ฉาวขึ้นพาดหัวข่าวอยู่บ่อยครั้ง สำหรับ "พจน์ อานนท์" ผู้กำกับหนังชื่อดัง โดยเฉพาะผลงานหนังที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์จนบางเรื่องเจ้าตัวเคยตอบโต้ด้วยการด่าพ่อล่อแม่มาแล้ว ล่าสุด มอ 6/5 ปากหมาท้าผี 3 ก็ถูกวิจารณ์ตั้งแต่เนื้อเรื่องไปจนถึงคนทำหนัง เกิดเป็นการฟ้องร้องเพราะทนไม่ได้ที่มีคนมาด่า-ดูถูกความสามารถ จุดชนวนบานปลาย กลายเป็นกระแสชวนคิด ทำไมหนังไทยในอุ้งมือผู้กำกับคนนี้ถึงมีประเด็นดรามาได้ตลอด
"พจน์ อานนท์" ผู้กำกับหนังสุดฉาว!
จากอดีตแมวมองนักปั้นชื่อดัง ผันตัวเองมาเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ที่ได้ชื่อว่าฉาวที่สุดในวงการหนังไทย แถมยังมีข่าวฉาว ข่าวแขวะ ข่าวเกาเหลากับดาราไปทั่ว แต่ที่ได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์หนักสุด เห็นจะเป็นผลงานหนังของ "อานนท์ มิ่งขวัญตา" หรือที่รู้จักกันดีในชื่อของ "พจน์ อานนท์" หรือ "พชร์ อภิรุธ" ในชื่อใหม่ โดยเฉพาะหนังที่เจาะกลุ่มเพศที่สาม เอาใจสาววายด้วยการนำนักแสดงหนุ่มหน้าใหม่มาเป็นตัวชูโรง พร้อมฉากวาบหวิวที่ทำเอาทั้งเก้ง กวาง บ่าง ชะนีกรี๊ดกร๊าดกันยกใหญ่ แต่ในขณะเดียวกันก็มีกลุ่มคนที่ไม่ปลื้มค่อยกับหนังของผู้กำกับคนนี้ด้วยเหมือนกัน
ไม่แปลกที่กระแสสังคมออนไลน์จะออกมาวิจารณ์หนังในด้านลบ กระทั่งมีการโต้ตอบกันอย่างดุเดือดผ่านทางกระทู้สนทนาในเว็บบอร์ดชื่อดังต่างๆ โดยเรื่องที่ถูกวิจารณ์อย่างหนักผ่านโลกโซเชียลจนบานปลายกลายเป็นกระแสใหญ่โต คงจะหนีไม่พ้น สตรีเหล็กตบโลกแตก หรืออีกเรื่องคือ วัยเป้งง นักเลงขาสั้น ซึ่งเรื่องนี้มีข่าวว่าตัวผู้กำกับเองรับไม่ได้จนต้องโพสต์ข้อความตอบโต้ถึงขั้นด่าพ่อล่อแม่กันเลยทีเดียว
ล่าสุดกับหนังเรื่องใหม่ มอ 6/5 ปากหมาท้าผี 3 เกิดเป็นกระแสดรามาตั้งแต่หนังยังไม่เข้าฉาย เรื่องนี้ สมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด มองว่าผู้กำกับดังไม่นึกถึงจิตใจญาติผู้สูญเสียเลย พร้อมถามอีกว่ายังมีสามัญสำนึกในการสร้างหนังอยู่หรือเปล่า โดยระบุข้อความดังนี้
"…ถึงคุณพจน์ อานนท์ การที่คุณจะทำหนังเรื่อง มอ 6/5 กล้าท้าผีหนีสึนามิ คุณได้พิจารณาถึงความรู้สึกของญาติผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์บ้างหรือเปล่าการเป็นผู้กำกับหนังไม่ต้องใช้สามัญสำนึกในการทำงานบ้างหรือ? นี่มันพล็อตหนังสุดยอดของผู้กำกับไทยคนนี้หรือ ?…"
