด้วยท่าทีที่เร้าอารมณ์ ยั่งยุ และขัดต่อกาลเทศะที่ควรแสดงออกเป็นอย่างมาก กระทั่งถ่ายทำมาถึงช่วงทางออกกำแพงแก้วของโบราณสถาน ทั้งคู่จึงปิดท้ายด้วยการถ่ายคลิปเต้นอยู่สักพักใหญ่ๆ ซึ่งเป็นการกระทำโดยตั้งใจ และดูมั่นใจมากทีเดียว
ทั้งนี้ รายละเอียดคดีทั้งหมดจะมีการลงลึกสอบสวนกันเพิ่มเติมในภายหลัง เนื่องจากพฤติกรรมของพริตตี้สาวทั้งสองรายนี้ เข้าข่ายการกระทำความผิดฝ่าฝืนกฎกระทรวง ตามความในมาตรา 34 พ.ร.บ.โบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ.2504 ที่ระบุเอาไว้ใน ข้อ 2(6) ว่า เป็นการกระทำการอันน่ารังเกียจ หรือเป็นที่เสื่อมเสียต่อศีลธรรมอันดีฯ ในเขตโบราณสถาน อันมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท ซึ่งจะส่งเรื่องต่อศาลแขวงจังหวัดพระนครศรีอยุธยาและดำเนินการฟ้องร้องในวันที่ 10 ส.ค.นี้
“พุทธแต่ในทะเบียนบ้าน” อย่าอ้างเหตุผลฟังไม่ขึ้น!
(คลิป "รู้เท่าไม่ถึงการณ์")
“สมัยนี้ ความละอายชั่วกลัวบาปมันน้อยลง อายุปูนนี้แล้ว ไม่ต้องให้ใครมาบอกว่าตรงนี้เหมาะหรือไม่เหมาะ มันเป็นโบราณสถาน เป็นสถานที่ทางศาสนา ถ้าไม่เอาตัวเองเข้าไป อย่างน้อยก็ต้องมีจิตใจที่ดีงาม เคารพ ไม่ใช่เข้าไปแล้วแต่งตัวไม่เหมาะสมและแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมออกไป มองว่าน่าจะอยากดังมากกว่า เหมือนยอมทำเพื่อซื้อข่าวลงหน้าหนึ่ง แล้วคนก็มาสนใจ บางทีคนเราอยากจะพรีเซนต์ตัวเอง ก็สามารถทำแบบนี้ได้
คนพวกนี้ พอได้ขึ้นข่าวหน้าหนึ่งปุ๊บ เขาก็จะติดลม เหมือนสื่อไปชงให้เขาดังอีกที ส่วนคำว่า “รู้เท่าไม่ถึงการณ์” ไม่น่าจะเป็นเหตุผลที่หยิบมาใช้ในเหตุการณ์นี้ได้ค่ะ น่าจะใช้คำว่า “อยากพรีเซนต์ตัวเอง” มากกว่า จะว่า “คึกคะนอง” ก็ไม่น่าใช่ เพราะเขาไม่ใช่วัยรุ่นแล้ว มองยังไงก็ไม่ให้น้ำหนักกับคำอื่น นอกจากคำว่า “ไม่ละอายชั่วกลัวบาป” ค่ะ”
ระเบียบรัตน์ พงษ์พานิช ช่วยแสดงทัศนะในประเด็นนี้ในฐานะ “นายกสมาคมเสริมสร้างครอบครัวให้อบอุ่นและเป็นสุข” ช่วยเผยความคิดเห็นแบบไม่จำเป็นต้องอ้อมค้อมว่า ต้นเหตุทั้งหมดมาจากความบกพร่องเรื่อง “จิตสำนึก” ของผู้กระทำ เพราะไม่ว่าจะมีคลิปเต้นหลุดออกมาหรือไม่ การแต่งตัววับๆ แวมๆ เข้าไปในเขตวัด-เขตโบราณสถาน ก็ถือเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่งอยู่ดี
