xs
xsm
sm
md
lg

นางงามยุคทำใจ! ถูกแฉลูกเป็ดขี้เหร่ก่อนกลายเป็นหงส์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


"น้องแนท อนิพรณ์ เฉลิมบูรณะวงศ์" มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2015 ถูกชาวเน็ตรุมขุดภาพเก่าๆ วิพากษ์ว่าเป็นลูกเป็ดขี้เหร่ขึ้นเขียงก่อนมาประกวดนางงาม หรือสวยแบบก้าวกระโดดจนเกินไป ชี้ให้เห็นว่าคิดที่จะเป็นนางงามในยุคนี้ต้องทำใจ หากใครมีอดีตที่ไม่ดี โดนแฉแน่ หากใครมีโปรไฟล์ดี ก็ถือว่าโชคดีไป!

มาไกลมาก มิสยูนิเวิร์สคนล่าสุด

สิ้นสุดไปแล้วสำหรับการประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2015 และผู้ที่ได้ครองมงกุฎคือ "น้องแนท อนิพรณ์ เฉลิมบูรณะวงศ์" สาวน้อยจากจังหวัดลำปาง วัย 21 ปี จากรั้วแม่โดม ทันทีที่สิ้นสุดการตัดสินไม่กี่ชั่วโมงต่อมามีมือดีขุดภาพอดีตต่างๆ ออกมาแฉ เป็นภาพวัยเรียนสมัยมัธยมต้นในชุดนักเรียนผูกคอซอง นำมาเปรียบเทียบกับภาพในปัจจุบันว่อนโลกสังคมออนไลน์

โดยวิพากษ์วิจารณ์กันว่าเมื่อน้องแนทเข้ามหาวิทยาลัย ก็เปลี่ยนไปกลายเป็นคนละคน กลายเป็นสาวสวยดาวคณะสังคมสงเคราะห์ พ่วงตำแหน่งดาวมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าทำไมออร่าความสวยไม่โดดเด่นเท่ากับในปัจจุบัน และวิพากษ์ว่าน้องแนทไม่ได้สวยธรรมชาติ อีกทั้ง ยังเป็นนางงามที่มีพัฒนาการด้านหน้าตาก้าวกระโดดมาไกลมาก






ทั้งนี้ เมื่อภาพดังกล่าวแพร่สะพัดออกไป ผู้คนส่วนใหญ่มีความคิดเห็นในเชิงไม่เห็นด้วยในทำนองที่ว่าเรื่องหน้าตานั้นคนเรามีการพัฒนากันได้ และรูปที่โดนขุดนั้นเป็นรูปสมัยเด็ก ควรหันมาเอาใจช่วยให้ได้มงกุฎในการประกวดมิสยูนิเวิร์สจะดีกว่า

“ผู้เขียนช่วยสนใจและให้ความสำคัญกับเรื่องคำสัมภาษณ์ของน้องที่มีต่อการพัฒนาประเทศ ช่วยเหลือคนชรา เด็ก คนพิการ หน่อยมั้ยคะ น้องเขาเรียนด้านนี้มาค่ะ”

“น้องออกรายการ เรื่องเล่าเช้านี้ บอกบอกตัวหนูเองค่ะ น้องเค้ามีพัฒนาการสวยขึ้นก็ไม่แปลกเพราะถ้าอ้วนแล้วออกกำลังกาย จนผอมหุ่นเฟิร์มสวย จริงๆ”

“กองประกวดเลือกมาแล้ว ถึงแม้จะมีเรื่องดีและไม่ดี อย่างทุกคนควรมีโอกาสนะ ไม่ใช่จะมาซ้ำกันอีก โอกาส รู้จักหรือเปล่า”

“คนเราทุกคนไม่ได้สวยแต่เกิดหรอกค่ะ แต่โตมาแล้วพัฒนาการความสวยเพิ่มมากขึ้นแสดงว้าเขาใส่ใจดูแลตัวเอง แล้วได้ตำแหน่งมาก็เพราะความสามารถน่าชื่นชมน้องแนทค่ะ”

“ตั้งแต่สมัยใส่หูกระต่าย โตมาจะไม่ให้สวยดูดีบ้างเลยหรือไง อดีตเขาจะสวยหรือไม่สวย แต่ปัจจุบันสวยได้ตำแหน่งก็ควรจะเอาใจช่วยให้ได้มงกุฎใหญ่ต่อไปไม่ใช่ไปหาภาพอะไรมาเปรียบเทียบ อีกหน่อยก็ไม่มีใครกล้ามาประกวดหรอกเพราะเขาเบื่อ เขาเซง เราเห็นเรายังเซงแทนเลย”

