ตกเป็นข่าวอื้อฉาวกระฉ่อนโลก กรณีศึกแย่งชิงเด็กระหว่างคู่รักชายรักชายกับคุณแม่อุ้มบุญชาวไทย หลังแม่อุ้มบุญไม่ยอมเซ็นให้ลูกสาววัย 6 เดือนกลับประเทศ เหตุไม่ไว้ใจในรสนิยมทางเพศของทั้งคู่ แถมยังอ้างเรื่องค้ามนุษย์ ด้านคู่รักเกย์ยืนยันไม่ใช่ขบวนการค้ามนุษย์ พร้อมต่อสู้ทุกทางเพื่อลูกสาว ฟากโซเชียลฯ ให้กำลังใจล้นหลาม แถมจับพิรุธสาวอุ้มบุญ ขุดหลักฐานแฉแหลกลาน!
ศึกชิงเด็ก "คู่เกย์" VS "แม่อุ้มบุญ"
ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ประเด็นดรามาระหว่าง "คู่รักชายรักชาย" กับ "หญิงอุ้มบุญชาวไทย" กลายเป็นหัวข้อที่ใครหลายคนให้ความสนใจ และติดตาม รวมไปถึงช่วยกันขุดคุ้ยหาความจริงในความไม่ชอบมาพากลของทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะฝ่ายหญิงอุ้มบุญชาวไทยที่กำลังถูกโจมตีจากโลกโซเชียลฯ อย่างหนัก
ย้อนกลับไปถึงจุดเริ่มต้นของประเด็นดรามา "คุณออย" ซึ่งเป็นหยิงอุ้มบุญชาวไทยได้ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการเจาะข่าวเด่นทางช่อง 3 เพื่อทวงลูกคืนจากคู่รักชายรักชาย โดยเธอให้เหตุผลที่ไม่เซ็นยินยอมให้เด็กกลับประเทศเพราะมีหลักฐานว่าคู่รักร่วมเพศอาจเป็นขบวนการค้ามนุษย์
เธอเผยถึงสาเหตุที่ยอมอุ้มบุญให้เนื่องจากเข้าใจว่าเป็นคู่สามี-ภรรยาที่ไม่สามารถมีลูกได้ จึงยินดีทำให้ โดยได้รับเงินค่าจ้างทั้งสิ้น 4 แสนบาท ส่วนทางฟาก วีรุทัย มณีนุชเนตร ทนายความ ให้สัมภาษณ์ว่า คู่รักชายรักชายได้มีการให้แม่อุ้มบุญอีกคนหนึ่งอุ้มบุญให้ ซึ่งเป็นเด็กอายุรุ่นเดียวกับเด็กที่หญิงไทยอุ้มบุญให้ แถมใช้คำพูดที่ทำให้แม่อุ้มบุญเสื่อมเสียเพื่อบิดเบือนประเด็น ทั้งที่ความจริงแล้วกฎหมายไทยไม่ให้ทำการอุ้มบุญ ตนจึงทำหนังสือยับยั้งการเดินทางออกนอกประเทศของเด็ก เพราะไม่มั่นใจว่าคู่รักร่วมเพศมีความบริสุทธิ์ใจจริง
จากนั้น สื่ออีกช่องได้เดินทางไปสัมภาษณ์ทาง คุณกอร์ดอน แอลลัน เลค ชายรักชายชาวอเมริกันที่จ้างให้หญิงไทยอุ้มบุญผ่านบริษัทตัวแทน โดยเขาวอนขอให้หญิงอุ้มบุญเซ็นรับรองบุตร พร้อมปฏิเสธข้อกล่าวหาเรื่องการค้ามนุษย์ ก่อนยืนยันตนและคู่รักชาวสเปน (มานูเอล ซานโตส) ดูแลเอาใจใส่ และจ่ายค่าจ้างให้กับหญิงอุ้มบุญมาโดยตลอด รวมไปถึงค่าใช้จ่ายอื่นๆ แต่หลังจากคลอดลูกแล้วมักบ่ายเบี่ยงไม่มาพบ และไม่สามารถติดต่อได้
ทว่าทางฝั่งทนายความของฝ่ายหญิงที่รับอุ้มบุญ ยืนยันว่า ก่อนหน้านี้ยังคงติดต่อกับคู่รักชายรักชายอยู่ ซึ่งได้มีการเข้ามาพูดคุย เพื่อขอให้ตนไปเจรจากับคุณออย (หญิงที่รับอุ้มบุญ) เพื่อให้ยอมยกเด็กให้ตนพากลับประเทศ แต่ชายทั้ง 2 กลับให้ข่าวว่าติดต่อคุณออยและตนไม่ได้
อย่างไรก็ดี ทางคู่รักชายรักชาย ได้พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อพาลูกสาวกลับบ้าน โดยจัดแคมเปญรณรงค์เพื่อพาคาร์เมนกลับประเทศ ผ่านเว็บไซต์ change.org และเขียนข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Bringcarmenhome เพื่อหาทางพา "น้องคาร์เมน" ลูกสาวกลับบ้าน"
สวัสดีครับคุณปทิตตาDear Patidta, หลังจากที่ได้ดูรายการสัมภาษณ์ที่ช่อง 3 ที่คุณมาให้สัมภาษณ์กับที่ปรึกษาด้านกฎหมาย ผมอ...