กระทั่งวันที่หนังเข้าฉาย ก็ไม่วายที่จะมีเสียงวิจารณ์เข้ามาอย่างหลากหลาย ทั้งความเหมาะสมของเนื้อหา และคำหยาบที่เกินจำเป็น จนเกิดเรื่องฟ้องร้องระหว่าง "ผู้กำกับชื่อดัง" กับผู้ที่ใช้ชื่อแฟนเพจ "นนนี่ ขี้ไม่ราด" โดยสาเหตุของเรื่อง ผู้กำกับชื่อดังเผยว่า อีกฝ่ายได้มีการโพสต์คลิปหมิ่นประมาทในลักษณะทำนองว่าตนไม่มีความสามารถในการทำหนัง ไม่มีฝีมือ ทำหนังทุนต่ำมาหลอกเอาเงินคนดู ซึ่งทำให้ตน และบริษัทผู้สร้างเสียหาย แต่ที่ทำให้เดือดสุดๆ ก็คือ ผู้โพสต์ยังไม่มีโอกาสได้ชมภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวแต่อย่างใดเลย
ต่อกรณีการฟ้องร้องที่เกิดขึ้น ผู้กำกับชื่อดังให้สัมภาษณ์ผ่านทีมข่าว "ซูเปอร์บันเทิงออนไลน์" เมื่อเร็วๆ นี้ว่า "ที่ผ่านมาๆ ไม่ได้มีการฟ้อง เพราะไม่อยากมีปัญหา แต่ตอนนี้มันเยอะเกินไปก็ทนไม่ไหว ยกตัวอย่างเช่น คุณยังไม่ได้ดูหนังแล้วคุณไปพูดชวนคนอื่นว่าอย่ามาดูเลยหนังเรื่องนี้ อันนี้ฟ้องได้ ตำรวจบอกฟ้องได้เป็นลักษณะของการพูดในเชิงที่ทำให้เกิดความเสียหาย เป็นการหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา เพราะว่าตำรวจเขาสืบได้อยู่แล้วว่าคุณไปดูหนังเรื่องนี้หรือไม่ได้ดู"
นอกจากนั้น ยังบอกต่อไปว่า "หนังยังไม่ทันจะฉายเลยแต่คุณมาด่าแล้ว พจน์ อานนท์เลิกทำหนังเถอะ พจน์ อานนท์ไม่มีความสามารถ พจน์ อานนท์ไม่รู้จักพัฒนาฝีมือ พจน์ อานนท์หลอกเงินคนดู ทำหนังแค่ล้านเดียวกินกำไรตั้ง 39 ล้าน อย่างนี้พูดไม่ได้นะ เพราะหนังผมลงทุนตั้ง 20 กว่าล้าน แล้วมาพูดเอาเงินเข้า 39 ล้านนะ คุณก็ผิดแล้ว คุณบอกว่าไม่พัฒนาคุณไปดูหนังหรือยัง หรืออย่างคุณพจน์ไม่มีฝีมือ ไม่มีความสามารถ ไม่มีแต่ผมยังทำหนังมาได้ยังไงตั้ง 27 เรื่องแล้ว"
ส่วนประเด็นที่ใครหลายคนมองว่า เป็นผู้กำกับที่ไม่ยอมรับเสียงวิจารณ์ของคนอื่นนั้น เขาบอกว่า "พูดถึงได้ แต่มันต้องแยกแยะกันนะระหว่างวิจารณ์หรือด่า อย่างถ้าบอกหนังส้นตีนแบบนี้มันอะไรล่ะ เป็นคุณๆ โกรธมั้ย แบบนี้เรียกว่าวิจารณ์ตรงไหน..." หรือในกรณีที่มีคนไปดูมาแล้ว บอกว่าหนังห่วย "คุณก็ต้องบอกว่ามันห่วยยังไง คุณจะวิจารณ์คุณก็ต้องมีความรู้ ถ้าคุณไม่มีความรู้เกี่ยวกับหนังเลย คุณก็มั่วสิอย่างนั้น..." ผู้กำกับชื่อดังชี้แจง
หนังไทยสไตล์พจน์ ถึงเวลาต้องฟัง
ล่าสุด ผู้กำกับชื่อดัง ออกมาโพสต์อินสตาแกรม บอกหมดเเรงทำหนังแล้ว แถมตัดพ้อ "คนเเห่ไปดูดาราเยอะ แต่ดูหนังน้อย" ในขณะที่ชาวเน็ตบางคนได้ตั้งข้อสังเกตไว้อย่างน่าคิด โดยมองว่า ที่ผลออกมาเป็นแบบนี้ เป็นเพราะความผิดผู้กำกับเองหรือไม่ที่ใช้ดาราวัยรุ่นมาดึงคนตั้งแต่แรก
นอกจากนั้น ยังโพสต์ประกาศบอกให้รู้กลายๆ ว่า วัยเป้งง นักเรียนขาสั้น กับ ม. 6/5 ปากหมาท้าผี อาจจะไม่มีภาคต่ออีกแล้ว งานนี้ เพจรีวิวหนังอย่าง "อวยไส้แตกแหกไส้ฉีก" (ปัจจุบันมียอดไลด์กว่า 5 หมื่น) ในฐานะแฟนภาพยนตร์ของพจน์แทบทุกเรื่อง ก็ออกมาโพสต์แสดงความเห็นด้วยความหวังดี แม้ว่าก่อนหน้านี้เคยตั้งกระทู้วิจารณ์หนัง "วัยเป้งง นักเลงขาสั้น" ในเว็บสังคมออนไลน์จนเป็นข่าวใหญ่โตกับผู้กำกับชื่อดังก็ตาม