ประเด็นการขุดภาพนางงามเห็นจะเป็นธรรมเนียมไปเสียแล้ว เท่ากับว่าเป็นนางงามยุคนี้ต้องทำใจเพราะหากคนที่ได้ตำแหน่งไม่ได้มีโปรไฟล์ที่ดี ชาวเน็ตจะรุมขุดภาพเก่าๆ ในชีวิตของเธอ เรียกว่าใครเน่า โดนแฉแน่ เฉกเช่น กรณี “น้ำเพชร สุณัณณิการ์ กฤษณสุวรรณ” อดีตรองอันดับ 2 มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2014 ที่โดนแฉเช่นเดียวกัน

โดยภาพหลุดเป็นพริตตี้ นัวเนียหนุ่ม แหกขาบนรถหรูแลกเงิน หลังเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ตามมามากมาย ทั้งฝ่ายที่ให้กำลังใจ และฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยในการกระทำของน้ำเพชร โดยเฉพาะรุ่นพี่นางงาม ที่ลุกขึ้นมาจวกน้ำเพชรแทบไม่มีชิ้นดี เพราะทำให้เวทีอันทรงเกียรติมัวหมอง

ทำใจเถอะ! แฟนพันธ์แท้นางงามฟันธง!

สำหรับนางงามในยุคนี้ต้องทำใจเพราะว่าผู้ชมทุกคนเป็นสื่อได้หมด แล้วคนทุกคนก็มีพื้นที่ส่วนตัว แต่อย่าลืมว่าพื้นที่ส่วนตัวมันจะต้องไม่ไปละเมิดสิทธิ์ของคนอื่นเขาด้วย ในส่วนของนางงามแล้วนอกจากทำใจก็ทำไรไม่ได้ เพราะว่าเมื่อก้าวเข้ามายืนอยู่ตรงนี้แล้ว เรียกว่าอยู่ในสปอร์ตไลต์หรือว่าอยู่ในความสนใจของผู้คน

มีทั้งคนชอบแล้วก็คนไม่ชอบ อย่าลืมว่าการประกวดครึ่งหนึ่งมีผู้ร่วมเวทีอย่างน้อย 40 คน คนที่ได้ตำแหน่งมีแค่ 5 คน แล้วคนที่ได้ตำแหน่งสูงสุดมีคนเดียว ดังนั้นอีก 39 คน หรือ 35 คน ก็อาจจะไม่พอใจ อาจจะไม่ชอบในตัวเรา”

“หนุ่ม-ประเสริฐ เจิมจุติธรรม” แฟนพันธุ์แท้นางงามและผู้เชี่ยวชาญด้านการประกวดสาวงามอันดับหนึ่งของประเทศไทย แสดงความคิดเห็นเอาไว้ และกล่าวเสริมต่อว่า ด้วยความที่นางงามแต่ละคนมีกองเชียร์เป็นของตนเอง ดังนั้น จึงเป็นเรื่องที่ต้องทำใจว่าอาจจะต้องโดนโจมตีหรืออาจจะต้องโดนวิพากษ์วิจารณ์ในแง่ลบบ้าง




ทว่า ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ถือว่าเป็นเรื่องก็ต้องแลกกัน เพราะชื่อเสียงที่ได้มานั้นคงไม่ได้มาเปล่าๆ ต้องมีอะไรที่แลกกลับคืนไป นั่นก็คือเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นานานั่นเอง แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่ง เพราะท้ายที่สุดแล้ว ผลงานก็จะเป็นตัววัดว่าเรามีความเหมาะสมแค่ไหน

ส่วนประเด็นที่ว่า "น้องแนท อนิพรณ์ เฉลิมบูรณะวงศ์" มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ คนล่าสุด โดนชาวเน็ตขุดภาพสมัยก่อนขึ้นมาเปรียบเทียบกับรูปภาพในปัจจุบัน และโดนต่อว่า ว่าเธอมีพัฒนาการด้านความสวยมาไกลเหลือเกิน จนบางคนตั้งข้อสงสัยว่าน้องอาจจะไม่ได้สวยแบบธรรมชาติ