Posted by Bringcarmenhome on Wednesday, July 22, 2015
นี่คือครอบครัวของเราที่เสปน พวกเขาได้รอคอยเราตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ซึ่งเราได้ตั้งใจว่าจะกลับบ้านไปพร้อมกับคาร์เมนตัวน้อย...
Posted by Bringcarmenhome on Tuesday, July 21, 2015
ล่าสุด คุณออยได้ให้สัมภาษณ์ผ่านช่องทีวีดิจิตอลชื่อดัง บอกว่า ยินดีคืนเงินค่าจ้างอุ้มบุญทั้งหมดเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ พร้อมย้ำถึงเหตุผลที่ไม่ยอมมอบสิทธิ์ในการเลี้ยงดูเด็กให้คู่รักชายรักชาย ไม่ใช่เพราะเป็นคู่เกย์ แต่พบความไม่ชอบมาพากลในหลายประเด็น โดยเฉพาะข้อมูลส่วนตัว ที่ไม่ยอมเปิดเผยความจริง ก่อนจะยืนยันเรื่องความพร้อมในการการเลี้ยงดูเด็กว่าสามารถดูแลได้ เนื่องจากมีรายได้ที่เพียงพอ
สำหรับ คุณออย เป็นหญิงรับอุ้มบุญที่ได้ค่าจ้าง นอกจากนั้น ยังมีข้อมูลชี้แจงจากอีกฝ่ายพบว่า เคยรับจ้างอุ้มบุญมาแล้ว 2 ครั้ง โดยครั้งแรก (เดือนเมษายน) ไปฝังเอมบริโอ (ไข่ที่ได้รับการปฏิสนธิแล้วจะโตไปเป็นเด็กทารกในอนาคตข้างหน้า) แต่ไม่สำเร็จ และการฝังเอมบริโอครั้งนี้ ไม่ใช่ของคุณกอร์ดอน ส่วนครั้งที่ 2 (เดือนพฤษภาคม) ฝังสำเร็จ โดยสเปิร์มเป็นของคุณกอร์ดอน ส่วนไข่เป็นของผู้บริจาคอีกท่าน ไม่ใช่ของคุณออย
นอกจากนั้น ยังเผยข้อมูลอีกว่า การอุ้มบุญทำได้โดยหญิงโสด หรือผู้หญิงที่หย่าแล้วเท่านั้น แต่ทางบริษัทตัวแทนยืนยันว่า คุณออยโสด แถมยังมีเทปบันทึกเสียงอย่างชัดเจนกรณีเปลี่ยนใจ ไม่เซ็นยินยอมให้เด็กออกนอกประเทศเพียงเพราะเป็นคู่รักชายรักชาย พร้อมอ้างเหตุผลว่า ไม่สามารถเลี้ยงดูและอบรมให้การศึกษาเด็กได้
จับพิรุธ แฉแหลกแม่อุ้มบุญ!
ทันที่ที่ข่าวเผยแพร่ออกไป มีผู้ใช้งานโซเชียลเน็ตเวิร์กจำนวนมากเข้ามาให้กำลังใจคู่รักชายรักชายอย่างล้มหลาม แถมยังช่วยกระจายข่าวออกไปในวงกว้างเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม ในขณะที่บางส่วนได้โพสต์ข้อความ พร้อมขุดหลักฐานขึ้นมาแสดงถึงเจตนาไม่บริสุทธิ์ของหญิงอุ้มบุญรายนี้
หนึ่งในนั้นคือ เพจแม่อุ้มบุญ Patidta Kusonsrang-แฉหมดเปลือก โดยเขียนรายละเอียดเกี่ยวกับเพจดังกล่าวนี้ว่า "แฉหมดเปลือก คุณปทิตตา แม่อุ้มบุญหรืออุ้มบาป? มาดูกันว่าหลักฐานที่คุณที่ปรึกษาทางกฎหมายมีกับหลักฐานที่พวกเรามีหลักฐานไหนมันจะแน่นกว่ากัน"
ทางเพจให้ความสนใจกับประเด็นความพร้อมในการรับเลี้ยงเด็กของฝ่ายแม่อุ้มบุญที่ต้องการทวงเด็กคืนจากคู่รักชายรักชาย ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องความปลอดภัยของเด็กที่ต้องอยู่ในมือของผู้หญิงที่ถือปืนเถื่อนข่มขู่คู่ต่อสู้ลงเฟซบุ๊ก ฐานะทางบ้าน สภาพแวดล้อมภายในบ้าน รวมไปถึงความรัก ความเอาใจใส่ของสามีที่ไม่เห็นด้วยกับการรับอุ้มบุญตั้งแต่แรก แม้จะบอกในรายการเจาะข่าวเด่นว่า สามีรักและเอ็นดูเด็กอุ้มบุญก็ตาม
นี่หรอคะคุณปทิตตาบ้านคนมีฐานะ ที่จะให้น้องคาร์เมนไปอยู่? และส่งเรียนอินเตอร์? Poor Carmen :'(#TeamCarmen #bringcarmenhome #ทีมคาร์เมน
Posted by แม่อุ้มบุญ Patidta Kusonsrang - แฉหมดเปลือก on Thursday, July 23, 2015
นอกจากนั้นยังมีการขุดคุ้ยหลักฐานที่เชื่อกันว่า หญิงรับอุ้มบุญรายนี้ มีการวางแผนอยากเก็บเด็กไว้เองตั้งแต่แรก เห็นได้จากอัลบั้มรูปในเฟซบุ๊กส่วนตัว และข้อความแชตที่ทางเพจเอามาแฉ แสดงออกอย่างชัดเจนว่าคลั่งไคล้เด็กลูกครึ่งมาก รวมไปถึงการหยิบเอกสารหลักฐาน พร้อมคำอธิบายอย่างละเอียดเพื่อให้ลูกเพจได้นำไปใช้พิจารณาว่าคุณกอร์ดอน แอลลัน เลค หนุ่มเกย์ชาวอเมริกัน เข้าข่ายขบวนการค้ามนุษย์หรือไม่
สำหรับบางคนที่ยังเคลือบแคลงใจในเอกสาร หรืออาจจะบอกว่า ยังคะ! ยังโปร่งใสไม่พอ เพราะเอกสารที่แอดนำมาแชร์ก่อนหน้านั้นเป็นแค...