"ท่านอภิมหาผู้กำกับจอมอัจฉริยะออกอาการท้อแล้วครับ ท่านบอกว่า ทั้งวัยเป้งง กับ ม. 6/5 คงจะไม่มีภาคต่อแน่นอนแล้ว (รึเปล่า) เนื่องจากวัยเป้งง คนดูเอาแต่ไปดูแผ่นผีหมด ดูสิ หนังระดับไฮเอนด์แบบนี้จะไปดูแผ่นผีทำไม และ ม.6/5 ท่านผู้กำกับก็บอกว่าทำรายได้น้อยที่สุด คงไม่มีภาค 4 แล้วล่ะครับ แต่ช้าก่อน วันนี้วันพุธ ท่านผู้กำกับบอกให้ไปช่วยดู ความหวังภาคต่อไปจะยังมี แต่ก็ไม่รู้ว่ามาจนถึงตอนนี้ท่านทราบหรือยังว่า บทเรียนที่ยิ่งใหญ่ของคนทำงานกำกับหนังคืออะไร
ไม่เคารพคนดู? เอาจริงๆ ในฐานะคนดูหนัง ไม่ต้องมาเคารพนอบน้อมอะไรหรอก แต่ช่วยกรุณาให้เกียรติคนที่เขาเสียตังค์หรือเคยเสียตังค์แล้วเข็ดขยาดกับหนังของคุณบ้าง ไม่ใช่พอเขาออกมาด่าก็มาด่าพ่อด่าแม่เขา หรือใครที่เขาออกมาด่าหนังตัวเองก็ไปแจ้งความจับเขา
ปัญหาไม่เกี่ยวกับคนไม่ไปดู เพราะไปเชื่อคนที่มาเที่ยวพูดหรอกว่าหนังดีหรือหนังไม่ดี ตัวเองกำกับหนังมา 20 กว่าปี มันต้องมีทั้งคนรัก และคนที่เข็ดขยาดบ้างแหละ แต่นี่ไม่เคยรับฟังคนด่าเลย พอคนด่าก็ออกมาด่ากลับ ออกมาบอกว่าจะทำหนังอีกปีละ 5 เรื่องสิบเรื่องให้คนด่ามันอกแตกตายไปเลย คือส่วนตัวเราไม่ได้เป็นผู้กำกับหนังไม่ใช่คนในวงการหนัง
ต่อให้คุณพจน์จะกำกับหนังอีกปีละ 500 เรื่อง ผมก็ไม่เดือดร้อน อย่างมากผมก็เลี่ยงไปดูหนังเรื่องอื่นที่ไม่ใช่หนังคุณพจน์ก็จบ ปีนึงมีหนังลงจอเป็นร้อยๆ เรื่อง ถ้าคุณพจน์มีแรงก็กำกับมันสักปีละ 200 เรื่องแล้วเหมาโรงให้หมดทุกโรงทุกรอบทุกวัน รับรองผมหนีหนังคุณไม่ได้แน่นอน
อยากให้เอาคำติไปปรับปรุงงานด้วย ไม่ใช่มองว่าคนที่ติเขาอิจฉาหรือปากหมาหาเรื่องคุณ เขาคือคนที่จ่ายตังค์ไปดูหนังคุณนั่นแหละ ทำไมเขาจะด่าหนังคุณไม่ได้"
เมื่อถามไปยัง ชาตรี อัจฉริยบดี บล็อกเกอร์หนัง และคนทำงานด้านสื่อออนไลน์ เขาให้ความเห็นผ่านทีมข่าว ASTVผู้จัดการ Live โดยมองในภาพรวมว่า "ถ้าให้มองให้ฐานะคนที่ตามในวงการนี้บ้าง พี่พจน์เขารู้ว่า เขามีตลาดกลุ่มไหน และทำหนังเพื่อตอบสนองแฟนคลับของเขา อย่างเรื่อง มอ 6/5 ปากหมาท้าผี พอทำภาคแรกออกมา โอเคโดนใจแฟนคลับ ก็เลยมีภาคสอง ภาคสามตามมา นั่นแสดงว่า เขาต้องมั่นใจในระดับหนึ่งแล้วว่า ทำออกมาจะต้องมีจุดขาย ส่วนเนื้อหาข้างใน โปรดักชันส์ นักแสดง ตรงนี้ไม่สามารถให้ความเห็นได้ เพราะส่วนตัวยังไม่ได้ดู"