ผู้เชี่ยวชาญด้านการประกวดสาวงาม ให้ความเห็นในเรื่องนี้ว่า สมัยนี้การทำศัลยกรรมไม่มีผลต่อการประกวดแล้ว เนื่องด้วยปัจจุบันสังคมไทยค่อนข้างเปิดกว้าง และการเสริมจุดเด่น ทำตนเองให้ดูดีขึ้นนั้นถือเป็นเรื่องที่ปกติมาก เพราะไม่มีใครเกิดมาเพอร์เฟกต์ร้อยเปอร์เซ็นต์




“คิดว่าสมัยนี้ไม่มีผลแล้วนะ ถ้าการทำศัลยกรรมทำให้เสียส่วน เช่น บางคนอาจจะทำแล้วจมูกโด่งเกินไป หรือบางคนทำหน้าอกมาแล้วใหญ่เกินไป ทำให้สัดส่วนบนใบหน้าไม่บาลานซ์กัน ทางกองประกวดก็คงคำนึงถึง ตอนนี้คิดว่าบ้านเราค่อนข้างจะเปิดกว้าง อย่างทางแถบอเมริกาใต้ การทำศัลยกรรมเป็นเรื่องปกติมาก บนโลกนี้ไม่มีใครเกิดมาพร้อมกับความเพอร์เฟกต์ 100 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้น การทำศัลกรรมเพื่อให้ตัวเองดูดีขึ้น หรือให้ตัวเองมีบุคลิกภาพที่ดีขึ้น ลบจุดด้อย เสริมจุดเด่น คิดว่าเป็นเรื่องปกติแล้ว สมัยนี้เขาไม่ถือแล้ว”

ส่วนมาตรฐานความงามของเหล่าผู้เข้าประกวดที่กูรูคิดว่าลงตัวที่สุดและเหมาะสมที่จะเป็นตัวแทนของประเทศไทย ภายนอกต้องเป็นสาวงามที่แสดงออกถึงความเป็นไทยอย่างเห็นได้ชัดทั้งรูปร่างหน้าตาและสีผิว ส่วนภายในต้องเป็นบุคคลที่มีความมั่นใจและที่สำคัญต้องไปประกวดเพื่อที่จะเอาชนะไม่ใช่ไปประกวดเล่นๆ

“อย่างแรกคือมีความเป็นไทยก่อน หมายความว่ารูปร่างหน้าตาเป็นแบบไทย ผิวพรรณแบบคนไทย คือผิวสีน้ำผึ้ง เพราะว่ามันควรจะสวยงามตามเชื้อชาติ แล้วก็ต้องมีส่วนสูงที่เทียบกับสากลได้อย่างน้อยต้องไม่ต่ำกว่า 175 เซนติเมตร แล้วก็ถ้ามีช่วงขายาวกว่าช่วงตัวได้จะดีมาก เพราะเวลาใส่ชุดว่ายน้ำ หรือใส่ชุดราตรี หรือว่าเวลาเดินหรือเวลาโพสท่า คนที่มีช่วงขายาวจะได้เปรียบ หลักๆ ภายนอกจะเป็นประมาณแบบนี้ ภายในก็คือ ถ้าเป็นตัวแทนของประเทศเพื่อไปประกวดยังเวทีนานชาติ ต้องเป็นคนที่มีความมั่นใจ มีความกล้าคิดกล้าทำกล้าแสดงออก แล้วก็มีความอยากจะเป็นนางงาม ไปประกวดนางงามเพื่อที่จะเอาชนะ ไม่ใช่ไปเล่นๆ”





สมัยนี้ต้อง “สวย 360 องศา”

วิธีการคัดเลือกนางงามในปัจจุบันกับสมัยก่อน ถือว่าแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เพราะสมัยก่อนนั้นไม่จำเป็นว่าต้องพูดภาษาอังกฤษได้ แค่มีหน้าตาสวย และรูปร่างดีถือว่าผ่านแล้ว ทว่า ในปัจจุบันนอกจากภายนอกจะมีความสวยแล้ว ยังต้องเป็นคนที่สามารถร่วมงานในหลายมิติได้ด้วย เช่น การเป็นดารา นักแสดง อีกทั้ง ยังต้องมีความฉลาดหลักแหลม และมีความคิดในหลายๆ ด้าน เรียกว่าต้องสวยครบ 360 องศาเลยทีเดียว แฟนพันธุ๊แท้นางงามให้ข้อมูลเพิ่มเติม