“ยิ่งเป็นชาวพุทธด้วยแล้ว ยิ่งให้อภัยไม่ได้เลย ถ้าเป็นชาวต่างชาติ อาจจะพออนุโลมได้ ถ้าเป็นเพราะเขาไม่ใส่ใจในเรื่องความเชื่อและวัฒนธรรมเท่าไหร่ อย่างที่จะเคยเห็นว่าเขาเอาพระพุทธรูปเราไปวางไว้ตามที่วางรองเท้า พื้นบันได กรณีนั้นอาจจะใช้คำว่า “รู้เท่าไม่ถึงการณ์” ได้มากกว่าการโฆษณาขายสินค้า แต่กรณีที่เกิดขึ้นนี้ให้น้ำหนักเหตุผลเรื่องอะไรไปไม่ได้เลย นอกจากความไม่เหมาะสมที่แสดงออกมา
สังคมทุกวันนี้มันเลยกลายเป็นสังคมที่มองเห็นเรื่องวัตถุสำคัญกว่าเรื่องจะมานั่งพูดเรื่องวัฒนธรรม ความเหมาะสมไปแล้ว พอใครลุกขึ้นมาพูดเรื่องนี้ก็จะถูกหาว่า ดัดจริตบ้าง เต่าล้านปีบ้าง พอมีเหตุการณ์อะไรแบบนี้เกิดขึ้น จริงๆ แล้วส่วนตัวไม่ได้อยากจะออกมาแสดงทัศนะนะคะ แต่ถ้ามีคนอยากสัมภาษณ์และในฐานะที่เราเป็นนายกสมาคม เราก็มองว่ามันจำเป็นต้องพูด เพราะทุกวันนี้อะไรๆ ก็เป็นเชิงธุรกิจไปหมด เห็นผู้หญิงเป็นเครื่องมือในการทำมาหากิน โดยใช้เนื้อตัวร่างกายของผู้หญิงเป็นในการหาผลประโยชน์
อย่างดาราบางคนที่ใช้วิธีนี้ จากเดิมเคยมีค่าตัวหลักพัน พอมาสร้าง “ชื่อเสีย” ก็ได้ค่าตัวพุ่งเป็นหลักแสน สังคมมันป่วย เป็นสังคมติดเซ็กซ์ ก็เลยไม่มีใครมองว่าเป็นเรื่องร้ายแรงหรือผิดอะไร ทุกวันนี้ก็ได้แต่เป็นห่วงวัฒนธรรมไทยเราเรื่องการแต่งเนื้อแต่งตัวไปปรากฏตัวในที่สาธารณะ ต้องดูด้วยค่ะว่าสถานที่นั้นมันเหมาะหรือไม่เหมาะ
ยิ่งคนที่เป็นต้นแบบของสังคม บุคคลสาธารณะ นักแสดง นักร้อง คนที่มีแฟนคลับชื่นชอบ ยิ่งควรจะต้องทำตัวให้เป็นแบบอย่าง อย่างน้อยแฟนคลับเราเขาจะได้มองเห็นว่าพี่คนนี้เขาแต่งตัวเรียบร้อยนะ เรารักพี่เขา เราต้องแต่งตามเขา อย่างน้อยก็จะช่วยดึงวัยรุ่น-เยาวชนกลับมาได้บ้าง โดยเฉพาะกลุ่มที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรืออาจจะรู้บ้างไม่รู้บ้าง แต่อยากแต่งตามเทรนด์ที่ตัวเองชอบ ก็จะได้กลับมาฉุกคิดกันสักนิดหนึ่ง ต้องช่วยกันหน่อยค่ะ สงสารลูกหลานที่อาจจะได้รับผลกระทบต่อการกระทำรุนแรงทางเพศมากขึ้น
(บทเรียนราคาแพง)
กรณีนี้ ถ้าพยายามมองอย่างเข้าใจ มองมุมบวกหน่อย ตัวช่างภาพผู้ว่าจ้างหรือคนรุ่นใหม่ที่สร้างงานออกมา เขาอาจจะไปมองเรื่องการอยากได้ภาพฉากหลังสวยๆ เพราะมองว่าเมืองไทยเป็นเมืองท่องเที่ยว แต่ลืมนึกไปว่าภาพเหล่านี้มันไม่เหมาะสม ไม่ได้คิดถึงเรื่องที่นางแบบไม่นุ่งน้อยห่มนิดไปทำท่าน่าเกลียดๆ อยู่ในโบราณสถานแบบนี้”