ส่วนจำนวนผู้ชมคนดูจะมากหรือน้อย ชาตรี มองว่า ขึ้นอยู่กับรสนิยมของคนดูมากกว่า ซึ่งเป็นสิ่งที่ยังน่าห่วงในสายตาของเขาอยู่มาก เพราะส่วนใหญ่ยังติดแบรนด์ หรือค่ายหนังใหญ่ๆ ที่มีพลังของแฟนคลับจำนวนมาก ทำให้ค่ายหนังอื่นๆ เริ่มสั่นคลอน และส่งผลต่อรายได้ตามมา
วิจารณ์ได้ แต่อย่าเกินเหตุ
ทั้งนี้ เขาให้ทัศนะต่อคดีฟ้องร้องที่เกิดขึ้นว่า "ส่วนตัวมองว่า มันก็เป็นสิทธิ์ของเขาที่จะปกป้องตัวเอง ปกป้องผลงานของเขา ถ้าดูหนังแล้วเข้ามาวิจารณ์ ตามข่าวเขาก็บอกว่าโอเคนะ แต่ถ้ามองอีกมุม อาจจะเป็นการกระทำที่ดูรุนแรงไปหรือเปล่า แบบแรงมา แรงกลับ ซึ่งผมรู้สึกว่า มันไม่น่าจะดีกับทั้งสองฝ่าย"
แล้ววิจารณ์อย่างไรไม่ให้ถูกฟ้อง "ขึ้นชื่อว่าการวิจารณ์ก็ต้องนำเสนอทั้งสองมุม ถึงแม้จะชอบหนังเรื่องนั้น เรื่องนี้มากๆ เลย แต่ก็ไม่ใช่จะอวยไปทั้งหมด มันอาจจะมีมุมอะไรที่เป็นข้อสังเกตหรือเปล่า เช่น โจมตีคนกลุ่มนี้หนักเกินไปหรือเปล่า ซึ่งการวิจารณ์ก็เพื่อเปิดมุมมองให้แก่คนที่ดูหนัง ส่วนการใช้คำ มันสามารถใช้คำที่สื่อให้ตรงประเด็นที่ต้องการได้โดยไม่ต้องใช้คำรุนแรง ซึ่งคำพูด คำเขียนที่รุนแรงล้วนแล้วแต่จุดชนวนให้เกิดดราม่าขึ้นมา"
ท้ายนี้ เขาฝากในฐานะผู้คลุกคลีอยู่ในวงการหนัง และเป็นผู้ที่ชอบการดูหนังคนหนึ่งว่า ไม่ควรตั้งแง่ หรือตัดสินหนังก่อนที่จะได้ดู เพราะมันไม่ยุติธรรมสำหรับคนทำหนัง และอาจทำให้หนังบางเรื่องล้มหายตายจากไปอย่างน่าเสียดาย เพียงเพราะคำตัดสินของคนดู โดยเฉพาะคนดูที่ยังไม่มีโอกาสได้เข้าไปดูหนังเรื่องนั้นๆ เลย
ปัจจุบัน "พจน์ อานนท์" เป็นผู้กำกับภาพยนตร์มายาวนานถึง 20 ปี โดยมีผลงานออกมาอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอรวมๆ แล้วกว่า 20 เรื่อง ดังนั้น คงไม่เกินไปนัก ถ้าจะบอกว่าเขาเป็นคนทำหนังไทยเพียงไม่กี่รายที่สามารถอยู่รอดได้ด้วยการประกอบอาชีพทำหนัง
สำหรับเรื่องที่ทำรายได้มากที่สุดคือ หอแต๋วแตกแหกกระเจิง (2552) ทำไปได้ 54.45 ล้านบาท ส่วนเรื่อง "เพื่อน...กูรักมึงว่ะ" (2550) ทำรายได้ 9 ล้านบาท ซึ่งถือว่าน้อยที่สุดในบรรดาหนังทั้งหมดของเขา สรุปรายได้ของหนังที่กำกับโดย พจน์ อานนท์ ต้องบอกว่า โกยรายได้รวมอย่างน้อยที่สุดราว 560 ล้านบาท (ที่มา : หนึ่งในข้อมูลน่าสนใจจากสกู๊ปของชลนทีและสิริมงคล ในนิตยสารไบโอสโคป ฉบับประจำเดือนมีนาคม 2557)
ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ LIVE
มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram
"ASTVผู้จัดการ Live" และ "@astv_live" กันได้ที่นี่!!
และสามารถส่งข่าวสารและเรื่องราวร้องทุกข์ในสังคมมาได้: astvmanager.live.lite@gmail.com
หรือ โทร.0-2629-4488 ต่อ 1477, Fax 0-2629-4754