Posted by แม่อุ้มบุญ Patidta Kusonsrang - แฉหมดเปลือก on Sunday, July 26, 2015
จ้างอุ้มบุญ สิทธิเป็นของใคร
เมื่อพูดถึงความเป็นไปได้ในการนำตัวเด็กออกนอกประเทศ "ระรินทิพย์ ศิโรรัตน์" อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชนกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อว่า คู่รักร่วมเพศชาวต่างชาติหากจะอาศัยกระบวนการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม เพื่อนำออกนอกประเทศนั้นเป็นไปไม่ได้ เพราะตามกฎหมายไทยต้องเป็นคู่สามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย และยิ่งเป็นชาวต่างชาติจะต้องมีการประสานผ่านองค์กรที่มีอำนาจหน้าที่ในเรื่องการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมของประเทศนั้นๆ
ด้านทนายที่ใช้นามแฝงว่า "ทนายพรีส" ได้เขียนบทความเรื่อง "คู่ชายรักชายฝรั่ง จ้างอุ้มบุญ สิทธิเป็นของใคร เข้าใจให้ชัดเจน" และลงไว้ในเว็บไซต์ lgbtnewsthailand โดยเขียนแนะนำในทัศนะส่วนตัวว่า หากคู่รักชายรักชายจะขอสิทธิในการดูแลเด็กควรรอให้ พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ.2558 หรือพ.ร.บ.อุ้มบุญ มีผลบังคับใช้ก่อน (ครบกำหนดให้ใช้ได้เดือนสิงหาคม 2558) ถ้าดำเนินการในตอนนี้ "ผู้อุ้มบุญ" จะถูกคิดคำนึงว่าเป็นมารดาที่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะถูกยึดโยงจากหลักการคลอด
อย่างไรก็ดี เมื่อใช้ พ.ร.บ.อุ้มบุญกับกรณีตามข่าวนี้ ทนายพรีสเขียนว่า ตามจริงแล้ว กฎหมายที่มีโทษทางอาญาจะไม่มีผลย้อนหลัง แต่สิทธิ และหน้าที่ระหว่างบิดา และบุตรเกิดขึ้นตามความเป็นจริง หากมิใช่ไข่ของหญิงที่ทำการตั้งครรภ์แล้ว มีกฎหมายอีกหลายประเทศที่มีความเห็นว่า หญิงรับอุ้มบุญนั้น ไม่ใช่มารดาของเด็ก รวมทั้งไทยด้วย
"ทัศนคติของผู้พิพากษาก็มีส่วนสำคัญเช่นกันในการวินิจฉัยว่า คู่ชายรักชายเป็นอันตรายต่อเด็กหรือไม่ ขัดต่อหลักความผาสุกและประโยชน์ของเด็กนั้นเป็นสําคัญหรือไม่ ถ้าถอดทัศนอคติออก ย่อมจะไม่ขัด" ทนายพรีสเขียนแสดงทัศนะไว้ตอนหนึ่งในบทความดังกล่าว
สุดท้ายแล้วเรื่องนี้จบลงอย่างไร คงต้องติดตามกันอย่างกระชั้นชิดต่อไป
ข่าวโดย ASTVผู้จัดการ Live
รายละเอียดเพิ่มเติม (คลิก)>>> ตัวอย่างงานในเซ็กชั่น "ASTVผู้จัดการ Live"
มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram
"ASTVผู้จัดการ Live" และ "@astv_live" กันได้ที่นี่!!
และสามารถส่งข่าวสารและเรื่องราวร้องทุกข์ในสังคมมาได้: astvmanager.live.lite@gmail.com
หรือ โทร.0-2629-4488 ต่อ 1477, Fax 0-2629-4754