ความเข้มงวดของการเข้าใช้สถานที่ศักดิ์สิทธิ์และโบราณสถานในบ้านเมืองเราก็ถือว่าอยู่ในระดับที่หละหลวมเป็นอย่างมาก ถ้าเป็นไปได้ นายกสมาคมเสริมสร้างครอบครัวให้อบอุ่นและเป็นสุข อยากให้มีการเตรียมการหลายๆ อย่างที่รัดกุมกว่านี้ และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการปลุกจิตสำนึก ให้เข้าใจถึงรากของคำว่า “พระพุทธศาสนา” ที่แท้จริง ไม่ใช่เพียง “ชาวพุทธปลอมๆ” อย่างที่หลายคนเป็นอยู่
“ส่วนตัวอยากให้แต่ละวัดมีผ้าไว้ให้เขาเช่า ผืนละ 20-50 บาทก็ได้ อย่างที่อินโดนีเซีย เขาจะไม่ให้เข้าสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ โบราณสถานของเขาเลยนะคะ ถ้าใครแต่งตัวไม่เรียบร้อย ถึงไม่มีพระในนั้น เขาก็ไม่ให้เข้า ต้องไปเช่าผ้ามาคลุมตัวให้เรียบร้อยถึงจะอนุญาต ส่วนเรื่องจะให้มีเจ้าหน้าที่มาคอยสอดส่องกันตามมุมวัดคงยากหน่อยค่ะ แต่ถ้าที่ไหนทำได้ก็จะดีมากเลย จะได้ช่วยไม่ให้มีคนเข้ามาทำให้ศาสนาเรากลายเป็นภาพลบซ้ำแล้วซ้ำอีก
ต้องบอกว่าสังคมทุกวันนี้คำนึงถึงเรื่องกาลเทศะกันน้อยลงมากจริงๆ ค่ะ อย่างวันนี้ เดินทางไปถึงสนามบิน เห็นผู้หญิงบางคนใส่กางเกงสั้นถึงแก้มก้นมาขึ้นเครื่อง ซึ่งมันไม่ใช่ เพราะที่นี่ไม่ใช่ชายทะเล คงต้องขอให้ผู้ที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ช่วยกันปราม คงต้องสอนกันเรื่อง “สำนึก” ให้มากๆ ต้องเริ่มปลูกฝังกันตั้งแต่เยาวชน ลูกหลานตัวเล็กๆ ของเราตอนนี้นี่แหละค่ะ ส่วนตัวยังไม่สิ้นหวังนะคะ ทุกวันนี้ที่ยังทำงานตรงนี้อยู่เพราะคาดหวังว่ารุ่นหลานๆ เรามันน่าจะดีขึ้น
หวังว่ากรณีที่เกิดขึ้นนี้น่าจะช่วยพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสได้ค่ะ ให้พวกเราช่วยกันฝากข้อคิดตรงนี้กันไว้ ทุกวันนี้ เราเป็น “พุทธในทะเบียนบ้าน” กันเยอะมาก จึงอยากให้ทุกคนเข้าวัดอย่างสร้างสรรค์โดยเฉพาะวัยรุ่นและเยาวชน เข้าไปเพื่อก่อให้เกิดประโยชน์และผลบวกต่อตัวเองและสังคม ให้ตัวเองมีความสุขกาย จิตใจสงบ และสังคมก็จะดีตามไปด้วยในที่สุด”
ข่าวโดย ASTVผู้จัดการ Live
ข่าวที่เกี่ยวข้อง (คลิก)
- 2 นางแบบสาวเข้ารับทราบข้อกล่าวหา ตร.กรุงเก่าฐานทำตัวไม่เหมาะสมเต้นหน้าวัดไชยวัฒนาราม (ชมคลิป)
รายละเอียดเพิ่มเติม (คลิก)>>> ตัวอย่างงานในเซ็กชั่น "ASTVผู้จัดการ Live"
มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram
"ASTVผู้จัดการ Live" และ "@astv_live" กันได้ที่นี่!!
และสามารถส่งข่าวสารและเรื่องราวร้องทุกข์ในสังคมมาได้: astvmanager.live.lite@gmail.com
หรือ โทร.0-2629-4488 ต่อ 1477, Fax 0-2629-4754