“สำหรับสมัยก่อนกับสมัยนี้คิดว่ามีความต่างกันบ้างในหลายๆ จุด อย่างแรกคือว่าในยุคก่อน รอบสัมภาษณ์หรือสติปัญญาอาจจะไม่ได้มีความสำคัญมากเท่ากับสมัยนี้ อย่างสมัยก่อนเราจะเห็นได้เลยว่าตัวแทนที่ไปประกวดมิสยูนิเวิร์สหรือว่านางงามนานาชาติอื่นๆ บางคนไม่สามารถจะพูดภาษาอังกฤษได้ ก็ไม่เป็นไร ก็ส่งไป ขอให้มีความสวย รูปร่างดี ก็ใช้ได้แล้ว และในอดีตอาจจะออกงานให้กับสปอนเซอร์ด้วย หรือว่าอย่างเก่งๆ เลยก็มาเป็นดารานักแสดงในสังกัด แล้วก็ค่อยๆ ฝึกฝน พัฒนากันไป

แต่สมัยนี้ไม่ได้แล้ว เพราะด้วยความที่โลกแคบลง แล้วก็กองประกวดเองก็ไม่ได้คำนึงถึงแค่ว่า ส่งไปประกวดเมืองนอกแล้วก็จบกัน แต่ว่าเดี๋ยวนี้ทุกกองประกวด ยิ่งเวทีระดับประเทศจะมีสัญญา เช่นการเป็นสัญญานางงาม 1 ปี แล้วก็บวกกับสัญญานักแสดงอีก 3 ปี หรือ 5 ปี ก็แล้วแต่นโยบายแต่ละค่าย




ดังนั้น ในการคัดเลือกนางงามให้อยู่ในสังกัดของเรา เปรียบเทียบเหมือนการสมัครงาน แต่ละคนต้องถูกสัมภาษณ์ในหลายๆ รอบว่าจะทำงานร่วมกับกองประกวดในระยะยาวได้หรือไม่ นอกจากจะวัดความสวยความงามแล้ว IQ EQ MQ ต่างๆ คิดว่ากองประกวดก็เอามารวมด้วย เพื่อจะหาคนที่เหมาะสมเพื่อที่เป็นตัวแทนของประเทศ รวมทั้งสามารถจะร่วมงานกันได้ในระยะยาว แต่สมัยนี้นางงามอาจจะถูกสัมภาษณ์บ่อย จะต้องมีความคิดเห็นในหลายๆ ด้าน เลยจำเป็นที่จะต้องเลือกคนที่มีวุฒิภาวะที่ดี สามารถพูดได้ หรือเป็นคนพูดเก่ง ก็ต้องสวยครบ 360 องศา"

“ไข่มุก-ชุติมา ดุรงค์เดช” มิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส ประจำปี 2552 และ “ปุ๊กลุก-ฝนทิพย์ วัชรตระกูล” มิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส ประจำปี 2553 คือนางงามที่คิดว่าเหมาะสมที่สุดและเป็นตัวอย่างนางงามในยุคหลังได้อย่างดีทีเดียว ผู้เชี่ยวชาญด้านการประกวดสาวงามอันดับหนึ่งของประเทศไทย กล่าวชื่นชมทิ้งท้าย

“ถ้าเทียบเคียงเวทีเดียวกันก็อย่าง น้องไข่มุก และ น้องปุ๊กลุก คิดว่า 2 คนนี้เป็นตัวอย่างที่ดีมากๆ สำหรับนางงามในยุคหลัง ที่มีความงามอย่างไทย แต่ว่ามีความคิดค่อนข้างไปทางสากล มีความเป็นสากลอยู่ในตัวเอง แล้วก็เป็นคนที่รักการประกวด ไปประกวดเพื่อชื่อเสียงของประเทศ ไปเพื่อชัยชนะ จะได้ตำแหน่งหรือไม่ได้ตำแหน่งน้องก็ทำอย่างสุดความสามารถ ในฐานะที่เราเป็นคนเชียร์ เรามองเห็นถึงความมุ่งมั่น และความตั้งใจของน้อง 2 คนนี้ ถือว่าเป็นตัวอย่างที่ดี”





ข่าวโดยASTV ผู้จัดการLive




รายละเอียดเพิ่มเติม (คลิก)>>> ตัวอย่างงานในเซ็กชั่น "ASTVผู้จัดการ Live"




มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram

"ASTVผู้จัดการ Live" และ "@astv_live" กันได้ที่นี่!!


และสามารถส่งข่าวสารและเรื่องราวร้องทุกข์ในสังคมมาได้: astvmanager.live.lite@gmail.com
หรือ โทร.0-2629-4488 ต่อ 1477, Fax 0-2629-4754



กำลังโหลดความคิดเห็น